คณะรัฐมนตรีพิจารณาแนวทางการจัดทำแผนนิติบัญญัติ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอแล้วมีมติ ดังนี้
1. เห็นชอบแนวทางการจัดทำแผนนิติบัญญัติและรูปแบบของร่างแผนนิติบัญญัติ
2. ให้ส่วนราชการทุกแห่งแจ้งข้อมูลกฎหมาย และร่วมดำเนินการตามแนวทางการจัดทำแผนนิติบัญญัติ
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยให้แต่ละส่วนราชการแจ้งรายชื่อผู้รับผิดชอบด้านการจัดทำแผนนิติบัญญัติของกระทรวงให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบ
3. ในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเสนอกฎหมายเพื่อดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ให้ส่วนราชการรีบนำเสนอกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรีได้ทันที โดยไม่ต้องรอการประกาศใช้บังคับแผนนิติบัญญัติ
4. การเสนอความจำเป็นที่สมควรร้องขอให้รัฐสภาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่รัฐสภายังมิได้ให้ความเห็นชอบ ให้ส่วนราชการรีบดำเนินการแจ้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วเพื่อรวบรวมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีได้ทันทีเมื่อมีการประกาศแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ให้แจ้งส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติต่อไป
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอว่า
1. พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 ได้บัญญัติให้มี
แผนนิติบัญญัติเพื่อกำหนดรายละเอียดของการจัดให้มีกฎหมายที่จะสนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ปรากฏในแผนการบริหารราชการแผ่นดิน และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2547 ได้กำหนดระยะเวลาในการจัดทำแผนนิติบัญญัติให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน นับแต่วันประกาศใช้บังคับแผนการบริหารราชการแผ่นดิน โดยให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายในความรับผิดชอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อใช้ประกอบการจัดทำแผนนิติบัญญัติ
2. การจัดทำแผนนิติบัญญัติควรจะต้องดำเนินการไปควบคู่กับแผนการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะจะสามารถกำหนดระยะเวลาการดำเนินการตามนโยบายในเรื่องต่าง ๆ ได้โดยสอดคล้องกันและเพื่อให้การดำเนินการจัดทำกฎหมายตามนโยบายของรัฐสามารถดำเนินการได้โดยรวดเร็ว จึงสมควรเตรียมการจัดทำแผนนิติบัญญัติไปพร้อมกับการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่ต้องรอระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2547 ซึ่งในการดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมดำเนินการตั้งแต่ต้น จึงได้เสนอแนวทางการจัดทำแผนนิติบัญญัติ ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. "แผนนิติบัญญัติ" คือ แผนการจัดทำกฎหมายที่สอดคล้องกับแผนการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้ทราบว่าการดำเนินการตามประเด็นยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ในแผนการบริหารราชการแผ่นดินแต่ละเรื่องสามารถดำเนินการได้โดยมีกฎหมายรองรับพอเพียงกับการปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดผลสำเร็จหรือไม่ ถ้าการปฏิบัติงานในเรื่องใดจำเป็นต้องจัดให้มีกฎหมายสนับสนุนการปฏิบัติงานด้วยก็จะกำหนดเป็นแผนการดำเนินการด้านกฎหมายเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐขึ้น
2. แนวทางการจัดทำแผนนิติบัญญัติ
2.1 ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดทำและเสนอแผนนิติบัญญัติต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ความเห็นชอบภายใน 120 วัน นับแต่วันที่แผนการบริหารราชการแผ่นดินประกาศในราชกิจจานุเบกษา
2.2 ในการจัดทำแผนนิติบัญญัติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีร่วมประชุมโดยมีรองนายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธาน
2.3 ในกรณีที่สมควรร้องขอต่อรัฐบาล เพื่อให้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่รัฐสภายังมิได้ให้ความเห็นชอบตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้สามารถร้องขอต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินั้นต่อไปภายใน 60 วัน นับแต่วันเรียกประชุมรัฐสภาครั้งแรกหลังการเลือกตั้งทั่วไป
2.4 ให้เป็นหน้าที่ของส่วนราชการต่าง ๆ ที่จะต้องแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมกฤษฎีกาทราบในเรื่องดังต่อไปนี้
