แท็ก
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย
กระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ
คณะรัฐมนตรี
ธพว.
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณประจำปี 2549 จำนวน 2,500 ล้านบาท ให้กับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) เพื่อเพิ่มทุนเรือนหุ้น และให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยติดตามการบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพอย่างใกล้ชิดและจริงจังด้วย
กระทรวงการคลังรายงานว่า ปัจจุบันธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) มีทุนเรือนหุ้นที่ออกและชำระแล้วรวม 4,800 ล้านบาท และ ธพว.ได้รับนโยบายให้ ธพว. ให้ความสำคัญกับการขยายบทบาทด้านความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ ทั้งในด้านการบ่มเพาะ การเป็นพี่เลี้ยงธุรกิจและการสนับสนุนทางการเงิน ธพว. จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุนในปี 2548-2549 อีกจำนวน 2,500 ล้านบาท เพื่อเป็นการรองรับการดำเนินการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ของ ธพว. จากการประชุมเชิงปฏิบัติการยุทธศาสตร์ 5 ปี สร้างสังคมผู้ประกอบการไทย โดยกำหนดเป้าหมายการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นในระยะ 5 ปี
ทั้งนี้ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) มีโครงการสินเชื่อที่สำคัญในระหว่างปี 2548-2549 ซึ่งเป็นการขยายสินเชื่อตามนโยบายของภาครัฐที่มอบหมายธพว. ดำเนินการดังนี้
1. สินเชื่อพัฒนาการเลี้ยงสัตว์ปี เพื่อให้ความช่วยเหลือในระยะยาวแก่ผู้ประกอบการ ที่จะยกระดับให้ได้มาตรฐาน ซึ่งเป็นโครงการภายใต้ความร่วมมือทางการเงินเพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจรากหญ้า
2. สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติภัยสึนามิ ใน 6 จังหวัดภาคใต้ เพื่อให้กิจการที่ได้รับความเสียหายจากธรณีพิบัติกู้ยืมโดยตรง ในวงเงินไม่เกินร้อยละ 80 ของจำนวนเงินที่ ธพว.ได้ให้ผู้ประกอบการกู้ยืม โดย ธพว. จะต้องกำหนดอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินสำหรับผู้กู้ไม่เกินร้อยละ 2 ต่อปี
3. สินเชื่อสนับสนุนธุรกรรมการค้าต่างประเทศ สำหรับผู้ประกอบการต่างประเทศ เพื่อสนับสนุน SMEs ไทยให้ก้าวสู่เวทีการค้าโลก
นอกจากนี้ ธพว. ยังมีแผนการให้สินเชื่อในโครงการต่าง ๆ เพื่อสนองตอบตามนโยบายของรัฐอีก 22 โครงการ เป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 49,600 ล้านบาท โดยมียอดการอนุมัติวงเงินสินเชื่อไปแล้วรวม 5,057 ล้านบาท มีผู้ประกอบการได้รับเงินสินเชื่อรวม 8,810 ราย และในการขยายการให้สินเชื่อรายใหม่ของ ธพว. จำเป็นที่จะรักษาอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงไว้ในระดับที่เหมาะสมและเพียงพอ ทั้งนี้ ธพว. ได้ประมาณการเงินสินเชื่อ ณ สิ้นงวดบัญชี และอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงในปี 2548-2552 ในกรณีที่ไม่ได้มีการเพิ่มทุน จะมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงในปี 2549 ประมาณร้อยละ 9.12 และจะลดต่ำลงอีกในปีต่อไป ตามการขยายสินเชื่อของ ธพว. ที่เพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้ ธพว. เกิดข้อจำกัดในการดำเนินการขยายการให้สินเชื่อตามที่ได้กำหนดไว้ในแผนยุทธศาตร์ฯ จึงจำเป็นต้องมีการเพิ่มทุนเพื่อรองรับการขยายการให้สินเชื่อดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 31 พฤษภาคม 2548--จบ--
กระทรวงการคลังรายงานว่า ปัจจุบันธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) มีทุนเรือนหุ้นที่ออกและชำระแล้วรวม 4,800 ล้านบาท และ ธพว.ได้รับนโยบายให้ ธพว. ให้ความสำคัญกับการขยายบทบาทด้านความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ ทั้งในด้านการบ่มเพาะ การเป็นพี่เลี้ยงธุรกิจและการสนับสนุนทางการเงิน ธพว. จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มทุนในปี 2548-2549 อีกจำนวน 2,500 ล้านบาท เพื่อเป็นการรองรับการดำเนินการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี ของ ธพว. จากการประชุมเชิงปฏิบัติการยุทธศาสตร์ 5 ปี สร้างสังคมผู้ประกอบการไทย โดยกำหนดเป้าหมายการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นในระยะ 5 ปี
ทั้งนี้ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) มีโครงการสินเชื่อที่สำคัญในระหว่างปี 2548-2549 ซึ่งเป็นการขยายสินเชื่อตามนโยบายของภาครัฐที่มอบหมายธพว. ดำเนินการดังนี้
1. สินเชื่อพัฒนาการเลี้ยงสัตว์ปี เพื่อให้ความช่วยเหลือในระยะยาวแก่ผู้ประกอบการ ที่จะยกระดับให้ได้มาตรฐาน ซึ่งเป็นโครงการภายใต้ความร่วมมือทางการเงินเพื่อพัฒนาระบบเศรษฐกิจรากหญ้า
2. สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติภัยสึนามิ ใน 6 จังหวัดภาคใต้ เพื่อให้กิจการที่ได้รับความเสียหายจากธรณีพิบัติกู้ยืมโดยตรง ในวงเงินไม่เกินร้อยละ 80 ของจำนวนเงินที่ ธพว.ได้ให้ผู้ประกอบการกู้ยืม โดย ธพว. จะต้องกำหนดอัตราดอกเบี้ยตั๋วสัญญาใช้เงินสำหรับผู้กู้ไม่เกินร้อยละ 2 ต่อปี
3. สินเชื่อสนับสนุนธุรกรรมการค้าต่างประเทศ สำหรับผู้ประกอบการต่างประเทศ เพื่อสนับสนุน SMEs ไทยให้ก้าวสู่เวทีการค้าโลก
นอกจากนี้ ธพว. ยังมีแผนการให้สินเชื่อในโครงการต่าง ๆ เพื่อสนองตอบตามนโยบายของรัฐอีก 22 โครงการ เป็นวงเงินรวมทั้งสิ้น 49,600 ล้านบาท โดยมียอดการอนุมัติวงเงินสินเชื่อไปแล้วรวม 5,057 ล้านบาท มีผู้ประกอบการได้รับเงินสินเชื่อรวม 8,810 ราย และในการขยายการให้สินเชื่อรายใหม่ของ ธพว. จำเป็นที่จะรักษาอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงไว้ในระดับที่เหมาะสมและเพียงพอ ทั้งนี้ ธพว. ได้ประมาณการเงินสินเชื่อ ณ สิ้นงวดบัญชี และอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงในปี 2548-2552 ในกรณีที่ไม่ได้มีการเพิ่มทุน จะมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงในปี 2549 ประมาณร้อยละ 9.12 และจะลดต่ำลงอีกในปีต่อไป ตามการขยายสินเชื่อของ ธพว. ที่เพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้ ธพว. เกิดข้อจำกัดในการดำเนินการขยายการให้สินเชื่อตามที่ได้กำหนดไว้ในแผนยุทธศาตร์ฯ จึงจำเป็นต้องมีการเพิ่มทุนเพื่อรองรับการขยายการให้สินเชื่อดังกล่าว
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 31 พฤษภาคม 2548--จบ--