ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 14

ข่าวการเมือง Tuesday December 15, 2020 18:38 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ 14 ซึ่งสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว สรุปสาระสำคัญ ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ ดังนี้
1. ภาพรวม แนวคิดหลักของการประชุมดังกล่าว คือ การสร้างความเชื่อมั่นในการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ยั่งยืน ทั่วถึง และสมดุล จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยมีผู้แทนระดับสูงจากประเทศสมาชิกรวม 43 ประเทศ และผู้แทนจากองค์กรระหว่างประเทศ เช่น ธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเชีย และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เข้าร่วมประชุมดังกล่าว
2. ที่ประชุมได้หารือในประเด็นต่าง ๆ สรุปได้ ดังนี้

2.1 ผลการประชุมจากการระบาดของโควิด-19 ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับผลกระทบของโควิด-19 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกไปแล้วมากว่า 1 ล้านคน และส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน รายได้ การประกอบธุรกิจ การลงทุน การค้า และวิถีการดำรงชีวิตประจำวัน รวมถึงความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งนี้ ผู้แทนจากธนาคารโลก ธนาคารพัฒนาเอเชีย และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ได้นำเสนอภาพรวมการรับมือกับโควิด-19 ของประเทศต่าง ๆ ซึ่งมีการใช้นโยบายการเงินและการคลังเป็นมาตรการพื้นฐาน และมีข้อเสนอแนะเพื่อการฟื้นตัวในระยะยาว เช่น การนำระบบดิจิทัลมาปรับใช้ การพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนในระยะยาว และการให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือกลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุด

2.2 ประสบการณ์ในการรับมือและใช้มาตรการต่าง ๆ ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ประเทศสมาชิกได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการรับมือและการใช้มาตรการต่าง ๆ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของ โควิด-19 โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้นำเสนอมาตรการที่รัฐบาลไทยใช้ในการรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาต่อที่ประชุม สรุปได้ ดังนี้

2.2.1 การจัดตั้งศูนย์กลางในการบริหารจัดการด้านนโยบาย ได้แก่ ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

2.2.2 มาตรการทางการเงินและการคลังเพื่อช่วยเหลือและกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เช่น การให้เงินช่วยเหลือแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากการว่างงาน การขยายระยะเวลาชำระหนี้ของธนาคารพาณิชย์แก่บริษัทและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และมาตรการเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยรัฐบาลไทยได้ดำเนินมาตรการอย่างระมัดระวังภายใต้กรอบความยั่งยืนทางการคลัง

2.2.3 การรักษาสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นและการปฏิรูปโครงสร้างของประเทศในระยะยาว เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเสริมสร้างการเชื่อมโยงภายในประเทศและระหว่างประเทศ การพัฒนาการใช้ระบบดิจิทัลและนวัตกรรมทางการเงินให้ครอบคลุมทุกกลุ่มผู้ใช้งานในแต่ละกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษี รวมทั้งจะได้มีการพิจารณามาตรการระยะยาวเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางทางสังคม เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้พิการ

ทั้งนี้ จากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์แสดงให้เห็นว่าประเทศสมาชิกให้ความสำคัญกับการบรรเทาผลกระทบจากโควิด-19 ต่อเศรษฐกิจและสังคม การควบคุมและป้องกันการระบาดที่ยั่งยืน และการประคับประคอบผู้ประกอบการและธุรกิจ เป็นต้น นอกจากนี้ ประเทศสมาชิกยังเชื่อมั่นในการสร้างความร่วมมือที่เข้มแข็งและความเข้าใจอันดีระหว่างกันของ 2 ภูมิภาค

2.3 ประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับ การเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์และบทบาทของประเทศไทยในฐานะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนกับต่างประเทศ รวมทั้งเป็นการแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีความสามารถในการรับมือกับโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ และได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมสำหรับรองรับการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นภายหลังโควิด-19

2.4 การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเอเชีย-ยุโรป ครั้งต่อไป จะจัดขึ้นในปี 2565 โดยมีประเทศจากยุโรปเป็นเจ้าภาพการประชุม

ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 15 ธันวาคม 2563


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