คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ระหว่างเดือนตุลาคม 2547 - 18 กุมภาพันธ์ 2548 ดังนี้
1. การกำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ในฤดูการผลิตสินค้าเกษตร ปี 2547/48 ได้อนุมัติให้ดำเนินมาตรการแทรกแซงตลาดเพื่อผลักดันให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มสูงขึ้นตามนโยบายรัฐบาล โดยการรับจำนำผลผลิตสินค้าเกษตรรวม 3 ชนิด ได้แก่
(1) สินค้าข้าว ได้มีมติเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2547 ให้ดำเนินมาตรการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูการผลิต ปี 2547/48 โดยกำหนดเป้าหมายรับจำนำข้าวเปลือกรวม 9.0 ล้านตัน
(2) สินค้าเมล็ดกาแฟ ซึ่งเป็นผลผลิตสินค้าเกษตรสำคัญของแหล่งผลิตในภาคใต้ ได้มีมติเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2547 ให้ดำเนินมาตรการรับจำนำเมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสต้า ฤดูการผลิต ปี 2547/48 ในปริมาณ 45,000 ตัน ระยะเวลารับจำนำ ธันวาคม 2547-มีนาคม 2548 ผลการรับจำนำ ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2548 มีปริมาณรวมทั้งสิ้น 33,848.743 ตัน โดยให้กำหนดราคารับจำนำเมล็ดกาแฟจากเกษตรกร กก.ละ 26-35 บาท (ตามชนิดและคุณภาพ) ขณะที่ราคาตลาดปัจจุบัน กก.ละ 26-30 บาท สูงกว่าช่วงก่อนประกาศมาตรการรับจำนำซึ่งมีราคา กก.ละ 20-22 บาท
(3) สินค้ามันสำปะหลัง ได้มีมติเมื่อวันที่ 13 และ 29 ตุลาคม 2547 ให้ดำเนินมาตรการรับจำนำหัวมันสำปะหลังสด ปี 2547/48 โดยรับจำนำหัวมันสดเชื้อแป้ง 25% จากเกษตรกรรายละไม่เกิน 500 ตัน หรือเป็นวงเงินไม่เกินรายละ 750,000 บาท รวม 10 ล้านตัน เพื่อแปรสภาพเป็นมันเส้นและแป้งมันสำปะหลัง กำหนดราคารับจำนำหัวมันสด กก.ละ 1.50 บาท ระยะเวลารับจำนำ มกราคม — เมษายน 2548 ผลการรับจำนำ ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2548 รวมทั้งสิ้น 121,904.637 ตัน และส่งผลให้ราคาที่เกษตรกรขายได้ปรับตัวสูงขึ้นโดยราคาหัวมันสดเชื้อแป้ง 25% ปรับตัวสูงขึ้นเป็น กก.ละ 1.45 — 1.70 บาท สูงกว่าช่วงก่อนรับจำนำที่ราคา กก.ละ 1.00 — 1.04 บาท
2. การบริหารจัดการลำไยอบแห้ง ปี 2545 ปี 2546 และ ปี 2547 ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ให้เร่งดำเนินการจัดจำหน่ายการส่งออกไปต่างประเทศในรูปแบบวิธีการแลกเปลี่ยนสินค้า (Barter Trade) กับประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ส่วนลำไยที่เน่าเสียให้ทำลายนั้น คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ได้มีมติ (1 กุมภาพันธ์ 2548) ให้กระทรวงพาณิชย์เจรจาจำหน่ายลำไยอบแห้ง ปี 2545 พร้อมกับ ปี 2546 และ ปี 2547 ตามที่มีความตกลงร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยให้ขายเหมาทั้งหมดด้วยวิธีการกำหนดสัดส่วนลำไยคุณภาพดีต่อเน่าเสีย = 80:20 หรือตามสัดส่วนที่เป็นจริง โดยให้ผู้ซื้อคัดแยกและส่งคืนส่วนที่เน่าเสียให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลลำไยอบแห้ง ปี 2545 นำไปทำลายตามมติคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาลำไยอบแห้ง ปี 2545-2547 3 คณะ ดังนี้ 1. คณะอนุกรรมการบริหารจัดการลำไยอบแห้งปี 2545-2547 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน 2. คณะอนุกรรมการตรวจสอบคุณภาพและปริมาณลำไยอบแห้ง ปี 2545 โดยมีประธานคณะกรรมการกลางกลุ่มเกษตรกรแห่งประเทศไทย (นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม) เป็นประธาน 3. คณะอนุกรรมการตรวจสอบลำไยอบแห้งเน่าเสีย ปี 2545 โดยมีผู้แทนสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
