คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ ทั่วราชอาณาจักรออกไปอีก 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1-31 ตุลาคม 2563 ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
เรื่องเดิม เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2563 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 5) ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2563 และสิ้นสุดในวันที่ 3 กันยายน 2563 เพื่อขยายระยะเวลาการบังคับใช้อำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ในการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในประเทศ
การดำเนินการที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2563 สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะสำนักงานประสานงานกลาง ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ได้เชิญหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการในด้านต่างๆ ตามพระราชกำหนดฯ ผู้แทนส่วนราชการและประชาคมข่าวกรองเข้าร่วมการประชุม โดยมีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธาน เพื่อประเมินผลการปฏิบัติของส่วนราชการต่าง ๆ ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน และพิจารณากำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด?19 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
1. ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในภาพรวมทั่วโลกยังมีแนวโน้มทวีความรุนแรงและมีการแพร่กระจายในหลายภูมิภาค นอกจากนี้ ปัจจุบันยังพบคนไทยในประเทศติดเชื้อโควิด-19 โดยไม่ทราบสาเหตุ ประกอบกับรัฐบาลได้มีการดำเนินมาตรการเพื่อกระตุ้นและขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศโดยการอนุญาตให้ชาวต่างชาติหลายกลุ่มสามารถเดินทางเข้ามาภายในราชอาณาจักรเพิ่มเติม รวมทั้ง ยังมีสถานการณ์การรวมกลุ่มของประชาชนเพื่อชุมนุมประท้วงทางการเมือง ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการแพร่ระบาดในระลอกที่สอง ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องมีอำนาจตามกฎหมายเพื่อกำกับดูแลโดยเจ้าหน้าที่รัฐอย่างเข้มงวด เป็นเอกภาพและต่อเนื่อง เพื่อควบคุมมิให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโรคภายในประเทศ
2. ที่ประชุมเห็นพ้องกันว่ายังมีความจำเป็นจะต้องใช้อำนาจตามพระราชกำหนดฯ เพื่อกำกับดูแลและบริหารจัดการให้เป็นไปตามมาตรการด้านสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ 1) การควบคุมการเดินทาง เข้า - ออกราชอาณาจักรในทุกช่องทาง 2) การจัดทำระบบติดตามตัว การกักตัว และการเฝ้าระวังบุคคลต้องสงสัย และ 3) การกำหนดมาตรการควบคุมโรคที่สามารถบังคับใช้ได้อย่างครอบคลุมในทุกกิจกรรม/กิจการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจะต้องมีระบบการบริหารจัดการวิกฤติการณ์ในลักษณะการรวมศูนย์ที่มีการบูรณาการกำลังจากพลเรือน ตำรวจ และทหาร เข้าร่วมปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็วและเพียงพอตามภารกิจที่เกี่ยวข้อง
3. ที่ประชุมให้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่าอำนาจตามพระราชกำหนดฯ ถือเป็นเครื่องมือทางกฎหมายของภาครัฐเพื่อป้องกันและควบคุมมิให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ในระหว่างการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการอีกระยะหนึ่ง
4. สมช. ได้นำผลการประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดังกล่าวเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 12/2563 เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2563 ซึ่งที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบผลการประชุม และมีมติให้นำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรต่อไป
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 29 กันยายน 2563