คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงพลังงานเสนอการเพิ่มจำนวนกรรมการของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) เพื่อให้การกำกับดูแลการเพิ่มจำนวนกรรมการของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ในฐานะรัฐวิสาหกิจของประเทศ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป และเพื่อให้เป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 6 วรรคสอง
กระทรวงพลังงานในฐานะหน่วยงานเจ้าสังกัดของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 74.16 ของบริษัท ปตท. น้ำมันและค้าปลีก จำกัด (มหาชน) พิจารณาแล้วเห็นว่า ปัจจุบันบริษัท ปตท. น้ำมันและค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ได้มีการดำเนินธุรกิจด้านการค้าปลีกเชื้อเพลิง การค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีมูลค่าสูงและมีความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจำนวนมาก อาทิ ผู้บริโภค ผู้ร่วมธุรกิจ สังคม ชุมชน พนักงานและผู้ถือหุ้น แต่ยังขาดกรรมการที่มีทักษะ ความรู้ และความชำนาญเฉพาะด้าน ซึ่งปัจจุบัน บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) มีกรรมการ จำนวน 11 คน ซึ่งข้อบังคับของบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) ที่กำหนดให้มีคณะกรรมการของบริษัทเพื่อดำเนินกิจการของบริษัทได้ไม่น้อยกว่าห้าคน แต่ไม่เกินสิบห้าคน
ดังนั้น เพื่อให้การบริหารองค์กรและการกำกับดูแล ครบถ้วนต่อการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ และมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จึงเห็นควรเพิ่มจำนวนกรรมการของบริษัท ปตท. น้ำมันและค้าปลีก จำกัด (มหาชน) จากเดิม 11 คน เป็น 15 คน โดยมีกรรมการที่มีทักษะ ความรู้ ความชำนาญที่ต้องการเพิ่มเติม ดังนี้
1. ด้านกฎหมาย เพื่อทำหน้าที่กำกับและบริหารการดำเนินการขององค์กรให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินการของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพร้อมกับเป็นรัฐวิสาหกิจ
2. ด้านธุรกิจระหว่างประเทศ เพื่อทำให้หน้าที่ในการกำกับและบริหารธุรกิจที่จะขยายการลงทุนในต่างประเทศ เนื่องจากบริษัท ปตท. น้ำมันและค้าปลีก จำกัด (มหาชน) มีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นบริษัทไทยชั้นนำระดับโลกที่สร้างคุณค่าให้กับชุมชนผ่านการดำเนินธุรกิจน้ำมัน ธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีบริษัทย่อยและบริษัทร่วมตั้งอยู่ในต่างประเทศจำนวน 10 ประเทศ อีกทั้งมีแผนการขยายการลงทุนระยะยาวในต่างประเทศ โดยแผนการลงทุนในช่วงปี พ.ศ. 2564 ? 2568 จะขยายการลงทุนในต่างประเทศประมาณร้อยละ 22 ของวงเงินลงทุนทั้งหมด (ประมาณ 74,000 ล้านบาท) แต่องค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ในปัจจุบันยังไม่มีกรรมการที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจการค้าในต่างประเทศ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการขับเคลื่อนองค์กรให้ประสบความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้
3. ด้านธุรกิจค้าปลีก เพื่อทำหน้าที่ในการกำกับและบริหารการดำเนินการของธุรกิจค้าปลีก เนื่องจากบริษัท ปตท. น้ำมันและค้าปลีก จำกัด (มหาชน) มีเป้าหมายหลักในการขยายธุรกิจทางด้านธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-oil) เพื่อเป็นไปตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากการที่เทคโนโลยีเปลี่ยนฉับพลัน (Disruptive Technology) และเพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรและผู้มีส่วนได้เสีย
4. ด้านบริหารทรัพยากรบุคคล เพื่อทำหน้าที่ด้านการเสริมสร้างการพัฒนาทรัพยากรบุคคล (People) และสิ่งแวดล้อม (Planet) อันได้แก่ สังคม ชุมชน ประชาชน พนักงานและสิ่งแวดล้อม ให้มีการพัฒนาและเติบโตไปพร้อมกับองค์กร
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2564