คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) เสนอดังนี้
1. เห็นชอบแผนปฏิบัติการด้านการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบระยะที่ 1 (พ.ศ. 2563 - 2565)
2. เห็นชอบให้หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และภาคเอกชนแปลงแนวทางตามแผนปฏิบัติการฯ สู่การปฏิบัติ โดยกำหนดไว้ในแผนปฏิบัติราชการประจำปี และรายงานผลการดำเนินงานตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกำหนด (สศช.) กำหนด
สาระสำคัญของเรื่อง
คณะกรรมการ ป.ป.ช. รายงานว่า
1. คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในการประชุมครั้งที่ 64/2563 เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2563 มีมติเห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการด้านการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2563 - 2565) เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแปลงแนวทางการพัฒนาของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (21) ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (พ.ศ. 2561 - 2580) ผลักดันไปสู่การปฏิบัติและบริหารการดำเนินงานให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายของแผนแม่บทฯ ที่กำหนดว่า ?ประเทศไทยปลอดการทุจริตและประพฤติมิชอบ? โดยได้รับผลการประเมินดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index: CPI) อยู่ในอันดับ 1 ใน 54 และ/หรือได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 50 คะแนน ในปี 2565
2. แผนปฏิบัติการฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้
วัตถุประสงค์
เพื่อเป็นเครื่องมือสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแปลงแนวทางการพัฒนาของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (21) ประเด็นการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ ผลักดันไปสู่การปฏิบัติและบริหารการดำเนินงานให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายของแผนแม่บทฯ ภายในกรอบระยะเวลาที่กำหนด
แผนปฏิบัติการ/เป้าหมาย/ตัวชี้วัด
แผนปฏิบัติการฯ ประกอบด้วย 2 แผนย่อย คือ แผนย่อยการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ และแผนย่อยการปราบปรามการทุจริต โดยมีเป้าหมายและตัวชี้วัด ดังนี้
เป้าหมาย/ตัวชี้วัด
1. แผนย่อยการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ มีเป้าหมาย 2 ประการ ได้แก่ (1) ประชาชนมีวัฒนธรรมและพฤติกรรมซื่อสัตย์สุจริต (2) คดีทุจริตและประพฤติมิชอบลดลงโดยมีตัวชี้วัด เช่น
ปี 2563
- ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยมีพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตร้อยละ 46
- จำนวนคดีทุจริตในภาพรวมลดลงร้อยละ 6
ปี 2564
- ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยมีพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตร้อยละ 48
- จำนวนคดีทุจริตในภาพรวมลดลงร้อยละ 8
ปี 2565
- ร้อยละของเด็กและเยาวชนไทยมีพฤติกรรมที่ยึดมั่นความซื่อสัตย์สุจริตร้อยละ 50
- จำนวนคดีทุจริตในภาพรวมลดลงร้อยละ 10
2. แผนย่อยการปราบปรามการทุจริต มีเป้าหมาย คือ การดำเนินคดีทุจริตมีความรวดเร็ว เป็นธรรม โปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติ โดยมีตัวชี้วัด เช่น
ปี 2563
- กระบวนการดำเนินคดีทุจริตที่จำเป็นต้องขอขยายเวลาเกินกว่ากรอบเวลาปกติที่กฎหมายกำหนดไม่เกินร้อยละ 50
- จำนวนคดีอาญาที่หน่วยงานไต่สวนคดีทุจริตถูกฟ้องกลับไม่เกินร้อยละ 6 ของจำนวนคดีที่ส่งฟ้อง
ปี 2564
- กระบวนการดำเนินคดีทุจริตที่จำเป็นต้องขอขยายเวลาเกินกว่ากรอบเวลาปกติที่กฎหมายกำหนดไม่เกินร้อยละ 35
- จำนวนคดีอาญาที่หน่วยงานไต่สวนคดีทุจริตถูกฟ้องกลับไม่เกินร้อยละ 5 ของจำนวนคดีที่ส่งฟ้อง
ปี 2565
- กระบวนการดำเนินคดีทุจริตที่จำเป็นต้องขอขยายเวลาเกินกว่ากรอบเวลาปกติที่กฎหมายกำหนดไม่เกินร้อยละ 25
- จำนวนคดีอาญาที่หน่วยงานไต่สวนคดีทุจริตถูกฟ้องกลับไม่เกินร้อยละ 4 ของจำนวนคดีที่ส่งฟ้อง
กลุ่มเป้าหมายเด็ก เยาวชน ประชาชน หน่วยงานภาครัฐ
