เรื่อง ขอความเห็นชอบท่าทีของฝ่ายไทยต่อการเสนอขอภาคยานุวัติสนธิสัญญาว่าด้วยความช่วยเหลือ ซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญาในภูมิภาคอาเซียนของสาธารณรัฐคาซัคสถานและสาธารณรัฐอินเดีย
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบต่อท่าทีของประเทศไทย (ไทย) ที่จะพิจารณาร่วมสนับสนุนฉันทามติให้สาธารณรัฐคาซัคสถาน (คาซัคสถาน) และสาธารณรัฐอินเดีย (อินเดีย) ภาคยานุวัติเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในเรื่องทางอาญาในภูมิภาคอาเซียน พ.ศ. 2547 (Treaty on Mutual Legal Assistance in Criminal Matters 2004) (สนธิสัญญาฯ) ในการประชุมของที่ประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของ ผู้ประสานงานกลางด้านความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องอาญา (Senior Officials? Meeting of the Central Authorities on Mutual Legal Assistance in Criminal Matters : SOM-MLAT) และในการประชุมของที่ประชุมอัยการสูงสุด/รัฐมนตรีของผู้ประสานงานกลางด้านความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องอาญา (ASEAN Ministers/Attorneys-General Meeting of the Central Authorities on Mutual Legal Assistance in Criminal Matters: AMAG-MLAT) ตามที่สำนักงานอัยการสูงสุดเสนอ โดยมีเหตุผลประเด็นสำคัญดังนี้
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
กรณีคาซัคสถาน
ไทยยังไม่มีสนธิสัญญาฯ กับคาซัคสถาน ดังนั้น การภาคยานุวัติเป็นภาคีของคาซัคสถาน จะทำให้ไทยและคาซัคสถานมีพันธกรณีระหว่างประเทศต่อกันด้านความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางอาญาตามสนธิสัญญาดังกล่าวและจะเป็นประโยชน์ในการร่วมกันป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม
กรณีอินเดีย
ไทยและอินเดียมีสนธิสัญญาระหว่างกันในลักษณะดังกล่าวแล้ว แต่เนื่องจากข้อ 30 (2) ของสนธิสัญญาฯ พ.ศ. 47 ระบุว่า หากไทยไม่ให้ความยินยอมแล้ว อินเดียก็ไม่อาจภาคยานุวัติเข้าเป็นภาคีสนธิสัญญาฯ ได้ ซึ่งอาจทำให้เสียโอกาสในการขยายขอบเขตความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม รวมทั้ง จะเป็นก้าวแรกในการขยายความร่วมมือทางอาญาของอาเซียนไปยังประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกอาเซียน ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ไทยในระยะยาว
การขอความร่วมมือในเรื่องทางอาญา
กรณีคาซัคสถาน
ไม่ปรากฏข้อมูลว่าเคยมีการรับคำร้องขอหรือการส่งคำร้องขอความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาระหว่างกัน
กรณีอินเดีย
ปรากฏข้อมูลการรับคำร้องขอความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาจากอินเดีย จำนวน 39 เรื่อง และปรากฏข้อมูลการส่งคำร้องขอความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาไปยังอินเดีย จำนวน 8 เรื่อง
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564