คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลัง (คค.) เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป และรับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลาและกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่ คค. เสนอ
ทั้งนี้ ร่างพระราชบัญญัติที่ คค. เสนอ เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. 2545 โดยกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการให้สินเชื่อตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิตประกาศกำหนด สามารถเป็นสมาชิกของบริษัทข้อมูลเครดิตได้ เพื่อรองรับธุรกรรม/นวัตกรรมทางการเงินที่เกิดขึ้นใหม่ (Final Technology) ที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว และการกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นตัวกลางที่เกี่ยวเนื่องกับการให้สินเชื่อสามารถนำส่งข้อมูลเครดิตของผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และกลุ่มธุรกิจที่ตั้งต้นใหม่ (Start-up) ให้แก่บริษัทข้อมูลเครดิต ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวมีข้อมูลประวัติทางการเงินในระบบ อันจะช่วยให้มีโอกาสได้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงินอื่น ๆ มากยิ่งขึ้นในอนาคต รวมถึงช่วยลดการกู้ยืมหนี้นอกระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs และกลุ่ม Start-up ที่ปัจจุบันยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้ เพราะไม่มีประวัติการขอสินเชื่อในฐานข้อมูลของระบบข้อมูลเครดิต
โดย คค. ได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นประกอบการจัดทำร่างกฎหมาย และเปิดเผยสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นและการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมาย รวมทั้งจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายตามแนวทางมติคณะรัฐมนตรี (19 พฤศจิกายน 2562) เรื่อง การดำเนินการเพื่อรองรับและขับเคลื่อนการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 แล้ว และได้เผยแพร่ผลการรับฟังความคิดเห็นพร้อมการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายผ่านทางเว็บไซต์ให้ประชาชนได้รับทราบด้วยแล้ว
2.1 กำหนดให้บริษัทข้อมูลเครดิตแจ้งเป็นหนังสือแก่เจ้าของข้อมูลทราบภายใน 30 วัน นับแต่วันเปิดเผยหรือให้ข้อมูล เว้นแต่เป็นข้อมูลโดยรวมของสมาชิกผู้หนึ่งผู้ใด (สถาบันการเงินหรือผู้ประกอบธุรกิจเป็นตัวกลางในการจัดหาสินเชื่อที่บริษัทข้อมูลเครดิตรับเข้าเป็นสมาชิก) ให้แจ้งแก่สมาชิกผู้นั้นทราบ
2.2 ห้ามมิให้บุคคลดังต่อไปนี้เปิดเผยข้อมูล
(1) บริษัทข้อมูลเครดิต ผู้ควบคุมข้อมูล ผู้ประมวลผลข้อมูล สมาชิก หรือผู้ใช้บริการ
(2) ผู้ซึ่งรู้ข้อมูลจากการทำงานหรือปฏิบัติหน้าที่ตาม (1)
(3) ผู้ซึ่งรู้ข้อมูลจากบุคคลตาม (1) และ (2) 3. กำหนดหน้าที่ของผู้ใช้บริการในการใช้ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด เช่น การใช้ข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์สินเชื่อ การออกบัตรเครดิต การนำข้อมูลของลูกค้ามาจัดทำแบบจำลองด้านเครดิตของผู้ประกอบธุรกิจที่เป็นตัวกลางในการจัดหาสินเชื่อ และต้องไม่เปิดเผยหรือเผยแพร่ข้อมูลแก่ผู้อื่นที่ไม่มีสิทธิรับรู้ข้อมูล 4. กำหนดสิทธิและหน้าที่ของสมาชิกประเภทผู้ประกอบธุรกิจเป็นตัวกลางในการจัดหาสินเชื่อไว้เป็นการเฉพาะ ดังนี้
4.1 กำหนดให้บริษัทข้อมูลเครดิตเปิดเผยหรือให้ข้อมูลแก่สมาชิกประเภทผู้ประกอบธุรกิจเป็นตัวกลางในการจัดหาสินเชื่อได้เฉพาะเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์สินเชื่อแทนผู้จะให้สินเชื่อเท่านั้น
4.2 กำหนดให้สมาชิกประเภทผู้ประกอบธุรกิจเป็นตัวกลางในการจัดหาสินเชื่อนำข้อมูลของลูกค้าของตนที่ได้รับจากบริษัทข้อมูลเครดิตมาใช้จัดทำแบบจำลองด้านเครดิตได้
4.3 กำหนดให้สมาชิกประเภทผู้ประกอบธุรกิจเป็นตัวกลางในการจัดหาสินเชื่อต้องแสดงเหตุผลในการปฏิเสธการให้บริการหรือการขึ้นค่าบริการโดยเหตุอันเนื่องมาจากการได้รับรู้ข้อมูลของลูกค้าผู้ขอสินเชื่อ รวมทั้งแหล่งที่มาของข้อมูลดังกล่าว ให้ลูกค้ารายนั้นทราบเป็นหนังสือ 5. แก้ไขเพิ่มเติมบทกำหนดโทษให้สอดคล้องกับการกำหนดหลักเกณฑ์ให้สมาชิกประเภทผู้ประกอบธุรกิจเป็นตัวกลางในการจัดหาสินเชื่อถือปฏิบัติ ดังนี้
5.1 กำหนดโทษสำหรับสมาชิกประเภทผู้ประกอบธุรกิจเป็นตัวกลางในการจัดหาสินเชื่อ หากนำข้อมูลของลูกค้าไปใช้ในกรณีจัดทำแบบจำลองด้านเครดิตที่นอกเหนือจากเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์สินเชื่อแทนผู้ที่จะให้สินเชื่อ และการบริหารความเสี่ยงในกิจการของผู้ที่จะให้สินเชื่อ
5.2 กำหนดโทษสำหรับสถาบันการเงิน สมาชิก หรือผู้ใช้บริการ หากไม่แสดงเหตุผลในการปฏิเสธการให้บริการหรือการขึ้นค่าบริการโดยเหตุอันเนื่องมาจากการได้รับรู้ข้อมูลของลูกค้าผู้ขอสินเชื่อ รวมทั้งแหล่งที่มาของข้อมูลดังกล่าว ให้ลูกค้ารายนั้นทราบเป็นหนังสือ
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 22 ธันวาคม 2563