แนวทางการพัฒนา เช่น
(1) ปลูกและปลุกจิตสำนึกการเป็นพลเมืองที่ดี มีวัฒนธรรม และการปลูกฝังและหล่อหลอมวัฒนธรรมในกลุ่มเด็ก เยาวชน และประชาชนทุกช่วงวัย ทุกระดับ
(2) ส่งเสริมการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐให้มีความใสสะอาดปราศจากพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริต
(3) เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของกระบวนการและกลไกการปราบปรามการทุจริต
(4) พัฒนาการจัดการองค์ความรู้ด้านการปราบปรามการทุจริต
รูปแบบการดำเนินการ
พัฒนาเครื่องมือวัดเพื่อสำรวจ
(1) พฤติกรรมที่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตของเด็กและเยาวชน และ
(2) วัฒนธรรม ค่านิยม ทัศนคติและพฤติกรรมซื่อสัตย์สุจริตของประชาชน รวมทั้งประเมินผลคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ
โครงการ/งบประมาณ
โครงการภายใต้แนวทางการพัฒนามีจำนวนทั้งสิ้น 971 โครงการ วงเงินรวม 10,248,313,500 บาท เช่น
(1) โครงการพัฒนาบุคลากรสายงานป้องกันการทุจริต (สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ)
(2) โครงการสัมมนาซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายปฏิบัติราชการ (กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์)
(3) โครงการพัฒนานวัตกรรมการป้องกันการทุจริตเชิงรุก (กระทรวงศึกษาธิการ)
ระยะเวลาดำเนินการ พ.ศ. 2563 - 2565
3. สศช. ได้นำแผนปฏิบัติการฯ เสนอต่อสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแล้ว โดยในการประชุมครั้งที่ 10/2563 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2563 สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบในหลักการ (ร่าง) แผนปฏิบัติการฯ โดยมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม จำนวน 3 ประเด็นหลัก ดังนี้
การประเมินผลการดำเนินงานที่ผ่านมา
ข้อเสนอแนะ
เช่น ควรประเมินผลสำเร็จของการดำเนินการด้านการต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบของประเทศไทยที่ผ่านมา โดยการเปรียบเทียบผลการดำเนินการและงบประมาณที่ใช้ในการต่อต้านการทุจริตในอดีตกับคะแนนดัชนีการรับรู้การทุจริตของประเทศไทย เพื่อใช้ประเมินผลความสำเร็จในการดำเนินงานและสามารถใช้เป็นข้อมูลเพื่อนำมาปรับปรุงในการจัดทำแผนและกำหนดแนวทางที่เหมาะสมให้เกิดประสิทธิภาพสามารถบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายได้ต่อไป
การกำหนดตัวชี้วัด
เช่น ตัวชี้วัดด้านข้อร้องเรียนเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่ถูกชี้มูลความผิด ควรพิจารณาเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลที่มาจากการร้องเรียนของประชาชน เช่น ข้อมูลการร้องเรียนหรือร้องทุกข์ของประชาชนที่ศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (สายด่วน 1111) ซึ่งสามารถจำแนกตำแหน่งที่ตั้งของผู้ร้องเรียนเพื่อทำฐานข้อมูลการร้องเรียนด้วยระบบดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพและเปิดเผยได้ รวมทั้งกำหนดระดับความสำเร็จในการดำเนินการแก้ไขตามข้อร้องเรียนของประชาชนไว้ในตัวชี้วัดด้วย เพื่อให้เห็นประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน
การตรวจสอบทรัพย์สิน
เช่น ควรนำเทคโนโลยีการเชื่อมโยงข้อมูลดิจิทัลจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่เก็บทะเบียนสินทรัพย์ต่าง ๆ (เช่น ที่ดิน บ้าน หุ้น รถยนต์ บัญชีเงินฝาก) รวมเข้ากับระบบของ ป.ป.ช. เพื่อให้การยื่นบัญชีทรัพย์สินเหลือเพียงการตรวจสอบทะเบียนที่รวบรวมได้กับการยื่นในส่วนที่ไม่มีหน่วยงานใดเป็นผู้เก็บทะเบียนของสินทรัพย์ เช่น เงินสด หรือทรัพย์สินที่เป็นของรูปพรรณต่าง ๆ ในขณะที่บัญชีทรัพย์สินในส่วนที่สามารถเข้าถึงได้ด้วยระบบเทคโนโลยีนั้น ควรกำหนดให้สำนักงาน ป.ป.ช. สามารถขอรับข้อมูลผ่านระบบดิจิทัลจากสถาบันการเงินหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องได้
ในการนี้ สศช. ได้แจ้งให้ประธานกรรมการ ป.ป.ช. เสนอแผนปฏิบัติการฯ ต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 15 ธันวาคม 2563