(1) ความจำเป็นที่สมควรร้องขอให้รัฐสภาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่รัฐสภายังมิได้ให้ความเห็นชอบ โดยให้แจ้งภายใน 30 วัน นับแต่วันที่อายุของสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงหรือมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร
(2) ความจำเป็นที่ต้องจัดให้มีกฎหมายขึ้นใหม่แก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิกกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อให้เป็นไปตามแผนการบริหารราชการแผ่นดิน พร้อมทั้งรายละเอียดโดยสังเขป โดยให้แจ้งภายใน 30 วันนับแต่วันที่แผนการบริหารราชการแผ่นดินประกาศในราชกิจจานุเบกษา
3. แนวทางการดำเนินงาน
3.1 ระยะเวลาการดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาและตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว มีขั้นตอนดังนี้
ส่วนราชการที่รับผิดชอบจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดินเสนอร่างแผนต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ความเห็นชอบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภานำเสนอแผนการบริหารราชการแผ่นดินให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบภายใน 90 วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
เมื่อประกาศใช้บังคับแผนการบริหารราชการแผ่นดินแล้วให้มีการจัดทำแผนนิติบัญญัติเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายใน 120 วัน
3.2 เพื่อเป็นการเร่งรัดให้มีแผนนิติบัญญัติขึ้นใช้บังคับโดยเร็วควบคู่ไปกับแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งจะทำให้เห็นภาพรวมของแนวทางการบริหารประเทศครบถ้วนทุกด้าน สมควรที่จะได้เริ่มดำเนินการจัดทำแผนนิติบัญญัติพร้อมกับการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่ต้องรอระยะเวลาให้มีการประกาศใช้บังคับแผนการบริหารราชการแผ่นดินเสียก่อน ตามพระราชกฤษฎีกาและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว
3.3 เพื่อให้เป็นไปตามข้อ 3.2 สมควรกำหนดแนวทางการดำเนินงานจัดทำแผนนิติบัญญัติโดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการดังต่อไปนี้
จัดทำฐานข้อมูลกฎหมายที่ใช้บังคับในปัจจุบันทั้งหมด และรวบรวมข้อมูลความประสงค์ในการเสนอให้มีการกฎหมายใหม่ การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายหรือการยกเลิกกฎหมายจากทุกส่วน ราชการ (ภายในเดือนกุมภาพันธ์)จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมดำเนินการเพื่อรับทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแผนงานและโครงการของส่วนราชการ และนำมาใช้เตรียมการพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้อง (ภายในเดือนกุมภาพันธ์)เข้าร่วมพิจารณากับส่วนราชการที่มีหน้าที่จัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อรับทราบประเด็นนโยบายและสาระสำคัญของเรื่องที่จะกำหนดไว้ในแผนการบริหารราชการแผ่นดิน และวิเคราะห์สภาพกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นตามร่างแผนการบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งการปรึกษาหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำร่างแผนนิติบัญญัติเบื้องต้น (ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม)
วิธีการจัดทำแผนนิติบัญญัตินั้นได้กำหนดขั้นตอนการดำเนินการ ดังนี้
1.นำประเด็นนโยบายที่จะกำหนดไว้ในแผนการบริหารราชการแผ่นดินมา วิเคราะห์ว่า การปฏิบัติตามนโยบายในเรื่องนั้นจำเป็นต้องมีกฎหมายสนับสนุนเพื่อให้การปฏิบัติงานมีความสำเร็จหรือไม่
2. ตรวจสอบว่า กฎหมายที่จำเป็นต้องมีขึ้นนั้นจะต้องตราเป็นกฎหมายใหม่ แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่มีอยู่แล้ว หรือต้องยกเลิกกฎหมายใด
3. ประชุมหารือกับส่วนราชการ เพื่อให้ได้ข้อยุติตรงกัน
4. เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนแล้วจะนำไปกำหนดเป็นรายละเอียดในร่างแผนนิติบัญญัติต่อไป
5. จัดประชุม เพื่อพิจารณาร่างแผนนิติบัญญัติขั้นสุดท้ายให้สอดคล้องกับแผนการบริหารราชการแผ่นดิน และเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ (ภายในเวลาหนึ่งเดือนนับจากวันประกาศใช้บังคับ แผนการบริหาราชการแผ่นดิน)
3.4 ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการคือ การกำหนดให้ส่วนราชการต่าง ๆ มีหน้าที่แจ้งมูลเกี่ยวกับการเสนอกฎหมายภายใน 30 วัน นับแต่วันที่แผนการบริหารราชการแผ่นดินประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งทำให้ก่อนระยะเวลาดังกล่าวส่วนราชการทุกแห่ง ยังไม่มีหน้าที่ต้องดำเนินการแจ้งข้อมูลเพื่อการจัดทำแผนนิติบัญญัติ และจะทำให้การเตรียมการจัดทำแผนนิติบัญญัติไว้ล่วงหน้าไม่อาจกระทำได้ตามแนวทางที่นำเสนอ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2548--จบ--
