คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงศึกษาธิการรายงานความก้าวหน้าของโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุน ในปี 2548 ดังนี้
1. กระทรวงศึกษาธิการได้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้น เพื่อรับผิดชอบในการดำเนินการและติดตามผลของโครงการดังกล่าว โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน และมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
2. เมื่อแรกเริ่มมีนักเรียนที่ได้รับทุนรวมทั้งสิ้น 921 คน มีผู้ศึกษาต่อในประเทศไทย 182 คน และศึกษาต่อต่างประเทศ 739 คน ปัจจุบันมีนักเรียนกลับมาศึกษาต่อในประเทศ 9 คน เนื่องจากมีปัญหาด้านการเรียนและสุขภาพ ขณะนี้มีนักเรียนในประเทศ 191 คน (ชาย 44 คน หญิง 147 คน) และนักเรียนในต่างประเทศ 730 คน (ชาย 228 คน หญิง 502 คน)
3. นักเรียนที่ศึกษาต่อในประเทศมีกระจายกันอยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ ทั้งที่เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ 42 แห่ง และเอกชน 15 แห่ง ผลการเรียนของนักเรียนอยู่ในระดับดี คือ เกรดเฉลี่ย 3 ขึ้นไปมีถึง 50% เกรดเฉลี่ย 3.5 มีถึง 25% เกรดเฉลี่ย 2.5 มีถึง 80% เกรดเฉลี่ยต่ำกว่า 2 มีอยู่ 9 คน
4. นักเรียนที่ศึกษาในต่างประเทศมีผลการเรียนดีและได้รับคำชมเชยจากอาจารย์และสถาบันที่สอน ว่ามีความตั้งใจเล่าเรียนดีกว่าเด็กต่างชาติอื่น และมีการปรับตัวได้ดี มีพัฒนาการดีทุกด้าน นักเรียนมีทัศนคติที่ดีต่อการรับทุน และเห็นว่าเป็นการเปิดโอกาสให้แก่ผู้ที่ด้อยโอกาส และไม่คิดว่าจะมีโอกาสมาศึกษาในต่างประเทศ ทุกคนพร้อมจะกลับมาพัฒนาชาติบ้านเมืองของตน มีนักเรียน 2 คน สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วที่ประเทศเนเธอร์แลนด์และฝรั่งเศส โดยใช้เวลาเรียนภาษาเพียง 1 ปีเท่านั้น (ตามกำหนดเดิมให้ไว้ 2 ปี)
5. สำหรับปี 2548-2553 งบประมาณของโครงการที่ตั้งไว้ รวมทั้งสิ้น 4,462 ล้านบาท ขณะนี้ ได้รับอนุมัติแล้วจำนวน 4,013 ล้านบาท เป็นค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายของนักเรียน ค่าบริหารโครงการ
6. ปัญหาสำหรับนักเรียนภายในประเทศมีอุปสรรคเล็กน้อย เนื่องจากมีการเบิกจ่ายเงินให้สถานศึกษาทีละ 6 เดือน ทำให้นักเรียนได้รับเงินล่าช้า คณะกรรมการฯ จึงได้ขอให้แก้ไขให้จ่ายค่าเล่าเรียนให้สถานศึกษาและจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนตัวให้นักเรียน โดยโอนเข้าบัญชีโดยตรงทุกเดือน สำหรับกิจกรรมของนักเรียนภายในประเทศจะได้จัดให้มีค่ายพักแรมร่วมกัน เพื่อสร้างความคุ้นเคยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของกันและกัน ในระหว่างวันที่ 4-6 พฤษภาคม ศกนี้ ที่ศูนย์วิชาการและนันทนาการเซนต์คาเบรียล 2000 จังหวัดนนทบุรี สำหรับนักเรียนที่มีปัญหาผลการเรียนต่ำ จำนวน 9 คน ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปรับทราบปัญหาและหาทางแก้ไขโดยด่วน
