เรื่อง การจ่ายเงินเพิ่มพิเศษกรณีไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัวและหรือโรงพยาบาลเอกชน ให้แก่ แพทย์
ทันตแพทย์ และเภสัชกร ที่ปฏิบัติงานด้านส่งเสริมสุขภาพควบคุมป้องกันโรค และฟื้นฟูสภาพ
คณะรัฐมนตรีพิจารณาข้อเสนอการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษกรณีไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัวและหรือโรงพยาบาลเอกชนให้แก่ แพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกร ที่ปฏิบัติงานด้านส่งเสริมสุขภาพควบคุมป้องกันโรค และฟื้นฟูสภาพตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ แล้วมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่17 กรกฎาคม 2544 มีผลครอบคลุมถึงแพทย์ ทันตแพทย์และเภสัชกร ที่ปฏิบัติงานบริการด้านอื่นนอกเหนือจากด้านการรักษาพยาบาลโดยตรง ได้แก่ การส่งเสริมสุขภาพ ควบคุมป้องกันโรคและ ฟื้นฟูสภาพ เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ ฯ ได้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบเป็นต้นไป
2. อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ ฯ สำหรับแพทย์ ทันตแพทย์และเภสัชกรที่ปฏิบัติงานอื่นนอกเหนือจากการรักษาพยาบาลโดยตรง เพื่อให้มีความรอบคอบและตอบสนองวัตถุประสงค์ของการจ่ายค่าตอบแทนดังกล่าว รวมทั้งสามารถแก้ปัญหาในการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุขได้
กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า
1. ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2544 กระทรวงสาธารณสุขได้ปรับปรุงและกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเพิ่มพิเศษกรณีไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัวและหรือปฏิบัติงานในโรงพยาบาลเอกชน โดยขยายหน่วยบริการที่ให้เบิกเงินเพิ่มพิเศษ ฯ ให้ครอบคลุมทั้งโรงพยาบาลและหน่วยบริการที่มีชื่อเรียกอย่างอื่น และครอบคลุมมากกว่าการรักษาพยาบาล ไปถึงการส่งเสริมสุขภาพ ควบคุมป้องกันโรค และฟื้นฟูสภาพ โดยได้ประกาศหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ สำหรับแพทย์ ทันตแพทย์และเภสัชกร ที่ปฏิบัติงานในหน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัวและหรือปฏิบัติงานในโรงพยาบาลเอกชน พ.ศ.2544 เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2544 โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2544 ซึ่งแพทย์ ทันตแพทย์และเภสัชกรที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ได้ยื่นคำขอรับเงินเพิ่มพิเศษฯ ต่อคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนเงินเพิ่มพิเศษฯ และได้รับการพิจารณาอนุมัติให้ได้รับค่าตอบแทนไปแล้ว รวม 402 ราย จำนวน 118 ล้านบาท และต่อมาถูกท้วงติงจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามมติคณะรัฐมนตรีและไม่มีสิทธิขอรับเงินเพิ่มพิเศษนี้ฯ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้สั่งการให้ชะลอการเบิกจ่ายเงินเพิ่มพิเศษฯ ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2546 ซึ่งส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจแพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกรที่ปฏิบัติงานเป็นอย่างยิ่ง
2. กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอเรื่องขอเสนอการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษดังกล่าวโดยขออนุมัติให้ครอบคลุมผู้ที่ปฏิบัติงานให้บริการแบบผสมผสาน ซึ่งคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (เดิม) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (ศาสตราจารย์ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์) เป็นประธานกรรมการ ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 5/2547 เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2547 ให้กระทรวงสาธารณสุขหารือการตีความมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2544 กรณีหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเพิ่มพิเศษฯ ไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และนำผลการหารือเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
3. กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีคณะที่ 5 ข้างต้นแล้ว โดยได้หารือใน 2 ประเด็น ได้แก่ การตีความการรักษาพยาบาลตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว เป็นการรักษาพยาบาลแบบองค์รวมซึ่งครอบคลุมการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพ ควบคุมป้องกันโรค และการฟื้นฟูสภาพ โดยรวมทั้งการปฏิบัติงานในหน่วยบริการของกระทรวงสาธารณสุข ที่เรียกชื่ออย่างอื่นนอกเหนือจากโรงพยาบาลว่าเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีหรือไม่ และหากหลักเกณฑ์ดังกล่าวไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี จะมีแนวทางการดำเนินงานอย่างใด ซึ่งผลการหารือสรุปได้ว่า กรณีดังกล่าวไม่ใช่ปัญหาความไม่ชัดเจนของมติคณะรัฐมนตรี แต่เป็นปัญหาการปฏิบัติตามสาระสำคัญของมติคณะรัฐมนตรี หากกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาเห็นว่ามีปัญหาขัดข้องในทางปฏิบัติก็ควรจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอทบทวนมติอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาเห็นว่าเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวและเพื่อมิให้มีผลกระทบต่อโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รวมทั้งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจต่อผู้ปฏิบัติงาน จึงขอให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 4 มกราคม 2548--จบ--
