คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอให้การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ปรับปรุงสภาพการจ้างที่เกี่ยวกับการเงินในเรื่องที่ มท. ขอปรับเพิ่มสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล 2 กรณี เพื่อเป็นการช่วยเหลือให้ผู้ปฏิบัติงานหรือบุคคลในครอบครัวมีภาวะสุขภาพที่ดีและมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสุขภาพของประชาชน ดังนี้
1. ค่าธรรมเนียมแพทย์หรือค่าบริการทางการแพทย์สำหรับผู้ปฏิบัติงานกรณีเข้ารับการรักษาพยาบาลในคลินิกพิเศษหรือคลินิกนอกเวลาของสถานพยาบาลของทางราชการมีสิทธิเบิกได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินครั้งละ 300 บาท รวมแล้วไม่เกินปีงบประมาณละ 3,600 บาท
2. ค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ปฏิบัติงานหรือบุคคลในครอบครัว กรณีเข้ารับการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอกในสถานพยาบาลของเอกชนหรือคลินิกเวชกรรม มีสิทธิเบิกได้เท่าที่จ่ายจริงรวมแล้วไม่เกินปีงบประมาณละ 3,600 บาทต่อครอบครัว
มท. รายงานว่า
1. ปัจจุบัน กปภ. ได้ดำเนินการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้ปฏิบัติงานและบุคคลในครอบครัวตามข้อบังคับการประปาส่วนภูมิภาค ว่าด้วยการสงเคราะห์เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล พ.ศ. 2523 และที่แก้ไขเพิ่มเติม แต่เนื่องจากข้อบังคับดังกล่าวไม่ได้กำหนดสิทธิค่าธรรมเนียมพิเศษแพทย์หรือค่าบริการทางการแพทย์พิเศษ กรณีผู้ปฏิบัติงานเข้ารับการรักษาพยาบาลในคลินิกพิเศษหรือคลินิกนอกเวลาของสถานพยาบาลของทางราชการ และกรณีผู้ปฏิบัติงานหรือบุคคลในครอบครัวเข้ารับการรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอกในสถานพยาบาลเอกชนหรือคลินิกเวชกรรม กรณีเจ็บป่วยทั่วไป ทำให้ผู้ปฏิบัติงานจำเป็นต้องเลือกใช้สิทธิวันลาเพื่อเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลของราชการ ซึ่งอาจส่งผลต่อเวลาการปฏิบัติงานให้ กปภ. และประสิทธิภาพในการทำงานของผู้ปฏิบัติงานลดลง กปภ. จึงได้จัดทำรายละเอียดการปรับเพิ่มสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลของ กปภ. ตามหลักเกณฑ์นัยมติคณะรัฐมนตรี (7 มีนาคม 2560) รายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
หลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2560
1. ความเหมาะสมและความจำเป็นของแต่ละตำแหน่งงาน
การดำเนินการของ กปภ.
- เป็นการช่วยเหลือและสนับสนุนให้ผู้ปฏิบัติงานมีโอกาสเข้ารับการรักษาพยาบาลนอกเวลาการปฏิบัติงาน อาจส่งผลให้ผู้ปฏิบัติงานใช้สิทธิวันลาลดลง
- กปภ.พิจารณาปรับปรุงสวัสดิการดังกล่าวให้ผู้ปฏิบัติงานทุกระดับตำแหน่ง ซึ่งในปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 8,633 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2561)
หลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2560
2. สถานะทางการเงินของรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่ง
การดำเนินการของ กปภ.
- การปรับเพิ่มสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลของ กปภ. มีจำนวนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่ยังอยู่ในระดับที่เหมาะสมและไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของ กปภ.
หลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2560
3. ผลกระทบต่อภาระงบประมาณ
การดำเนินการของ กปภ.
- กปภ. ได้มีการประมาณการค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงสวัสดิการหรือประโยชน์อื่น โดยคำนวณจากสมมติฐานประมาณการของจำนวนผู้ใช้สิทธิรักษาพยาบาลระหว่างปี 2558 – 2562 ดังนี้ 1
รายการ ปีงบประมาณ (ล้านบาท) 2563 2564 2565 2566 2567 1. ค่าธรรมเนียมแพทย์ฯ สำหรับผู้ปฏิบัติงาน กรณีเข้ารับการรักษาพยาบาลในคลินิกพิเศษ หรือคลินิกนอกเวลาของสถานพยาบาลของทางราชการ 1.17 1.19 1.24 1.28 1.32 2. ค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ปฏิบัติงานหรือบุคคลในครอบครัว กรณีเข้ารับการรักษาพยาบาล ประเภทผู้ป่วยนอกในสถานพยาบาลของเอกชนฯ 18.87 19.31 20.01 20.71 21.42 รวมทั้งสิ้น 20.04 20.50 21.25 21.99 22.74 หมายเหตุ1 : รายละเอียดตามข้อมูลที่หน่วยงานของรัฐต้องเสนอพร้อมกับการขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีตามนัยมาตรา 27 ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 หลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2560 4. ภาพรวมผลประโยชน์ตอบแทนทั้งหมดที่ลูกจ้างรัฐวิสาหกิจได้รับ การดำเนินการของ กปภ. - การปรับเพิ่มสวัสดิการดังกล่าวมิได้ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างค่าตอบแทนภาพรวมของบุคลากรรัฐวิสาหกิจ ทั้งในระดับภายในและภายนอก เนื่องจาก กปภ. ให้กับผู้ปฏิบัติงานทุกราย และหน่วยงานของรัฐวิสาหกิจบางแห่งได้ดำเนินการปรับสวัสดิการดังกล่าวไปแล้ว เช่น องค์การเภสัชกรรม การไฟฟ้านครหลวง จึงมีเหตุผลสมควรที่จะปรับเพิ่มสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลดังกล่าว เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน หลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2560 5. ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นพนักงานรัฐวิสาหกิจที่ได้รับสิทธิตามสวัสดิการเดิมที่มีอยู่แล้ว การดำเนินการของ กปภ. - การปรับเพิ่มสวัสดิการดังกล่าวเป็นสวัสดิการที่ไม่มีอยู่เดิม และ กปภ. ให้กับผู้ปฏิบัติงานทุกราย ไม่มีผลกระทบกับผู้ปฏิบัติงานกลุ่มใด และไม่เป็นอุปสรรคต่อระบบแรงงานสัมพันธ์ในองค์กร
ซึ่งการปรับเพิ่มสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลของ กปภ. ทั้ง 2 กรณี เป็นงบประมาณค่าใช้จ่ายของ กปภ. ทั้งหมด ประมาณการค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น 20.04 – 22.74 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของ กปภ. ในช่วงปี 2563 – 2567 (ประมาณ 3,452.36 – 3,930.24 ล้านบาท) ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 0.56 – 0.59 ของประมาณการกำไรสุทธิ
คณะกรรมการ กปภ. ในคราวประชุมครั้งที่ 9/2561 เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2561 และคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2563 ได้มีมติเห็นชอบให้ กปภ. ปรับเพิ่มสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล 2 กรณี [ตามข้อเสนอของ มท. (กปภ.)] โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