คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 1,423.5 ล้านบาท ให้แก่กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม สำหรับการดำเนินมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม กระทรวงการคลัง เสนอ
สาระสำคัญ
1. วัตถุประสงค์ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานให้แก่ผู้มีบัตรฯ อย่างต่อเนื่อง
2. วิธีดำเนินการ
การขยายเวลามาตรการบรรเทาฯ จะเป็นการดำเนินการคงเดิมตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562 มีสาระสำคัญ ดังนี้
2.1 กรณีค่าไฟฟ้า ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือนติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน ให้ใช้สิทธิค่าไฟฟ้าฟรีตามมาตรการที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่หากใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วยต่อเดือนให้ใช้สิทธิตามมาตรการนี้ในวงเงิน 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้เกินวงเงินที่กำหนด ผู้มีบัตรฯ เป็นผู้รับภาระค่าไฟฟ้าทั้งหมด
2.2 กรณีค่าน้ำประปา ให้ใช้น้ำประปาในวงเงิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน กรณีที่ใช้เกินวงเงินที่กำหนด ผู้มีบัตรฯ เป็นผู้รับภาระค่าน้ำประปาทั้งหมด
ทั้งนี้ ผู้มีบัตรฯ ต้องนำใบแจ้งค่าไฟฟ้าและใบแจ้งค่าน้ำประปาไปชำระที่สำนักงานการไฟฟ้านครหลวง สำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ สำนักงานการประปานครหลวง และสำนักงานการประปาส่วนภูมิภาค พร้อมทั้งแสดงบัตรสวัสดิการแห่งรัฐโดยทุกสิ้นเดือนการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กิจการไฟฟ้า สวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ การประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค จะส่งบันทึกรายชื่อผู้มีบัตรฯ ที่ใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาภายใต้วงเงินที่กำหนดให้กรมบัญชีกลาง เพื่อที่กรมบัญชีกลางจะนำเงินจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม (กองทุนประชารัฐฯ) มาจ่ายคืนผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (ช่อง e-Money)
นอกจากนี้ กรณีค่าน้ำประปาจะมีการพิจารณาดำเนินการให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เช่น ประปาหมู่บ้าน เป็นต้น
3. กลุ่มเป้าหมาย ผู้มีบัตรฯ จำนวนประมาณ 13.9 ล้านคน คิดเป็นครัวเรือนประมาณ 8 ล้านครัวเรือน (1 ครัวเรือนใช้ได้เพียง 1 สิทธิเท่านั้น)
4. ระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 ถึงเดือนกันยายน 2564 รวมเป็นระยะเวลา 12 เดือน
5. งบประมาณ ประมาณการสำหรับค่าไฟฟ้าจำนวน 1,390 ล้านบาทต่อปี ประมาณการสำหรับค่าน้ำประปาจำนวน 33.5 ล้านบาทต่อปี งบประมาณรวมทั้งสิ้น 1,423.5 ล้านบาทต่อปี โดยขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ให้แก่กองทุนประชารัฐฯ
ทั้งนี้ คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม (คณะกรรมการฯ) ในการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 3/2563 เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2563 มีมติเห็นชอบให้นำเรื่องการขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาฯ เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 22 กันยายน 2563