1. เห็นชอบแนวทางการจัดทำแผนนิติบัญญัติและรูปแบบของร่างแผนนิติบัญญัติ
2. ให้ส่วนราชการทุกแห่งแจ้งข้อมูลกฎหมาย และร่วมดำเนินการตามแนวทางการจัดทำแผนนิติบัญญัติ
ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยให้แต่ละส่วนราชการแจ้งรายชื่อผู้รับผิดชอบด้านการจัดทำแผนนิติบัญญัติของกระทรวงให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบ
3. ในกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องเสนอกฎหมายเพื่อดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ให้ส่วนราชการรีบนำเสนอกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรีได้ทันที โดยไม่ต้องรอการประกาศใช้บังคับแผนนิติบัญญัติ
4. การเสนอความจำเป็นที่สมควรร้องขอให้รัฐสภาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่รัฐสภายังมิได้ให้ความเห็นชอบ ให้ส่วนราชการรีบดำเนินการแจ้งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาโดยเร็วเพื่อรวบรวมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีได้ทันทีเมื่อมีการประกาศแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี
ทั้งนี้ ให้แจ้งส่วนราชการทราบและถือปฏิบัติต่อไป
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอว่า
1. พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ.2546 ได้บัญญัติให้มี
แผนนิติบัญญัติเพื่อกำหนดรายละเอียดของการจัดให้มีกฎหมายที่จะสนับสนุนการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ปรากฏในแผนการบริหารราชการแผ่นดิน และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2547 ได้กำหนดระยะเวลาในการจัดทำแผนนิติบัญญัติให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน นับแต่วันประกาศใช้บังคับแผนการบริหารราชการแผ่นดิน โดยให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายในความรับผิดชอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทราบภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อใช้ประกอบการจัดทำแผนนิติบัญญัติ
2. การจัดทำแผนนิติบัญญัติควรจะต้องดำเนินการไปควบคู่กับแผนการบริหารราชการแผ่นดิน เพราะจะสามารถกำหนดระยะเวลาการดำเนินการตามนโยบายในเรื่องต่าง ๆ ได้โดยสอดคล้องกันและเพื่อให้การดำเนินการจัดทำกฎหมายตามนโยบายของรัฐสามารถดำเนินการได้โดยรวดเร็ว จึงสมควรเตรียมการจัดทำแผนนิติบัญญัติไปพร้อมกับการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่ต้องรอระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2547 ซึ่งในการดำเนินการดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมดำเนินการตั้งแต่ต้น จึงได้เสนอแนวทางการจัดทำแผนนิติบัญญัติ ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. "แผนนิติบัญญัติ" คือ แผนการจัดทำกฎหมายที่สอดคล้องกับแผนการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อให้ทราบว่าการดำเนินการตามประเด็นยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ในแผนการบริหารราชการแผ่นดินแต่ละเรื่องสามารถดำเนินการได้โดยมีกฎหมายรองรับพอเพียงกับการปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดผลสำเร็จหรือไม่ ถ้าการปฏิบัติงานในเรื่องใดจำเป็นต้องจัดให้มีกฎหมายสนับสนุนการปฏิบัติงานด้วยก็จะกำหนดเป็นแผนการดำเนินการด้านกฎหมายเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐขึ้น
2. แนวทางการจัดทำแผนนิติบัญญัติ
2.1 ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจัดทำและเสนอแผนนิติบัญญัติต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ความเห็นชอบภายใน 120 วัน นับแต่วันที่แผนการบริหารราชการแผ่นดินประกาศในราชกิจจานุเบกษา
2.2 ในการจัดทำแผนนิติบัญญัติให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีร่วมประชุมโดยมีรองนายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธาน
2.3 ในกรณีที่สมควรร้องขอต่อรัฐบาล เพื่อให้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่รัฐสภายังมิได้ให้ความเห็นชอบตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้สามารถร้องขอต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินั้นต่อไปภายใน 60 วัน นับแต่วันเรียกประชุมรัฐสภาครั้งแรกหลังการเลือกตั้งทั่วไป
2.4 ให้เป็นหน้าที่ของส่วนราชการต่าง ๆ ที่จะต้องแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมกฤษฎีกาทราบในเรื่องดังต่อไปนี้
