ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 8/2564

ข่าวการเมือง Tuesday March 9, 2021 19:07 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 8/2564 เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2564 ที่ได้พิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 (พระราชกำหนดฯ) การรายงานผลการดำเนินงานของหน่วยงานและจัดทำข้อเสนอแนะแนวทางการบริหารโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้เงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนของพระราชกำหนดฯ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยาและฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 พ.ศ. 2563 (ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ) และมติคณะรัฐมนตรี ดังนี้

1. รับทราบการมอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ปรับปรุงหรือทบทวนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ดังนี้ (1) ยกเลิกเงินสนับสนุนจากภาครัฐในส่วน E-voucher หรือกำหนดมูลค่า E-voucher ให้มีความเชื่อมโยงกับมูลค่าห้องพัก อาทิ ร้อยละ 40 ของราคาห้องพัก (2) กำหนดแนวทางการป้องกันการทุจริตที่จะช่วยให้เกิดความมั่นใจว่าจะสามารถดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยในกรณีที่จำเป็นต้องมีการพัฒนาระบบต่าง ๆ อาทิ ระบบสแกนใบหน้า จำเป็นต้องหารือและเตรียมความพร้อมกับธนาคารกรุงไทยให้ชัดเจนทั้งในส่วนของกรอบระยะเวลาและแผนผังแสดงวิธีการใช้สิทธิ์โครงการ (Customer flowchart) เพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนที่จะใช้สิทธิ์โครงการฯ ให้มีความเข้าใจและป้องกันความสับสน และ (3) ยกเลิกเงื่อนไขที่มอบหมายให้กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินตามโครงการและดำเนินการเบิกจ่ายเงินโดยวิธีเบิกจ่ายแทนกัน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2563 เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปอย่างมีเอกภาพ และช่วยให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มีความคล่องตัวในการดำเนินโครงการฯ เพิ่มขึ้น

2. รับทราบในกรณีที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พิจารณาแล้วว่าการดำเนินการปรับปรุงหรือทบทวนโครงการเราเที่ยวด้วยกันโครงการฯ ตามข้อ 1. อาจจะไม่สามารถดำเนินการป้องกันการทุจริตของโครงการฯ ได้ เห็นควรมอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ดำเนินโครงการฯ เฉพาะในส่วนการเลื่อนการใช้สิทธิ์ที่พักและค่าโดยสารสำหรับผู้ที่ได้สิทธิ์โครงการฯ แล้วภายในวันที่ 30 เมษายน 2564 และเร่งดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำการทุจริตอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งพิจารณาจัดทำข้อเสนอโครงการที่จะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพและป้องกันไม่ให้เกิดการฉวยโอกาสจากโครงการในทางที่มิชอบได้ ทั้งนี้ ให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รับความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการฯ ไปประกอบการดำเนินการโดยเคร่งครัด

3. รับทราบและเห็นชอบการปรับปรุงรายละเอียดของโครงการที่เป็นสาระสำคัญของโครงการ ม 33 เรารักกัน และผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี ของสำนักงานประกันสังคม ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ พร้อมทั้งมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคมเร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์เร่งเข้าร่วมยืนยันตัวตนผ่านช่องทางที่กำหนดและใช้จ่ายตามที่กำหนดไว้ เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปตามวัตถุประสงค์และมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศอีกทางหนึ่ง

4. รับทราบรายงานผลการดำเนินโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ ของหน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่มีผลการเบิกจ่ายต่ำกว่าร้อยละ 10 จำนวน 141 โครงการ (จาก 209 โครงการ) พร้อมทั้งมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบทั้ง 209 โครงการ เร่งดำเนินโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ โดยเร็ว โดยกำหนดเงื่อนไขว่าหากหน่วยงานไม่สามารถลงนามผูกพันสัญญาในกิจกรรม/โครงการที่ต้องมีการจัดซื้อจัดจ้างหรือไม่มีแผนการใช้จ่ายในส่วนงบดำเนินงานที่ชัดเจนภายในวันที่ 30 เมษายน 2564 เห็นควรให้ยุติการดำเนินโครงการและรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะทราบ พร้อมทั้งส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายตามขั้นตอนของข้อ 19 และข้อ 20 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ ต่อไป

สาระสำคัญของเรื่อง

รง. โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ส่งเรื่อง ปรับปรุงรายละเอียดโครงการ ม33 เรารักกัน ซึ่งเป็นการขอปรับปรุงรายละเอียดของโครงการฯ ตามความเห็นและข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 ให้คณะกรรมการฯ พิจารณา ดังนี้

1) การขอความร่วมมือและจัดทำข้อตกลงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