7. ปัญหาสำหรับนักเรียนในต่างประเทศ ต้องการที่จะกลับมาเยี่ยมบ้านปีละครั้ง ซึ่งคณะกรรมการฯ เห็นว่าควรให้การสนับสนุน เพราะจะทำให้รู้สึกผูกพันกับครอบครัวและประเทศไทยโดยขอให้สำนักงาน ก.พ. ช่วยประสานกับสถานศึกษาให้กลับมาในระหว่างปิดภาค สำหรับค่าใช้จ่ายนั้น จะใช้งบประมาณค่าใช้จ่ายที่ได้ตั้งไว้แล้ว สำหรับเป็นค่ากินอยู่ของนักเรียนในต่างประเทศ และเมื่อกลับมาแล้วให้จัดกิจกรรมร่วมกัน โดยเฉพาะให้มีการเล่าประสบการณ์ของกันและกันให้เพื่อนนักเรียนอื่น ๆ ทราบ
8. นักเรียนในต่างประเทศได้แสดงความขอบคุณที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเยี่ยมเพื่อสอบถามทุกข์สุข ณ ประเทศอิตาลี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ไปเยี่ยมที่ประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี สาธารณรัฐประชาชนจีน และเดนมาร์ก ในระหว่างที่ไปปฏิบัติราชการในประเทศนั้น ๆ คณะกรรมการฯ เห็นว่า การไปเยี่ยมนักเรียนของข้าราชการระดับสูงจะทำให้นักเรียนรู้สึกอบอุ่น และมีขวัญกำลังใจในการศึกษาเล่าเรียน จึงใคร่ขอให้รัฐมนตรีหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ได้ใช้โอกาสในการไปราชการไปพบปะนักเรียนทุน 1 อำเภอ 1 ทุนด้วย ซึ่งสำนักงาน ก.พ. และสถานเอกอัครราชทูตมีที่อยู่ของนักเรียนทุกคนในต่างประเทศ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 พฤษภาคม 2548--จบ--
1. กระทรวงศึกษาธิการได้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้น เพื่อรับผิดชอบในการดำเนินการและติดตามผลของโครงการดังกล่าว โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน และมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
2. เมื่อแรกเริ่มมีนักเรียนที่ได้รับทุนรวมทั้งสิ้น 921 คน มีผู้ศึกษาต่อในประเทศไทย 182 คน และศึกษาต่อต่างประเทศ 739 คน ปัจจุบันมีนักเรียนกลับมาศึกษาต่อในประเทศ 9 คน เนื่องจากมีปัญหาด้านการเรียนและสุขภาพ ขณะนี้มีนักเรียนในประเทศ 191 คน (ชาย 44 คน หญิง 147 คน) และนักเรียนในต่างประเทศ 730 คน (ชาย 228 คน หญิง 502 คน)
3. นักเรียนที่ศึกษาต่อในประเทศมีกระจายกันอยู่ในภูมิภาคต่าง ๆ ทั้งที่เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ 42 แห่ง และเอกชน 15 แห่ง ผลการเรียนของนักเรียนอยู่ในระดับดี คือ เกรดเฉลี่ย 3 ขึ้นไปมีถึง 50% เกรดเฉลี่ย 3.5 มีถึง 25% เกรดเฉลี่ย 2.5 มีถึง 80% เกรดเฉลี่ยต่ำกว่า 2 มีอยู่ 9 คน