(1) ความจำเป็นที่สมควรร้องขอให้รัฐสภาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติหรือร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่รัฐสภายังมิได้ให้ความเห็นชอบ โดยให้แจ้งภายใน 30 วัน นับแต่วันที่อายุของสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงหรือมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร
(2) ความจำเป็นที่ต้องจัดให้มีกฎหมายขึ้นใหม่แก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิกกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบ เพื่อให้เป็นไปตามแผนการบริหารราชการแผ่นดิน พร้อมทั้งรายละเอียดโดยสังเขป โดยให้แจ้งภายใน 30 วันนับแต่วันที่แผนการบริหารราชการแผ่นดินประกาศในราชกิจจานุเบกษา
3. แนวทางการดำเนินงาน
3.1 ระยะเวลาการดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกาและตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว มีขั้นตอนดังนี้
ส่วนราชการที่รับผิดชอบจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดินเสนอร่างแผนต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ความเห็นชอบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภานำเสนอแผนการบริหารราชการแผ่นดินให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบภายใน 90 วัน นับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
เมื่อประกาศใช้บังคับแผนการบริหารราชการแผ่นดินแล้วให้มีการจัดทำแผนนิติบัญญัติเสนอต่อคณะรัฐมนตรีภายใน 120 วัน
3.2 เพื่อเป็นการเร่งรัดให้มีแผนนิติบัญญัติขึ้นใช้บังคับโดยเร็วควบคู่ไปกับแผนการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งจะทำให้เห็นภาพรวมของแนวทางการบริหารประเทศครบถ้วนทุกด้าน สมควรที่จะได้เริ่มดำเนินการจัดทำแผนนิติบัญญัติพร้อมกับการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่ต้องรอระยะเวลาให้มีการประกาศใช้บังคับแผนการบริหารราชการแผ่นดินเสียก่อน ตามพระราชกฤษฎีกาและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว
3.3 เพื่อให้เป็นไปตามข้อ 3.2 สมควรกำหนดแนวทางการดำเนินงานจัดทำแผนนิติบัญญัติโดยให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาดำเนินการดังต่อไปนี้
จัดทำฐานข้อมูลกฎหมายที่ใช้บังคับในปัจจุบันทั้งหมด และรวบรวมข้อมูลความประสงค์ในการเสนอให้มีการกฎหมายใหม่ การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายหรือการยกเลิกกฎหมายจากทุกส่วน ราชการ (ภายในเดือนกุมภาพันธ์)จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วมดำเนินการเพื่อรับทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแผนงานและโครงการของส่วนราชการ และนำมาใช้เตรียมการพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวข้อง (ภายในเดือนกุมภาพันธ์)เข้าร่วมพิจารณากับส่วนราชการที่มีหน้าที่จัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อรับทราบประเด็นนโยบายและสาระสำคัญของเรื่องที่จะกำหนดไว้ในแผนการบริหารราชการแผ่นดิน และวิเคราะห์สภาพกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นตามร่างแผนการบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งการปรึกษาหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำร่างแผนนิติบัญญัติเบื้องต้น (ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม)
วิธีการจัดทำแผนนิติบัญญัตินั้นได้กำหนดขั้นตอนการดำเนินการ ดังนี้
1.นำประเด็นนโยบายที่จะกำหนดไว้ในแผนการบริหารราชการแผ่นดินมา วิเคราะห์ว่า การปฏิบัติตามนโยบายในเรื่องนั้นจำเป็นต้องมีกฎหมายสนับสนุนเพื่อให้การปฏิบัติงานมีความสำเร็จหรือไม่
2. ตรวจสอบว่า กฎหมายที่จำเป็นต้องมีขึ้นนั้นจะต้องตราเป็นกฎหมายใหม่ แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่มีอยู่แล้ว หรือต้องยกเลิกกฎหมายใด
3. ประชุมหารือกับส่วนราชการ เพื่อให้ได้ข้อยุติตรงกัน
4. เมื่อได้ข้อมูลครบถ้วนแล้วจะนำไปกำหนดเป็นรายละเอียดในร่างแผนนิติบัญญัติต่อไป
5. จัดประชุม เพื่อพิจารณาร่างแผนนิติบัญญัติขั้นสุดท้ายให้สอดคล้องกับแผนการบริหารราชการแผ่นดิน และเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ (ภายในเวลาหนึ่งเดือนนับจากวันประกาศใช้บังคับ แผนการบริหาราชการแผ่นดิน)
3.4 ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการคือ การกำหนดให้ส่วนราชการต่าง ๆ มีหน้าที่แจ้งมูลเกี่ยวกับการเสนอกฎหมายภายใน 30 วัน นับแต่วันที่แผนการบริหารราชการแผ่นดินประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งทำให้ก่อนระยะเวลาดังกล่าวส่วนราชการทุกแห่ง ยังไม่มีหน้าที่ต้องดำเนินการแจ้งข้อมูลเพื่อการจัดทำแผนนิติบัญญัติ และจะทำให้การเตรียมการจัดทำแผนนิติบัญญัติไว้ล่วงหน้าไม่อาจกระทำได้ตามแนวทางที่นำเสนอ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2548--จบ--