คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ?. ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้พิจารณาตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ และให้ กค. รับความเห็นของสำนักงบประมาณไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
1. เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2562 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัยตามพระราชบัญญัติกองทุนสนับสนุนการวิจัย พ.ศ. 2535 ถูกยุบเลิก และได้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ตามพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติขึ้น รวมทั้งได้โอนกิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ และเงินของกองทุนสนับสนุนการวิจัยไปเป็นของกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมด้วย
2. กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมขอให้ กค. พิจารณาขยายระยะเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการหักเงินบริจาคเป็นจำนวนสองเท่าตามมาตรการภาษีในพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากรฯ ซึ่งได้สิ้นสุดไปแล้วตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2562 ออกไปอีก เพื่อให้เป็นการส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมและส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโดยรวม รวมถึงช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
3. กค. พิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อให้ภาคเอกชนได้มีส่วนร่วมสนับสนุนในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยจูงใจให้มีการบริจาคเพิ่มมากขึ้นเพื่อใช้ในการดำเนินงานด้านพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จึงได้ดำเนินการยกร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ?. (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม) ขึ้น โดยได้กำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่ผู้บริจาคที่ได้บริจาคให้แก่กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแทนกองทุนสนับสนุนการวิจัยซึ่งถูกยุบเลิก และกองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา และกองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข นับแต่วันที่ร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวมีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565
4. กค. ได้ดำเนินการจัดทำประมาณการการสูญเสียรายได้และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับตามมาตรา 27 และมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 แล้ว โดยรายงานว่ามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมจะทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 5 ล้านบาท แต่ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับมีดังนี้
4.1 ช่วยในการจูงใจให้ภาคเอกชนบริจาคให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรมเพิ่ม มากขึ้น เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีของประเทศ
4.2 เป็นแหล่งเงินทุนเพื่อดำเนินการและสนับสนุนการวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม เพื่อยกระดับขีดความสามารถทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเป็นกลไกสำคัญต่อการขับเคลื่อนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว
1. กำหนดให้บุคคลธรรมดาที่บริจาคเงินให้แก่กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา และกองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข สามารถนำเงินที่บริจาคมาหักเป็นค่าใช้จ่ายหรือค่าลดหย่อนได้สองเท่าของจำนวนที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายสำหรับการบริจาคตามพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในประมวลรัษฎากร ซึ่งกำหนดให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้เป็นจำนวนสองเท่าของเงินที่ได้จ่ายตามกรณีที่กำหนดไว้ ต้องไม่เกินร้อยละสิบของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักค่าลดหย่อนแล้ว
2. กำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาคเงินให้แก่กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา และกองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข สามารถนำเงินที่บริจาคมาหักเป็นรายจ่ายได้สองเท่าของจำนวนที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่ได้มีพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามความในประมวลรัษฎากรซึ่งกำหนดให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้เป็นจำนวนสองเท่าของรายจ่ายต้องไม่เกินร้อยละสิบของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬาแล้ว ตามมาตรา 65 ตรี (3) (ข) แห่งประมวลรัษฎากร
3. การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีดังกล่าวทั้งหมดข้างต้น มีผลใช้บังคับสำหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ให้แก่กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา และกองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่มีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 12 มกราคม 2564