3. การตรวจสอบลำไยอบแห้ง ปี 2545-2547 คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ได้มีมติเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2548 มอบหมายให้ประธานคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร และผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม ร่วมตรวจสอบปริมาณลำไยอบแห้งที่มีอยู่จริงทั้งหมด โดยให้ดำเนินการพร้อมกันทุกแห่งนั้น ได้มีการประสานกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดส่งเจ้าหน้าที่ร่วมเป็นคณะสายตรวจ และได้วางแผนปฏิบัติการตรวจสอบ ระหว่างวันที่ 24-28 กุมภาพันธ์ 2548 พร้อมกันทั้ง 7 จังหวัดโดยจังหวัดที่เป็นพื้นที่สำคัญ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย มอบหมายให้คณะสายตรวจ จากส่วนกลาง 25 สาย เป็นผู้ตรวจสอบ ส่วนพื้นที่อื่น ๆ อีก 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพะเยา น่าน ลำปาง และนครสวรรค์ มอบหมายให้ คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด เป็นผู้ตรวจสอบ
อนึ่ง ในการดำเนินการตามโครงการจัดการตลาดลำไย ปี 2547 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้เกิดกรณีทุจริตจนไม่สามารถเรียกคืนลำไยอบแห้งจากคู่สัญญาได้ครบถ้วนตามปริมาณที่ได้ทำสัญญาไว้นั้น ได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งรัดดำเนินการและรายงานความคืบหน้าให้ประธานคณะกรรมการ คชก. และคณะรัฐมนตรีทราบโดยเร่งด่วนแล้ว
4. เรื่องอื่น ๆ
4.1 การแก้ไขปัญหาภาระหนี้กองทุนรวมฯ ได้จัดทำรายงานภาระหนี้สินและค่าใช้จ่ายค้างจ่ายจากการใช้เงินจาก ธ.ก.ส. และสถาบันการเงินอื่นในการแทรกแซงตลาดสินค้าเกษตร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงที่ผ่านมาเป็นวงเงินทั้งสิ้น 22,167.639 ล้านบาท และได้มอบหมายให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณประจำปี ชำระคืนแหล่งเงินกู้ยืมต่อไปแล้ว
4.2 การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอื่น ๆ 2 คณะ ดังนี้
(1) คณะอนุกรรมการพิจารณาราคาและมาตรการแทรกแซงตลาด
(2) คณะอนุกรรมการเร่งรัดติดตามการชำระหนี้กองทุนรวมเพื่อช่วย
เหลือเกษตรกร
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 1 มีนาคม 2548--จบ--
1. การกำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ในฤดูการผลิตสินค้าเกษตร ปี 2547/48 ได้อนุมัติให้ดำเนินมาตรการแทรกแซงตลาดเพื่อผลักดันให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มสูงขึ้นตามนโยบายรัฐบาล โดยการรับจำนำผลผลิตสินค้าเกษตรรวม 3 ชนิด ได้แก่
(1) สินค้าข้าว ได้มีมติเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2547 ให้ดำเนินมาตรการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูการผลิต ปี 2547/48 โดยกำหนดเป้าหมายรับจำนำข้าวเปลือกรวม 9.0 ล้านตัน
(2) สินค้าเมล็ดกาแฟ ซึ่งเป็นผลผลิตสินค้าเกษตรสำคัญของแหล่งผลิตในภาคใต้ ได้มีมติเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2547 ให้ดำเนินมาตรการรับจำนำเมล็ดกาแฟพันธุ์โรบัสต้า ฤดูการผลิต ปี 2547/48 ในปริมาณ 45,000 ตัน ระยะเวลารับจำนำ ธันวาคม 2547-มีนาคม 2548 ผลการรับจำนำ ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2548 มีปริมาณรวมทั้งสิ้น 33,848.743 ตัน โดยให้กำหนดราคารับจำนำเมล็ดกาแฟจากเกษตรกร กก.ละ 26-35 บาท (ตามชนิดและคุณภาพ) ขณะที่ราคาตลาดปัจจุบัน กก.ละ 26-30 บาท สูงกว่าช่วงก่อนประกาศมาตรการรับจำนำซึ่งมีราคา กก.ละ 20-22 บาท
(3) สินค้ามันสำปะหลัง ได้มีมติเมื่อวันที่ 13 และ 29 ตุลาคม 2547 ให้ดำเนินมาตรการรับจำนำหัวมันสำปะหลังสด ปี 2547/48 โดยรับจำนำหัวมันสดเชื้อแป้ง 25% จากเกษตรกรรายละไม่เกิน 500 ตัน หรือเป็นวงเงินไม่เกินรายละ 750,000 บาท รวม 10 ล้านตัน เพื่อแปรสภาพเป็นมันเส้นและแป้งมันสำปะหลัง กำหนดราคารับจำนำหัวมันสด กก.ละ 1.50 บาท ระยะเวลารับจำนำ มกราคม — เมษายน 2548 ผลการรับจำนำ ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2548 รวมทั้งสิ้น 121,904.637 ตัน และส่งผลให้ราคาที่เกษตรกรขายได้ปรับตัวสูงขึ้นโดยราคาหัวมันสดเชื้อแป้ง 25% ปรับตัวสูงขึ้นเป็น กก.ละ 1.45 — 1.70 บาท สูงกว่าช่วงก่อนรับจำนำที่ราคา กก.ละ 1.00 — 1.04 บาท
