คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินขั้นต่ำที่ภาครัฐจะได้รับจากโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F ตามมติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2564 [ค่าสัมปทานคงที่เท่ากับมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ที่ 29,050 ล้านบาท และค่าสัมปทานผันแปรที่ 100 บาทต่อทีอียู] ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เสนอ
[1]คำนวณโดยใช้มูลค่าการลงทุนของ กทท. ที่จัดสรรให้กับท่าเทียบเรือ F (15,954.83 ล้านบาท) รวมกับอัตรากำไรบนมูลค่าของการลงทุนของ กทท. ที่ร้อยละ 8 จำนวน 33 ปี (เนื่องจาก กทท. ได้อนุญาตให้ Grace Period ในช่วง 2 ปีแรก) และนำมาคิดเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ด้วยอัตราคิดลดร้อยละ 4.2 (ต้นทุนเงินของ กทท.)
สาระสำคัญของเรื่อง
2.1 มีเอกชนยื่นเอกสารข้อเสนอ 2 ราย และคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้พิจารณาประเมินข้อเสนอซองที่ 1 (ซองเอกสารหลักฐานการยื่นข้อเสนอ) และซองที่ 2 (ซองคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอ) โดยมีผู้ผ่านการประเมิน 1 ราย คือ กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ต่อมาคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้มีมติให้กลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ผ่านการประเมินข้อเสนอ ซองที่ 3 (ข้อเสนอทางเทคนิคและแผนการลงทุนในโครงการฯ)
2.2 การประเมินข้อเสนอซองที่ 4 (ข้อเสนอด้านผลประโยชน์ตอบแทน) เนื่องจากกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ได้เสนอให้ค่าสัมปทานคงที่คิดเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ที่ 12,051 ล้านบาท และค่าสัมปทานผันแปรที่ 100 บาทต่อทีอียู ซึ่งค่าสัมปทานคงที่ตามข้อเสนอต่ำกว่าผลประโยชน์ตอบแทนที่รัฐคาดหมายตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 30 ตุลาคม 2561 คณะกรรมการคัดเลือกฯ จึงได้เจรจาผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินที่ภาครัฐจะได้รับกับกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC จำนวน 6 ครั้ง สรุปได้ ดังนี้
2.2.1 ในช่วงเดือนเมษายน - มิถุนายน 2563 จำนวน 4 ครั้ง โดยกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC เสนอผลตอบแทนค่าสัมปทานคงที่เพิ่มขึ้น เป็น 28,000 ล้านบาท ส่วนค่าสัมปทานผันแปรยังเสนอคงเดิม (100 บาทต่อทีอียู)
2.2.2 กพอ. ในคราวประชุมครั้งที่ 5/2563 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2563 มีมติรับทราบผลการดำเนินงานของ กทท. และ สกพอ. และให้รับความเห็นของที่ประชุม เช่น (1) ให้คณะกรรมการคัดเลือกฯ เร่งเจรจากับเอกชนในส่วนผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินที่ภาครัฐจะได้รับให้ดีที่สุดต่อภาครัฐ (2) ให้ กทท. และ สกพอ. เร่งทำความเห็นต่อผลการเจรจาข้างต้น โดยอย่างน้อยต้องประกอบด้วยรายละเอียดวิธีการหรือสมมติฐานทางการเงิน และปัจจัยเรื่องผลกระทบเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ไปดำเนินการ และเร่งให้นำเสนอผลการเจรจาพร้อมความเห็นของ กทท. และ สกพอ. ต่อ กพอ. เพื่อพิจารณาต่อไป
2.2.3 คณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้เจรจาเพิ่มเติมอีก 2 ครั้ง ในเดือนมกราคม 2564 โดยกลุ่มกิจการร่วมค้า GPC ได้ยื่นข้อเสนอและยืนยันว่าเป็นข้อเสนอสุดท้าย คือ ค่าสัมปทานคงที่ 29,050 ล้านบาท ส่วนค่าสัมปทานผันแปรยังเสนอคงเดิม (100 บาทต่อทีอียู)