1.1) รง. โดย สปส. ขอความร่วมมือ กค. โดย สศค. สถาบันคุ้มครองเงินฝาก สมาคมสถาบันการเงินของรัฐ สมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ และบริษัทธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในการดำเนินการตรวจสอบเงื่อนไขโครงการฯ ?ไม่มีเงินฝากในสถาบันการเงินรวมกันทุกบัญชีเกิน 500,000 บาท ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563? ของผู้ประกันตนมาตรา 33 กลุ่มเป้าหมาย

1.2) รง. โดย สปส. ขอความร่วมมือกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยเพื่อดำเนินการตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคล (ชื่อ สกุล เลขบัตรประจำตัวประชาชน รหัสหลังบัตรประจำตัวประชาชน และวัน/เดือน/ปีเกิด) และขอเข้าถึงฐานข้อมูลภาพถ่ายตามบัตรประชาชน สำหรับกรณีกลุ่มอื่นที่มีความจำเป็นต้องตรวจสอบและยืนยันตัวตนในการใช้สิทธิ์ตามโครงการฯ ด้วยภาพถ่าย เช่น ผู้ที่ไม่มีโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบสมาร์ทโฟน

2) ขยายระยะเวลาให้ผู้ได้รับสิทธิ์เปิดใช้งานและกดยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งานและการโอนวงเงินผ่านแอปพลิเคชัน ?เป๋าตัง? (G-wallet) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกันตนที่มีสิทธิ์ได้มีระยะเวลาในการกดใช้งานและยืนยันตัวตนเพิ่มมากขึ้นจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ดังนี้

2.1) กลุ่มผู้ที่ลงทะเบียนรอบแรกและผ่านการตรวจสอบ คัดกรอง เป็นผู้ได้รับสิทธิ์

ตามมติ คณะรัฐมนตรี

เดิม กำหนดให้ตรวจสอบสถานะผู้ได้รับสิทธิ์ในช่วงเวลาเดียวกันกับช่วงเปิดใช้งานและกดยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน ?เป๋าตัง? (G-wallet) ระหว่างวันที่ 15 - 21 มีนาคม 2564 และได้รับวงเงินจากโครงการผ่านแอปพลิเคชัน ?เป๋าตัง? จำนวน 1,000 บาทต่อสัปดาห์ ในวันที่ 22, 29 มีนาคม 2564 และ 5 12 เมษายน 2564 ซึ่งหากไม่กดใช้งานและยืนยันตัวตนในช่วงเวลาดังกล่าวถือว่าสละสิทธิ์

ข้อเสนอในครั้งนี้

แก้ไขเป็น ผู้ได้รับสิทธิ์เปิดใช้งานและกดยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน ?เป๋าตัง? (G-wallet) ระหว่างวันที่ 15 มีนาคม - 31 พฤษภาคม 2564 โดยจะได้รับวงเงินจากโครงการรวมจำนวน 4,000 บาทต่อคน ผ่านแอปพลิเคชัน ?เป๋าตัง? (G-wallet) เป็นรายสัปดาห์ ดังนี้

1. หากกดใช้งานและยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิ์ ระหว่างวันที่ 15 - 21มีนาคม 2564 จะได้รับวงเงินผ่านแอปพลิเคชัน ?เป๋าตัง? (G-wallet) 1,000 บาทต่อสัปดาห์ ในทุกวันจันทร์ของทุกสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 4

สัปดาห์ต่อเนื่องกัน โดยจะได้รับวงเงินครั้งแรกในวันที่ 22 มีนาคม 2564 จำนวน 1,000 บาท จากนั้นจะได้รับวงเงินสัปดาห์ละ 1,000 บาท ในวันที่ 29 มีนาคม 2564 วันที่ 5 เมษายน 2564 และวันที่ 12 เมษายน 2564

2. หากกดใช้งานและยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิ์ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม ? 11 เมษายน 2564 จะได้รับวงเงินครั้งแรกในวันที่กดใช้ งานฯ เป็นจำนวนวงเงินสะสมนับตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2564 จนถึงวันที่กดใช้งานฯ และจะได้รับวงเงินสัปดาห์ละ 1,000 บาท ทุกวันจันทร์ของทุกสัปดาห์ต่อเนื่องจนครบ 4,000 บาท เช่น กดใช้งานและยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิ์วันที่ 29 มีนาคม 2564 จะได้รับวงเงินครั้งแรกวันที่ 29 มีนาคม 2564 จำนวน 2,000 บาท (วงเงินสะสมของสัปดาห์แรก วันที่ 22 มีนาคม 2564 จำนวน 1,000 บาท และสัปดาห์ที่ 2 วันที่ 29 มีนาคม 2564 จำนวน 1,000 บาท) จากนั้นจะได้รับวงเงินสัปดาห์ละ 1,000 บาท ในวันที่ 5 และ 12 เมษายน 2564