ทันตแพทย์ และเภสัชกร ที่ปฏิบัติงานด้านส่งเสริมสุขภาพควบคุมป้องกันโรค และฟื้นฟูสภาพ
คณะรัฐมนตรีพิจารณาข้อเสนอการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษกรณีไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัวและหรือโรงพยาบาลเอกชนให้แก่ แพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกร ที่ปฏิบัติงานด้านส่งเสริมสุขภาพควบคุมป้องกันโรค และฟื้นฟูสภาพตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ แล้วมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่17 กรกฎาคม 2544 มีผลครอบคลุมถึงแพทย์ ทันตแพทย์และเภสัชกร ที่ปฏิบัติงานบริการด้านอื่นนอกเหนือจากด้านการรักษาพยาบาลโดยตรง ได้แก่ การส่งเสริมสุขภาพ ควบคุมป้องกันโรคและ ฟื้นฟูสภาพ เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ ฯ ได้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ความเห็นชอบเป็นต้นไป
2. อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ ฯ สำหรับแพทย์ ทันตแพทย์และเภสัชกรที่ปฏิบัติงานอื่นนอกเหนือจากการรักษาพยาบาลโดยตรง เพื่อให้มีความรอบคอบและตอบสนองวัตถุประสงค์ของการจ่ายค่าตอบแทนดังกล่าว รวมทั้งสามารถแก้ปัญหาในการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุขได้
กระทรวงสาธารณสุขรายงานว่า
1. ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2544 กระทรวงสาธารณสุขได้ปรับปรุงและกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเพิ่มพิเศษกรณีไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัวและหรือปฏิบัติงานในโรงพยาบาลเอกชน โดยขยายหน่วยบริการที่ให้เบิกเงินเพิ่มพิเศษ ฯ ให้ครอบคลุมทั้งโรงพยาบาลและหน่วยบริการที่มีชื่อเรียกอย่างอื่น และครอบคลุมมากกว่าการรักษาพยาบาล ไปถึงการส่งเสริมสุขภาพ ควบคุมป้องกันโรค และฟื้นฟูสภาพ โดยได้ประกาศหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเพิ่มพิเศษ สำหรับแพทย์ ทันตแพทย์และเภสัชกร ที่ปฏิบัติงานในหน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข โดยไม่ทำเวชปฏิบัติส่วนตัวและหรือปฏิบัติงานในโรงพยาบาลเอกชน พ.ศ.2544 เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2544 โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2544 ซึ่งแพทย์ ทันตแพทย์และเภสัชกรที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ได้ยื่นคำขอรับเงินเพิ่มพิเศษฯ ต่อคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนเงินเพิ่มพิเศษฯ และได้รับการพิจารณาอนุมัติให้ได้รับค่าตอบแทนไปแล้ว รวม 402 ราย จำนวน 118 ล้านบาท และต่อมาถูกท้วงติงจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามมติคณะรัฐมนตรีและไม่มีสิทธิขอรับเงินเพิ่มพิเศษนี้ฯ กระทรวงสาธารณสุขจึงได้สั่งการให้ชะลอการเบิกจ่ายเงินเพิ่มพิเศษฯ ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2546 ซึ่งส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจแพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกรที่ปฏิบัติงานเป็นอย่างยิ่ง
2. กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอเรื่องขอเสนอการจ่ายเงินเพิ่มพิเศษดังกล่าวโดยขออนุมัติให้ครอบคลุมผู้ที่ปฏิบัติงานให้บริการแบบผสมผสาน ซึ่งคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (เดิม) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (ศาสตราจารย์ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์) เป็นประธานกรรมการ ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 5/2547 เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2547 ให้กระทรวงสาธารณสุขหารือการตีความมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2544 กรณีหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเพิ่มพิเศษฯ ไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และนำผลการหารือเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 พิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
3. กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีคณะที่ 5 ข้างต้นแล้ว โดยได้หารือใน 2 ประเด็น ได้แก่ การตีความการรักษาพยาบาลตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว เป็นการรักษาพยาบาลแบบองค์รวมซึ่งครอบคลุมการดำเนินงานส่งเสริมสุขภาพ ควบคุมป้องกันโรค และการฟื้นฟูสภาพ โดยรวมทั้งการปฏิบัติงานในหน่วยบริการของกระทรวงสาธารณสุข ที่เรียกชื่ออย่างอื่นนอกเหนือจากโรงพยาบาลว่าเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีหรือไม่ และหากหลักเกณฑ์ดังกล่าวไม่เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี จะมีแนวทางการดำเนินงานอย่างใด ซึ่งผลการหารือสรุปได้ว่า กรณีดังกล่าวไม่ใช่ปัญหาความไม่ชัดเจนของมติคณะรัฐมนตรี แต่เป็นปัญหาการปฏิบัติตามสาระสำคัญของมติคณะรัฐมนตรี หากกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาเห็นว่ามีปัญหาขัดข้องในทางปฏิบัติก็ควรจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอทบทวนมติอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขพิจารณาเห็นว่าเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวและเพื่อมิให้มีผลกระทบต่อโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า รวมทั้งเพื่อเป็นขวัญกำลังใจต่อผู้ปฏิบัติงาน จึงขอให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 4 มกราคม 2548--จบ--