คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 9/2564 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2564 ที่ได้พิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 (พระราชกำหนดฯ) และพิจารณากลั่นกรองความเหมาะสมของการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ รวมทั้งพิจารณาจัดทำรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ ราย 3 เดือน เสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนของพระราชกำหนดฯ และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 พ.ศ. 2563 (ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ) ดังนี้
1. อนุมัติโครงการทัวร์เที่ยวไทย ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานที่ 3.3 ตามบัญชีท้ายพระราชกำหนดฯ เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูธุรกิจภาคการท่องเที่ยวในประเทศตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พร้อมทั้งให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เร่งดำเนินการตามความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการฯ โดยเคร่งครัดตามขั้นตอนต่อไป
2. มอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการฯ และดำเนินการ ดังนี้
2.1 จัดทำความต้องการใช้จ่ายเป็นรายสัปดาห์ เพื่อให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะสามารถจัดหาเงินกู้เพื่อใช้จ่ายโครงการตามแผนการใช้จ่ายเงินที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายทางการเงินของภาครัฐ
2.2 รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินโครงการ และการใช้จ่ายเงินกู้ รวมถึงปัญหาอุปสรรค ในระบบ eMENSCR และจัดส่งให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กระทรวงการคลังกำหนด ภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป
2.3 ประสานกับกระทรวงการคลังในการรายงานขีดความสามารถในการชำระคืนหนี้เงินกู้ประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีตามมาตรา 6 แห่งพระราชกำหนดฯ ด้วย
3. อนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยปรับปรุงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการกำลังใจและโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ และมอบหมายให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ดำเนินการความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการฯ ในส่วนของโครงการเราเที่ยวด้วยกันโดยเคร่งครัด ดังนี้
3.1 เร่งประสานกับธนาคารกรุงไทยฯ เพื่อพัฒนา/ปรับปรุงระบบและแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อรองรับการดำเนินการตามแนวทางต่างๆ ที่ ททท. เสนอได้ทันกับระยะเวลาเริ่มต้นโครงการฯ รวมทั้งประสานขอความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทยในการนำส่งข้อมูลจำนวนห้องพักของโรงแรมที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจโรงแรมกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และขอสิทธิ์ในการเข้าถึงฐานข้อมูล ภาพใบหน้าของประชาชนเพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการยืนยันตัวตนของผู้ใช้สิทธิในโครงการฯ ด้วยการสแกนใบหน้าเมื่อทำการเช็คอินห้องพัก โดยให้ธนาคารฯ สามารถเชื่อมโยงเข้าถึงฐานข้อมูลดังกล่าวได้ นอกจากนี้ เห็นควรเพิ่มระบบการยืนยันตัวตนของผู้ใช้สิทธิ์ โดยให้นำเทคโนโลยีการระบุตำแหน่ง (GPS) มาใช้เพื่อระบุตำแหน่งในการยืนยันตัวตน เพื่อเป็นการยกระดับการยืนยันตัวตนของผู้ใช้สิทธิในโครงการฯ ให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินโครงการฯ มีความโปร่งใส สามารถรองรับการติดตาม ตรวจสอบและป้องกันการฉวยโอกาสจากการดำเนินโครงการของรัฐในทางมิชอบได้
3.2 เห็นควรให้กำหนดเงื่อนไขให้ประชาชนไม่สามารถใช้สิทธิ์โครงการฯ พร้อมกันกับโครงการทัวร์เที่ยวไทยในการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเวลาเดียวกัน เพื่อให้เกิดการกระจายสิทธิ์แก่ประชาชนอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม นอกจากนี้การชำระค่าบริการของทั้ง 2 โครงการจะต้องดำเนินการผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังเพื่อป้องกันการฉวยโอกาสจากการดำเนินโครงการของรัฐในทางมิชอบได้
4. อนุมัติให้กรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับปรุงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการพัฒนาเพิ่มศักยภาพมัลเบอรี่วัลเลย์ จังหวัดสระบุรี ภายใต้กรอบวงเงินและระยะเวลาตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2563 ทั้งนี้ เห็นควรให้กรมหม่อนไหม เร่งประชาสัมพันธ์โครงการฯ ให้เกษตรกรในพื้นที่ได้รับทราบข้อมูลอย่างทั่วถึง เพื่อให้มีจำนวนเกษตรกรในพื้นที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ เพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
5. รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ ราย 3 เดือน ครั้งที่ 3 (1 พฤศจิกายน 2563 - 31 มกราคม 2564) ตามมาตรา 8 (2) แห่งพระราชกำหนดฯ พร้อมทั้งมอบหมายให้หัวหน้าหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ กำกับติดตามการดำเนินโครงการให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการฯ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การใช้จ่ายเงินกู้ รวมถึงการบริหารเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 23 มีนาคม 2564