3. กดใช้งานและยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิ์ ระหว่างวันที่ 12 เมษายน ? 31 พฤษภาคม 2564 จะได้รับวงเงินสะสมในวันที่กดใช้งานฯ ครั้งเดียว จำนวน 4,000 บาท (วงเงินสะสมของสัปดาห์แรกวันที่ 22 มีนาคม 2564 สัปดาห์ที่ 2 วันที่ 29 มีนาคม 2564 สัปดาห์ที่ 3 วันที่ 5 เมษายน 2564 และสัปดาห์ที่ 4 วันที่ 12 เมษายน 2564 สัปดาห์ละ 1,000 บาท)

2.2) กลุ่มผู้ที่ยื่นขอทบทวนสิทธิ์และผ่านการตรวจสอบ คัดกรองเป็นผู้ได้รับสิทธิ์

ตามมติ คณะรัฐมนตรี

เดิม กำหนดให้ตรวจสอบสถานะผู้ได้รับสิทธิ์ในช่วงเวลาเดียวกันกับช่วงเปิดใช้งานและกดยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน ?เป๋าตัง? (G-wallet) ระหว่างวันที่ 5 - 11 เมษายน 2564 และได้รับวงเงินจากโครงการผ่าน แอปพลิเคชัน ?เป๋าตัง? จำนวน 2 ครั้ง ๆ ละ 2,000 บาทต่อสัปดาห์ในวันที่ 12 และ 19 เมษายน 2564 ซึ่งหากไม่กดใช้งานและยืนยันตัวตนในช่วงเวลาดังกล่าวถือว่าสละสิทธิ์

ข้อเสนอในครั้งนี้

แก้ไขเป็น ผู้ได้รับสิทธิ์เปิดใช้งานและกดยืนยันตัวตนเพื่อเข้าใช้งานแอปพลิเคชัน ?เป๋าตัง? (G-wallet) ได้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน - 31พฤษภาคม 2564 โดยจะได้รับวงเงินจากโครงการรวม 4,000 บาทต่อคน ผ่านแอปพลิเคชัน ?เป๋าตัง? (G-wallet) ดังนี้

1. กดใช้งานและยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิ์ ระหว่างวันที่ 5 - 11 เมษายน2564 จะได้รับวงเงินสะสมในวันที่ 12 เมษายน 2564 จำนวน 4,000 บาท

2. กดใช้งานและยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิ์ ระหว่างวันที่ 12 เมษายน ? 31 พฤษภาคม 2564 จะได้รับวงเงินสะสมในวันที่กดใช้งานฯ จำนวน 4,000 บาท

3) เพิ่มเติมรายละเอียดในหัวข้อการขอทบทวนสิทธิ์ โดยหลักเกณฑ์และวิธีการพิจารณาการตรวจสอบทบทวนสิทธิ์ของผู้ประกันตนตามโครงการ ม33 เรารักกัน เป็นไปตามที่ รง. กำหนด โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และผลการพิจารณาของ รง. โดย สปส. ให้ถือเป็นที่สุด

4) เพิ่มหัวข้อการรับเรื่องร้องเรียน โดยผู้ประกันตนหรือประชาชนสามารถสอบถามหรือแจ้งเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้สิทธิ์ตามโครงการฯ ได้แก่ การลงทะเบียน การยื่นขอทบทวนสิทธิ์การร้องเรียนอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดเงื่อนไขของโครงการ ม33 เรารักกัน ได้ทางสายด่วนกระทรวงแรงงาน 1506 ศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ในสำนักงานประกันสังคมส่วนกลาง สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ และสำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขาทั่วประเทศ

5) เพิ่มหัวข้อการตรวจสอบการดำเนินโครงการฯ (Post Audit) โดยจะดำเนินการตรวจสอบเรื่องร้องเรียน โดยจะจัดตั้งคณะทำงานพิจารณาตรวจสอบและดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียนสำหรับโครงการ ม33 เรารักกัน ซึ่งมีผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมเป็นคณะทำงานฯ เพื่อดำเนินการตรวจสอบ พิจารณา และวินิจฉัยการกระทำที่อาจเข้าข่ายผิดเงื่อนไขของโครงการต่อไป ทั้งนี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่ รง. กำหนด โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

6) ปรับปรุงแผนการดำเนินงานและแบบรายงานการประเมินความเสี่ยงการทุจริตการใช้จ่ายงบประมาณให้สอดคล้องตามโครงการฯ ที่ปรับปรุงแก้ไข

ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 9 มีนาคม 2564


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