เรื่อง ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน แผนงานก่อสร้างสถานีจ่ายน้ำนาทอน (แห่งใหม่) พร้อมวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำพื้นที่ตำบลนาทอน ตำบลทุ่งบุหลัง และตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน ในการดำเนินการแผนงานก่อสร้างสถานีจ่ายน้ำนาทอน (แห่งใหม่) พร้อมวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำพื้นที่ตำบลนาทอน ตำบลทุ่งบุหลัง และตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล ในพื้นที่ป่าชายเลนในตำบลนาทอน ตำบลทุ่งบุหลัง และตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล เนื้อที่ 3 ไร่ 48 ตารางวา (3.12 ไร่) ตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
1. คณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยมยั่งยืนระดับอำเภอได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2561 โดยที่ประชุมได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำที่เกี่ยวข้องกับการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ซึ่งเป็นปัญหาที่อำเภอทุ่งหว้าไม่สามารถแก้ไขได้ จึงขอให้ กปภ. ขยายเขตจำหน่ายน้ำไปยังตำบลทุ่งบุหลัง เนื่องจากประชาชนมีความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคในช่วงฤดูแล้งมากที่สุด โดยพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถขุดเจาะบ่อบาดาลได้ และไม่สามารถนำน้ำผิวดินมาใช้ประโยชน์ได้เนื่องจากดินมีสภาพเป็นดินเปรี้ยวและดินเค็ม โดยอำเภอทุ่งหว้าเห็นควรให้ กปภ. วางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำของ กปภ. ไปยัง 3 ตำบล ของอำเภอทุ่งหว้า ได้แก่ ตำบลนาทอน ตำบลทุ่งบุหลังและตำบลขอนคลานด้วย นอกจากนี้การดำเนินการดั่งกล่าวจัดทำขึ้นเพื่อรองรับกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศให้พื้นที่อำเภอทุ่งหว้าเป็นอำเภอหนึ่งในแหล่งอุทยานธรณีโลก (Satun UNESCO Global Geopark) แห่งแรกของประเทศไทย และเป็นแหล่งที่ 5 ของอาเซียน
2. กปภ. ได้จัดทำแผนงานก่อสร้างสถานีจ่ายน้ำนาทอน (แห่งใหม่) พร้อมวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำในพื้นที่ตำบลนาทอน ตำบลทุ่งบุหลัง และตำบลขอนคลาน อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ กปภ. สาขาละงู โดยมีวงเงินในการดำเนินการ 83.38 ล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และได้ขอให้สถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 37 [ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 26 (ทุ่งหว้า สตูล) ในปัจจุบัน] ตรวจสอบพื้นที่เพื่อการวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำและขั้นตอนการขออนุญาตใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและป่าชายเลน โดยพบว่า แผนงานฯ มีการวางท่อตามแนวเขตทางในพื้นที่ 3 ตำบลข้างต้น ระยะทางประมาณ 45.80กิโลเมตร คิดเป็นเนื้อที่ 22 ไร่ 1 งาน 63.80 ตารางวา ผ่านพื้นที่ป่าชายเลนเนื้อที่ 3 ไร่ 48 ตารางวา (3.12 ไร่) โดยมีรายละเอียด ดังนี้
แนวเขตทางหลวงชนบทที่มีการวางท่อ
เขตพื้นที่ป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี
ไม่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ (ระยะทาง (กิโลเมตร))
เขตทางหลวงชนบท สาย สต. 30180.48
เขตทางหลวงชนบท สาย สต. 30372.15
เขตทางอื่น ๆ ในชุมชน2.68
รวม5.31
เขตพื้นที่ป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี
อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ (ระยะทาง (กิโลเมตร))
เขตทางหลวงชนบท สาย สต. 30182.53
เขตทางหลวงชนบท สาย สต. 30371.46
เขตทางอื่น ๆ ในชุมชน1.18
รวม5.17
รวมทั้งสิ้น10.48
หมายเหตุ การขอใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลน: ให้หน่วยงานเจ้าสังกัด (กระทรวง) เป็นผู้ยื่นเรื่องขอผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีเมื่อได้รับการผ่อนผันมติคณะรัฐมนตรีแล้ว จึงจะมายื่นเรื่องขอใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าชายเลนได้ โดยให้ดำเนินการ ดังนี้ (1) กรณีพื้นที่ป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรีที่ไม่ได้อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ: ให้ยื่นคำขอผ่านสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนท้องที่ [(กรณีนี้คือสถานีพัฒนาทรัพยากรป่าชายเลนที่ 37 (ทุ่งหว้า สตูล)] และ (2) กรณีพื้นที่ป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรีที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ: ให้ยื่นคำขอผ่านสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด
ทั้งนี้ จังหวัดสตูลแจ้งว่า จากการจัดทำประชาคมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ทั้ง 3 ตำบล เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 พบว่า ประชาชนในพื้นที่ไม่ขัดข้องที่จะดำเนินโครงการดังกล่าวและขอให้ดำเนินการตามระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
3. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งพิจารณาแล้ว เห็นควรให้การสนับสนุนและอนุญาตให้ กปภ. เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนตามแผนงานก่อสร้างสถานีจ่ายน้ำนาทอน (แห่งใหม่) พร้อมวางท่อขยายเขตจำหน่ายน้ำในพื้นที่ 3 ตำบล อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล เนื้อที่ 3 ไร่ 48 ตารางวา (3.12 ไร่) โดยให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการ ดังนี้
3.1 ให้เสนอเรื่องขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรี (วันที่ 23 กรกฎาคม 2534 วันที่ 22 สิงหาคม 2543 และวันที่ 17 ตุลาคม 2543) ที่ห้ามใช้ประโยชน์ป่าชายเลน และดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2556 ที่ให้จัดสรรงบประมาณให้กับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม ไม่น้อยกว่า 20 เท่าของพื้นที่ป่าชายเลนที่ใช้ประโยชน์ ตามระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งว่าด้วยการปลูกและบำรุงป่าชายเลนทดแทนเพื่อการอนุรักษ์หรือรักษาสภาพแวดล้อม กรณีการดำเนินโครงการใด ๆ ของหน่วยงานของรัฐที่มีความจำเป็นต้องเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลน พ.ศ. 2556 อย่างเคร่งครัด
3.2 เมื่อคณะรัฐมนตรีมีมติให้ยกเว้นแล้วจึงเสนอเรื่องต่อกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อขออนุญาตทำประโชยน์ในเขตป่าชายเลนต่อไป
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 9 มีนาคม 2564