คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมประจำเดือนธันวาคม 2563 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเดือนธันวาคม 2563 เมื่อพิจารณาจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) หดตัวร้อยละ 2.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการกลับมาหดตัวอีกครั้ง จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ระลอกใหม่ ทำให้ในปี 2563 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมหดตัวร้อยละ 8.8 อุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลให้ MPI เดือนธันวาคม 2563 หดตัวเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน คือ
1. น้ำตาล หดตัวร้อยละ 50.55 เนื่องจากปีนี้เปิดหีบช้าและจำนวนโรงงาน ที่เริ่มเปิดหีบน้อยกว่าปีก่อน (ปีก่อนเปิดหีบ 57 โรงงาน ปีนี้เปิดหีบ 44 โรงงาน) จากผลของสภาพอากาศ แห้งแล้งต่อเนื่องและยาวนาน ทำให้ปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการเพาะปลูก ส่งผลต่อปริมาณและคุณภาพ ของผลผลิตอ้อย
2. การกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม หดตัวร้อยละ 9.75 จากน้ำมันเครื่องบินเป็นหลักเนื่องจาก สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้การเดินทางทางอากาศลดลงอย่างมาก
3. ผลิตภัณฑ์อย่างอื่น ๆ ที่มิใช่ยางล้อ หดตัวร้อยละ 16.72 จากสินค้ายางแท่ง และยางแผ่นเป็นหลัก ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด -19 ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว คำสั่งซื้อลดลง รวมถึงปัญหาน้ำท่วมในภาคใต้ทำให้เกษตรกรไม่สามารถกรีดยางได้ รวมถึงผู้ผลิตบางรายเปลี่ยนแผน เป็นการผลิตตามคำสั่งซื้อแทนการผลิตเก็บไว้เป็นสต็อก
1. ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.03 ตามความต้องการในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์ ชิ้นส่วนอุปกรณ์โทรคมนาคม และคอมพิวเตอร์
2. รถยนต์ และเครื่องยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.49 จากตลาดในประเทศที่ปรับตัวได้ดีขึ้นจากการจัดงานแสดงรถยนต์ในช่วงต้นเดือนธันวาคม 2563 โดยผู้ผลิตออกรถยนต์รุ่นใหม่ และมีการจัดการส่งเสริมการขายเป็นพิเศษทำให้มีคำสั่งซื้อและการส่งมอบเพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายตัวของธุรกิจขนส่งจากการเติบโตของตลาดออนไลน์
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 9 มีนาคม 2564