คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการกำลังส่งบำรุงและอุตสาหกรรมป้องกันระหว่างประเทศระหว่างกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงกลาโหมแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (MoU on Logistics and Defense Industry Cooperation between the Ministry of Defence of the Kingdom of Thailand and the Department of national Defense of the Republic of the Philippines) (ร่างบันทึกความเข้าใจฯ) และหากมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของร่างบันทึกความเข้าใจฯ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาดำเนินการได้ตามความเหมาะสม โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ร่วมลงนามใน ร่างบันทึกความเข้าใจฯ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
ข้อกำหนดทั่วไป
บันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้ ไม่เป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศและไม่ก่อให้เกิดสิทธิหรือพันธกรณีใด ๆ ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ
วัตถุประสงค์
- เพื่อขยายและเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านการทหารระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ โดยการยกระดับความร่วมมือและประสานงานด้านการส่งกำลังบำรุงและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งกำลังบำรุง พร้อมกับการส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือทางด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศระหว่างประเทศ
- การดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฯ จะสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ กฎหมายแห่งรัฐ ข้อบังคับและนโยบายที่เกี่ยวข้องของผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่าย รวมทั้งความตกลงระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องตามที่ทั้งสองฝ่าย หรือโดยรัฐบาลของทั้งสองฝ่ายได้เข้าร่วมโดยปราศจากความเอนเอียงต่อความตกลงใด ๆ ที่ผู้เข้าร่วมฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้ทำกับบุคคลที่สาม
ขอบเขตของความร่วมมือ
- ส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในการประสานโดยตรงระหว่างกองทัพทั้งสองฝ่ายตามความเหมาะสม เพื่อดำเนินความร่วมมือด้านการส่งกำลังบำรุงให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้ รวมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการให้ได้มาซึ่งสิ่งอุปกรณ์การวิจัยร่วม การพัฒนา และการผลิตยุทโธปกรณ์ของอีกฝ่ายหนึ่ง
- อาจจัดทำข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดในกรณีที่มีความจำเป็น
รูปแบบของความร่วมมือ
เช่น ความร่วมมือในการพัฒนา การผลิต การปฏิบัติการ และการบริหารจัดการ สิ่งอุปกรณ์ทางทหาร/ความร่วมมือในการจัดหาหรือถ่ายโอนหรือแลกเปลี่ยนยุทโธปกรณ์ และการบริการ/การแลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ด้านการส่งกำลังบำรุงและด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ/ความร่วมมือด้านการส่งออกไปยังประเทศที่สาม รวมทั้งการให้ได้มาซึ่งสิ่งอุปกรณ์ทางทหารร่วมกัน เป็นต้น
หน่วยงานที่ดำเนินการ
- กระทรวงกลาโหม : สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ
- กระทรวงกลาโหมแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ : สำนักงานผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือหน่วยงานในระดับเดียวกัน
ข้อกำหนดเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสาร สิ่งอุปกรณ์ด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ การบริการและการอำนวยความสะดวก
- แต่ละฝ่ายจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เมื่อได้รับการร้องขอข้อมูลข่าวสารใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับยุทโธปกรณ์ การบริการ และสิ่งอำนวยความสะดวก โดยจะปกป้องข้อมูลข่าวสารดังกล่าวจากบุคคลที่สาม
- ทั้งสองฝ่ายอาจจัดทำสัญญาแยกต่างหากสำหรับการจัดหายุทโธปกรณ์ โดยระบุการควบคุมและรับรองคุณภาพของยุทโธปกรณ์ดังกล่าว ตลอดจนการฝึกอบรมการใช้งานยุทโธปกรณ์เหล่านั้น
- ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอาจแจ้งให้ทราบถึงความต้องการของตนสำหรับสิ่งอุปกรณ์และการบริการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมความร่วมมือตามที่ระบุในบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้
สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา
แต่ละฝ่ายจะปกป้องสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาให้เป็นไปตามกฎหมายและข้อบังคับของประเทศตน ตลอดจนความตกลงระหว่างประเทศที่มีผลใช้บังคับระหว่างสองประเทศ โดยทั้งสองฝ่ายอาจจะกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการปกป้องสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาไว้ในข้อตกลงแยกอีกฉบับ
ขอบเขต
- แต่ละฝ่ายจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของฝ่ายตนและของบุคลากรของตนในการเข้าร่วมกิจกรรมความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้ โดยกิจกรรมดังกล่าวจะดำเนินการสอดคล้องกับกฎหมายที่ใช้บังคับของทั้งสองฝ่าย
- แต่ละฝ่ายจะพยายามอำนวยความสะดวกในการเข้าและออกประเทศของบุคลากรและสิ่งอุปกรณ์ของอีกฝ่ายในการเข้าร่วมโครงการ แผนงาน และความร่วมมืออื่น ๆ ภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้
การแก้ไขข้อขัดแย้งข้อขัดแย้งใด ๆ ที่เกี่ยวกับการตีความหรือการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้ จะได้รับการแก้ไขโดยการปรึกษาหารือระหว่างทั้งสองฝ่าย และจะไม่ถูกนำไปสู่บุคคลที่สามเพื่อการแก้ไข
การรักษาความลับ
- แต่ละฝ่ายจะรักษาความลับของสิ่งอุปกรณ์ โครงการ ข้อมูลทางเทคนิคและข้อมูลข่าวสารอื่น ๆ ที่มีชั้นความลับ ซึ่งได้แลกเปลี่ยนกันภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้
- แต่ละฝ่ายจะไม่ให้หรือเปิดเผยข้อมูลทางการทหาร เอกสาร ข้อมูลและวัสดุ ทางเทคนิค ไม่ว่าจะมีการกำหนดชั้นความลับหรือไม่ ไปยังบุคคลที่สาม โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้เข้าร่วมที่ให้ข้อมูลข่าวสารดังกล่าว เว้นแต่จะมีการตกลงร่วมกันเป็นอย่างอื่นระหว่างผู้เข้าร่วมทั้งสองฝ่าย
การมีผลบังคับใช้ การแก้ไข
- จะมีผลบังคับใช้ในวันที่มีการแจ้งผ่านช่องทางการทูตเป็นลายลักษณ์อักษร โดยจะมีผลบังคับใช้เป็นระยะเวลา 5 ปี และจะขยายระยะเวลาโดยอัตโนมัติคราวละ 5 ปี
- บันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้ อาจแก้ไขโดยความตกลงที่เป็นลายลักษณ์อักษรร่วมกันจากทั้งสองฝ่าย
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 2 มีนาคม 2564