4. นักเรียนที่ศึกษาในต่างประเทศมีผลการเรียนดีและได้รับคำชมเชยจากอาจารย์และสถาบันที่สอน ว่ามีความตั้งใจเล่าเรียนดีกว่าเด็กต่างชาติอื่น และมีการปรับตัวได้ดี มีพัฒนาการดีทุกด้าน นักเรียนมีทัศนคติที่ดีต่อการรับทุน และเห็นว่าเป็นการเปิดโอกาสให้แก่ผู้ที่ด้อยโอกาส และไม่คิดว่าจะมีโอกาสมาศึกษาในต่างประเทศ ทุกคนพร้อมจะกลับมาพัฒนาชาติบ้านเมืองของตน มีนักเรียน 2 คน สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้วที่ประเทศเนเธอร์แลนด์และฝรั่งเศส โดยใช้เวลาเรียนภาษาเพียง 1 ปีเท่านั้น (ตามกำหนดเดิมให้ไว้ 2 ปี)
5. สำหรับปี 2548-2553 งบประมาณของโครงการที่ตั้งไว้ รวมทั้งสิ้น 4,462 ล้านบาท ขณะนี้ ได้รับอนุมัติแล้วจำนวน 4,013 ล้านบาท เป็นค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายของนักเรียน ค่าบริหารโครงการ
6. ปัญหาสำหรับนักเรียนภายในประเทศมีอุปสรรคเล็กน้อย เนื่องจากมีการเบิกจ่ายเงินให้สถานศึกษาทีละ 6 เดือน ทำให้นักเรียนได้รับเงินล่าช้า คณะกรรมการฯ จึงได้ขอให้แก้ไขให้จ่ายค่าเล่าเรียนให้สถานศึกษาและจ่ายค่าใช้จ่ายส่วนตัวให้นักเรียน โดยโอนเข้าบัญชีโดยตรงทุกเดือน สำหรับกิจกรรมของนักเรียนภายในประเทศจะได้จัดให้มีค่ายพักแรมร่วมกัน เพื่อสร้างความคุ้นเคยและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของกันและกัน ในระหว่างวันที่ 4-6 พฤษภาคม ศกนี้ ที่ศูนย์วิชาการและนันทนาการเซนต์คาเบรียล 2000 จังหวัดนนทบุรี สำหรับนักเรียนที่มีปัญหาผลการเรียนต่ำ จำนวน 9 คน ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปรับทราบปัญหาและหาทางแก้ไขโดยด่วน
7. ปัญหาสำหรับนักเรียนในต่างประเทศ ต้องการที่จะกลับมาเยี่ยมบ้านปีละครั้ง ซึ่งคณะกรรมการฯ เห็นว่าควรให้การสนับสนุน เพราะจะทำให้รู้สึกผูกพันกับครอบครัวและประเทศไทยโดยขอให้สำนักงาน ก.พ. ช่วยประสานกับสถานศึกษาให้กลับมาในระหว่างปิดภาค สำหรับค่าใช้จ่ายนั้น จะใช้งบประมาณค่าใช้จ่ายที่ได้ตั้งไว้แล้ว สำหรับเป็นค่ากินอยู่ของนักเรียนในต่างประเทศ และเมื่อกลับมาแล้วให้จัดกิจกรรมร่วมกัน โดยเฉพาะให้มีการเล่าประสบการณ์ของกันและกันให้เพื่อนนักเรียนอื่น ๆ ทราบ
8. นักเรียนในต่างประเทศได้แสดงความขอบคุณที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเยี่ยมเพื่อสอบถามทุกข์สุข ณ ประเทศอิตาลี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้ไปเยี่ยมที่ประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี สาธารณรัฐประชาชนจีน และเดนมาร์ก ในระหว่างที่ไปปฏิบัติราชการในประเทศนั้น ๆ คณะกรรมการฯ เห็นว่า การไปเยี่ยมนักเรียนของข้าราชการระดับสูงจะทำให้นักเรียนรู้สึกอบอุ่น และมีขวัญกำลังใจในการศึกษาเล่าเรียน จึงใคร่ขอให้รัฐมนตรีหรือข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ได้ใช้โอกาสในการไปราชการไปพบปะนักเรียนทุน 1 อำเภอ 1 ทุนด้วย ซึ่งสำนักงาน ก.พ. และสถานเอกอัครราชทูตมีที่อยู่ของนักเรียนทุกคนในต่างประเทศ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 10 พฤษภาคม 2548--จบ--