คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้แก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังขอเสนอแก้ไขเพิ่มเติม และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างดังกล่าว ที่กระทรวงการคลังแก้ไขเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
กระทรวงการคลังรายงานว่า
1. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแจ้งว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 3)ได้ตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2545 เสร็จแล้ว ทั้งนี้ในร่างมาตรา 8 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 229 นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ยืนยันความเห็นเดิมที่ควรให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถมอบหมายให้บุคคลอื่นนอกจากตลาดหลักทรัพย์ ทำหน้าที่เป็นสำนักหักบัญชี ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์หรือนายทะเบียนหลักทรัพย์ได้ด้วย โดยจะขอแก้ไขในชั้นรัฐสภาต่อไป ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 3) เห็นว่าการประกอบการเป็นสำนักหักบัญชี ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์หรือนายทะเบียนหลักทรัพย์ในระบบไร้ใบหลักทรัพย์ต้องมีระบบที่มีความปลอดภัย และมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งโดยปกติจะต้องได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แต่ร่างพระราชบัญญัตินี้ได้ยกเว้นให้ธนาคารแห่งประเทศไทยประกอบการได้โดยไม่ต้องได้รับในอนุญาต ฉะนั้น หากธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ประกอบการเอง ต้องมอบหมายให้ตลาดหลักทรัพย์เป็นผู้ประกอบการแทนเพราะมีประสบการณ์และมีความน่าเชื่อถือ การจะมอบหมายให้บุคคลอื่นประกอบการแทนได้นั้นเป็นการขัดข้องต่อเจตนารมณ์ข้างต้น
2. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาตามข้อ 1. อีกครั้งหนึ่ง
3. กระทรวงการคลังเสนอว่า ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาตามข้อ 1 แล้ว เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้
3.1 กำหนดให้บุคคลอื่นที่ได้รับใบอนุญาตประกอบการเป็นศูนย์รับฝากหลักทรัพย์จากคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้รับประโยชน์จากบทสันนิษฐานเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของหลักทรัพย์ในระบบไร้ใบหลักทรัพย์ (Scriptless) และ บทรองรับทางกฎหมายเกี่ยวกับการโอนและการจำนำหลักทรัพย์ สำหรับการทำหน้าที่เป็นศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ด้วย ทั้งนี้ จะจำกัดไว้เฉพาะการรับฝากหลักทรัพย์ประเภทตราสารหนี้เท่านั้น
3.2 แก้ไขมาตรา 229 โดยตัดบทบัญญัติที่ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถมอบหมายให้ตลาดหลักทรัพย์ดำเนินการเป็นศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แทน เนื่องจากเมื่อกำหนดให้ผู้ประกอบการเป็นศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้รับบทสันนิษฐานดังกล่าวแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมอบหมายให้หน่วยงานอื่นเพื่อให้ได้รับบทสันนิษฐานด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 4 มกราคม 2548--จบ--
กระทรวงการคลังรายงานว่า
1. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาแจ้งว่า คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 3)ได้ตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2545 เสร็จแล้ว ทั้งนี้ในร่างมาตรา 8 แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 229 นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ยืนยันความเห็นเดิมที่ควรให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถมอบหมายให้บุคคลอื่นนอกจากตลาดหลักทรัพย์ ทำหน้าที่เป็นสำนักหักบัญชี ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์หรือนายทะเบียนหลักทรัพย์ได้ด้วย โดยจะขอแก้ไขในชั้นรัฐสภาต่อไป ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ 3) เห็นว่าการประกอบการเป็นสำนักหักบัญชี ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์หรือนายทะเบียนหลักทรัพย์ในระบบไร้ใบหลักทรัพย์ต้องมีระบบที่มีความปลอดภัย และมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งโดยปกติจะต้องได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แต่ร่างพระราชบัญญัตินี้ได้ยกเว้นให้ธนาคารแห่งประเทศไทยประกอบการได้โดยไม่ต้องได้รับในอนุญาต ฉะนั้น หากธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ประกอบการเอง ต้องมอบหมายให้ตลาดหลักทรัพย์เป็นผู้ประกอบการแทนเพราะมีประสบการณ์และมีความน่าเชื่อถือ การจะมอบหมายให้บุคคลอื่นประกอบการแทนได้นั้นเป็นการขัดข้องต่อเจตนารมณ์ข้างต้น
2. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ขอให้กระทรวงการคลังพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาตามข้อ 1. อีกครั้งหนึ่ง
3. กระทรวงการคลังเสนอว่า ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาตามข้อ 1 แล้ว เห็นควรแก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้
3.1 กำหนดให้บุคคลอื่นที่ได้รับใบอนุญาตประกอบการเป็นศูนย์รับฝากหลักทรัพย์จากคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้รับประโยชน์จากบทสันนิษฐานเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของหลักทรัพย์ในระบบไร้ใบหลักทรัพย์ (Scriptless) และ บทรองรับทางกฎหมายเกี่ยวกับการโอนและการจำนำหลักทรัพย์ สำหรับการทำหน้าที่เป็นศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ด้วย ทั้งนี้ จะจำกัดไว้เฉพาะการรับฝากหลักทรัพย์ประเภทตราสารหนี้เท่านั้น
3.2 แก้ไขมาตรา 229 โดยตัดบทบัญญัติที่ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถมอบหมายให้ตลาดหลักทรัพย์ดำเนินการเป็นศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แทน เนื่องจากเมื่อกำหนดให้ผู้ประกอบการเป็นศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ที่ได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้รับบทสันนิษฐานดังกล่าวแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมอบหมายให้หน่วยงานอื่นเพื่อให้ได้รับบทสันนิษฐานด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 4 มกราคม 2548--จบ--