คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการกำหนดวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษตามที่ รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ ดังนี้
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ได้เชิญผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตำรวจทางหลวง) สำนักงาน ก.พ. สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ สมาคมโรงแรมไทย สมาคมผู้ประกอบการขนส่งทั่วไทย และสายการบินไทยแอร์เอเชีย มาร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับการกำหนดให้มีวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2563 ณ ห้องประชุม 2502 ตึกบัญชาการ 2 ทำเนียบรัฐบาล โดยที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวร่วมกับปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ และการบริหารจัดการของภาครัฐและเอกชนแล้ว สรุปข้อเสนอของที่ประชุม ดังนี้
1. ผู้ประกอบการภาคเอกชนทุกรายเห็นด้วยกับนโยบายการเพิ่มวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศทดแทนนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยเสนอแนะแนวทางทั่วไปว่า
1.1 หากจะมีวันหยุดราชการป็นกรณีพิเศษ ควรประกาศกำหนดล่วงหน้านานพอสมควร เพื่อความสะดวกในการเตรียมตัวทั้งในฝ่ายผู้ประกอบการและผู้เดินทาง
1.2 การส่งเสริมการเดินทางในวันทำการที่กำหนดให้เป็นวันหยุดราชการพิเศษมีประโยชน์มากกว่าการเดินทางท่องเที่ยวในวันเสาร์อาทิตย์ เพราะปกติก็มีการเดินทางและการสร้างรายได้อยู่แล้ว ทั้งทำให้การจราจรหนาแน่นเกินควร
1.3 การกำหนดวันหยุดราชการพิเศษควรคำนึงถึงการเดินทางเป็นครอบครัวจึงควรพิจารณาช่วงวันปิดภาคการศึกษา โดยคำนึงถึงสภาพดินฟ้าอากาศ และเทศกาลต่าง ๆ ประกอบด้วย
2. การกำหนดวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษในเดือนตุลาคม 2563
เดือนตุลาคม 2563 มีวันหยุดราชการในวันอังคารที่ 13 ตุลาคม 2563 และวันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม 2563 จำนวน 2 วันอยู่แล้ว ซึ่งเพียงพอต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจสำหรับเดือนนี้ ที่ประชุมจึงเห็นควรไม่กำหนดวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษสำหรับเดือนตุลาคม 2563
แต่โดยที่เดือนนี้ส่วนราชการต่าง ๆ มีกำหนดจัดพิธีถวายผ้ากฐิน ณ วัดต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด จึงควรใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการจับจ่ายใช้สอยของภาครัฐ โดยให้สำนักงาน ก.พ. แจ้งเวียนหน่วยงานของรัฐกรณีมีกำหนดการถวายผ้ากฐิน ณ วัดต่างจังหวัดในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ ซึ่งข้าราชการอาจต้องเดินทางไปเตรียมการล่วงหน้าในวันศุกร์ หรือเดินทางกลับในวันจันทร์ ก็ให้ถือเป็นการปฏิบัติราชการตามปกติโดยไม่ถือเป็นการลาสำหรับหน่วยงานนั้น
ทั้งนี้ เลขาธิการ ก.พ. ได้เสนอว่า สำนักงาน ก.พ. จะได้จัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการจับจ่ายใช้สอยของภาครัฐ ด้วยการสนับสนุนให้มีการจัดประชุม อบรม สัมมนา และการปฏิบัติราชการในต่างจังหวัดในช่วงปีงบประมาณ 2564 ซึ่งเป็นการขยายแนวคิดจาก work from home เป็น work anywhere ต่อไป
3. การกำหนดวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษในเดือนพฤศจิกายน 2563
เดือนพฤศจิกายน 2563 ไม่มีวันหยุดนักขัตฤกษ์ ที่ประชุมจึงเห็นสมควรเสนอรัฐบาลให้กำหนดวันหยุดราชการเพิ่มเติมเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการจับจ่ายใช้สอยในเดือนนี้ โดยเห็นควรกำหนดให้มีวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษในวันพฤหัสบดีที่ 19 และวันศุกร็ที่ 20 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งจะทำให้มีวันหยุดราชการต่อเนื่องไปถึงวันเสาร์ – วันอาทิตย์ ตั้งแต่วันที่ 19 – 22 พฤศจิกายน 2563 รวมทั้งสิ้น 4 วัน
ทั้งนี้ การกำหนดให้มีวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษดังกล่าว ไม่ถือเป็นวันหยุดราชการประจำปีและไม่จำเป็นต้องถือเป็นวันหยุดตามเงื่อนไขสัญญาสัมปทานฯ ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด ในการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษในวันหยุดราชการประจำปีและวันหยุดนักขัตฤกษ์
4. การกำหนดวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษในเดือนธันวาคม 2563
เดือนธันวาคม 2563 มีวันหยุดราชการในวันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม 2563 (วันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษารัชกาลที่ 9) ซึ่งจะหยุดชดเชยในวันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2563 วันพฤหัสที่ 10 ธันวาคม 2563 (วันรัฐธรรมนูญ) และวันหยุดสิ้นปีต่อเนื่องปีใหม่ตั้งแต่ วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวามคม 2563 ถึงวันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2564 และโดยที่เดือนนี้อาจจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศในวันอาทิตย์ของสัปดาห์ใดสัปดาห์หนึ่งของของเดือนตามที่กระทรวงมหาดไทยเตรียมการอยู่ ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้เสนอให้เลื่อนวันหยุดชดเชยจากวันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม 2563 ไปหยุดชดเชยในวันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม 2563 ซึ่งจะทำให้มีวันหยุดราชการต่อเนื่องรวม 4 วัน ตั้งแต่วันที่ 10 – 13 ธันวาคม 2563 โดยหากมีการกำหนดวันเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศในช่วงนี้ การกำหนดวันหยุดราชการต่อเนื่อง 4 วันจะช่วยให้ประชาชนสามารถเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อเลือกตั้งท้องถิ่น อันเป็นการส่งเสริมการดำเนิการกิจกรรมตามระบอบประชาธิปไตยอีกทางหนึ่งด้วย
อนึ่ง การกำหนดวันหยุดพิเศษเหล่านี้ ควรให้บางหน่วยงานที่อาจมีการนัดประชาชนไว้แล้ว สามารถพิจารณาตามความเหมาะสมได้ เช่น โรงพยาบาล ศาล ธนาคาร สถาบันการเงิน
5. แนวทางการดำเนินการต่อไป
เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลอดจนสืบสานรักษาเทศกาลประเพณีท้องถิ่นที่สำคัญของแต่ละภูมิภาค ที่ประชุมได้เสนอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับไปศึกษาเกี่ยวกับการกำหนดวันหยุดราชการประจำภูมิภาคตามเทศกาลประเพณีท้องถิ่นที่สำคัญของแต่ละภูมิภาค ซึ่งไม่มีนัยสำคัญต่อภูมิภาคอื่น เช่น ประเพณียี่เป็งของภาคเหนือ ประเพณีไหลเรือไฟของภาคอีสาน ประเพณีสารทเดือนสิบของภาคใต้ และควรทำตารางกิจกรรมท่องเที่ยวของแต่ละท้องที่ในแต่ละเดือน โดยอาจหารือกระทรวงวัฒนธรรมด้วย นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เสนอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับไปศึกษาเกี่ยวกับการกำหนดวันหยุดราชการครึ่งวันเป็นกรณีพิเศษ เช่น ครึ่งบ่ายของวันศุกร์ และครึ่งเช้าของวันจันทริ์ ซึ่งผู้ประกอบการโรงแรมเสนอว่าจะช่วยให้ได้ประโยชน์จากระยะเวลาการพำนักที่ ยาวนานขึ้น
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 22 กันยายน 2563