คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงแรงงาน (รง.) เสนอ
ทั้งนี้ รง. เสนอว่า เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกันตนซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (Coronavirus Disease 2019 (COVID-19)) ประกอบกับจากสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครซึ่งมีจำนวนแรงงานต่างด้าวที่มาประกอบอาชีพเป็นจำนวนมาก โดยพบมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกลุ่มแรงงานต่างด้าวเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยคาดว่า 6 จังหวัดที่จะได้รับผลกระทบเนื่องจากเป็นจังหวัดพื้นที่โดยรอบจังหวัดสมุทรสาคร ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี นครปฐม ราชบุรี และสมุทรสงคราม ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเป็นภัยอันกระทบต่อความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยของประชาชน ความมั่นคงปลอดภัยทางด้านสาธารณสุข และระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบต่อนายจ้างทำให้ต้องหยุดกิจการชั่วคราวและลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้าง จึงเห็นควรนำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร่งด่วน
1. ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป
2. ?เหตุสุดวิสัย? หมายความรวมถึง ภัยอันเกิดจากการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อซึ่งมีผลกระทบต่อสาธารณชน และถึงขนาดที่ผู้ประกันตนไม่สามารถทำงานได้ หรือนายจ้างไม่สามารถประกอบกิจการได้ตามปกติ
3. ให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนตามกฎกระทรวงนี้
4. ในกรณีมีเหตุสุดวิสัย และหน่วยงานของรัฐสั่งปิดพื้นที่เพื่อป้องกันการระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ เป็นผลกระทบให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน ไม่ได้ทำงานและไม่ได้รับค่าจ้างในระหว่างนั้น ให้ลูกจ้างดังกล่าวซึ่งไม่ได้รับค่าจ้าง มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน ในอัตราร้อยละห้าสิบของค่าจ้างรายวัน โดยให้ได้รับตลอดระยะเวลาที่รัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐสั่งปิดพื้นที่ ทั้งนี้ ภายในระยะเวลาหนึ่งปีปฏิทินมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยทุกครั้งรวมกันไม่เกินเก้าสิบวัน
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 22 ธันวาคม 2563