2.2.4 กทท. และ สกพอ. ได้ดำเนินการตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง การประกาศเชิญชวนวิธีการประกาศเชิญชวน วิธีการคัดเลือกของคณะกรรมการคัดเลือก หลักเกณฑ์ในการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน รายละเอียดของเอกสารการคัดเลือกเอกชน และข้อกำหนดมาตรฐานของร่างสัญญาร่วมลงทุน พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 18 วรรคสอง โดยได้ร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริงและจัดทำความเห็นต่อคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพิเศษภาคตะวันออกพิจารณากลั่นกรองในคราวประชุมครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งต่อมาเห็นชอบให้เสนอ กพอ. พิจารณา โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
1. เงื่อนไขในเอกสารการคัดเลือกเอกชน
ได้ระบุไว้ว่า ?ข้อเสนอสัมปทานคงที่ที่ต่ำกว่าผลประโยชน์ตอบแทนที่ภาครัฐคาดหวังจะได้รับ ตามที่ระบุไว้ในหลักการโครงการฯ ซึ่งคณะรัฐมนตรีเคยอนุมัติไว้จะไม่ถูกตัดสิทธิ์และไม่ถือว่าข้อเสนอนั้นไม่ผ่านการพิจารณา?
2. ผลตอบแทนโครงการฯ เฉพาะส่วนของท่าเทียบเรือ F
มีอัตราผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) อยู่ที่ร้อยละ 11.01 และมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) อยู่ที่ 30,032 ล้านบาท และหากนำมูลค่าที่ดินของ กทท. มาคำนวณเป็นมูลค่าสุดท้าย (Terminal Value) จะมีอัตราผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) อยู่ที่ร้อยละ 11.54 และมีมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) อยู่ที่ 39,959 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่ดีสำหรับการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
3. ความเสี่ยงด้านผลตอบแทนต่อเงินลงทุนของ กทท.
เนื่องจากมูลค่าเงินลงทุนก่อสร้างโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3ต่ำกว่าวงเงินลงทุนที่ได้ประมาณการไว้ รวม 5,161.06 ล้านบาท ทำให้มูลค่าการลงทุนท่าเทียบเรือ F เหลือ 13,786.67 ล้านบาท (จาก 15,954.74 ล้านบาท) ส่งผลให้ต้นทุนของการลงทุนของ กทท. ในส่วนของท่าเทียบเรือ F ตามหลักการการคำนวณ เป็น 27,845 ล้านบาท ดังนั้น ข้อเสนอค่าสัมปทานคงที่ของเอกชน จึงครอบคลุมความเสี่ยงด้านผลตอบแทนต่อเงินลงทุนของ กทท. ได้
4. ผลกระทบหากมีการคัดเลือกเอกชนใหม่
4.1 จะมีผลกระทบต่อการเปิดดำเนินการท่าเทียบเรือ F โดยอาจล่าช้าประมาณ 2 ปี ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่ท่าเรือแหลมฉบังจะไม่สามารถรองรับปริมาณตู้สินค้าผ่านท่าได้ รวมถึงข้อจำกัดในการรองรับเรือสินค้าขนาดใหญ่ของท่าเรือในปัจจุบัน และกรณีที่มีการถมทะเลแล้วเสร็จแต่ไม่มีการร่วมลงทุนสร้างท่าเทียบเรือได้ทันที จะทำให้ กทท. ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและซ่อมบำรุงโครงสร้างในส่วนดังกล่าว
4.2 ภาครัฐมีความเสี่ยงที่จะไม่มีเอกชนยื่นข้อเสนอหรือเสนอผลตอบแทนต่ำกว่าเดิม เนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด - 19
2.2.5 กพอ. ในคราวประชุมครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2564 ได้มีมติเห็นชอบผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินขั้นต่ำที่ภาครัฐจะได้รับเป็นค่าสัมปทานคงที่เท่ากับมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) ที่ 29,050 ล้านบาท และค่าสัมปทานผันแปรที่ 100 บาทต่อทีอียู และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
ที่มา: ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 7 เมษายน 2564