2. การบริหารจัดการลำไยอบแห้ง ปี 2545 ปี 2546 และ ปี 2547 ตามมติคณะรัฐมนตรีที่ให้เร่งดำเนินการจัดจำหน่ายการส่งออกไปต่างประเทศในรูปแบบวิธีการแลกเปลี่ยนสินค้า (Barter Trade) กับประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ส่วนลำไยที่เน่าเสียให้ทำลายนั้น คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ได้มีมติ (1 กุมภาพันธ์ 2548) ให้กระทรวงพาณิชย์เจรจาจำหน่ายลำไยอบแห้ง ปี 2545 พร้อมกับ ปี 2546 และ ปี 2547 ตามที่มีความตกลงร่วมกันระหว่างรัฐบาลไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยให้ขายเหมาทั้งหมดด้วยวิธีการกำหนดสัดส่วนลำไยคุณภาพดีต่อเน่าเสีย = 80:20 หรือตามสัดส่วนที่เป็นจริง โดยให้ผู้ซื้อคัดแยกและส่งคืนส่วนที่เน่าเสียให้หน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลลำไยอบแห้ง ปี 2545 นำไปทำลายตามมติคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้ ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาลำไยอบแห้ง ปี 2545-2547 3 คณะ ดังนี้ 1. คณะอนุกรรมการบริหารจัดการลำไยอบแห้งปี 2545-2547 โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน 2. คณะอนุกรรมการตรวจสอบคุณภาพและปริมาณลำไยอบแห้ง ปี 2545 โดยมีประธานคณะกรรมการกลางกลุ่มเกษตรกรแห่งประเทศไทย (นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม) เป็นประธาน 3. คณะอนุกรรมการตรวจสอบลำไยอบแห้งเน่าเสีย ปี 2545 โดยมีผู้แทนสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
3. การตรวจสอบลำไยอบแห้ง ปี 2545-2547 คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ได้มีมติเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2548 มอบหมายให้ประธานคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร และผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม ร่วมตรวจสอบปริมาณลำไยอบแห้งที่มีอยู่จริงทั้งหมด โดยให้ดำเนินการพร้อมกันทุกแห่งนั้น ได้มีการประสานกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดส่งเจ้าหน้าที่ร่วมเป็นคณะสายตรวจ และได้วางแผนปฏิบัติการตรวจสอบ ระหว่างวันที่ 24-28 กุมภาพันธ์ 2548 พร้อมกันทั้ง 7 จังหวัดโดยจังหวัดที่เป็นพื้นที่สำคัญ 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน และเชียงราย มอบหมายให้คณะสายตรวจ จากส่วนกลาง 25 สาย เป็นผู้ตรวจสอบ ส่วนพื้นที่อื่น ๆ อีก 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพะเยา น่าน ลำปาง และนครสวรรค์ มอบหมายให้ คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด เป็นผู้ตรวจสอบ
อนึ่ง ในการดำเนินการตามโครงการจัดการตลาดลำไย ปี 2547 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้เกิดกรณีทุจริตจนไม่สามารถเรียกคืนลำไยอบแห้งจากคู่สัญญาได้ครบถ้วนตามปริมาณที่ได้ทำสัญญาไว้นั้น ได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งรัดดำเนินการและรายงานความคืบหน้าให้ประธานคณะกรรมการ คชก. และคณะรัฐมนตรีทราบโดยเร่งด่วนแล้ว
4. เรื่องอื่น ๆ
4.1 การแก้ไขปัญหาภาระหนี้กองทุนรวมฯ ได้จัดทำรายงานภาระหนี้สินและค่าใช้จ่ายค้างจ่ายจากการใช้เงินจาก ธ.ก.ส. และสถาบันการเงินอื่นในการแทรกแซงตลาดสินค้าเกษตร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในช่วงที่ผ่านมาเป็นวงเงินทั้งสิ้น 22,167.639 ล้านบาท และได้มอบหมายให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณประจำปี ชำระคืนแหล่งเงินกู้ยืมต่อไปแล้ว
4.2 การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอื่น ๆ 2 คณะ ดังนี้
(1) คณะอนุกรรมการพิจารณาราคาและมาตรการแทรกแซงตลาด
(2) คณะอนุกรรมการเร่งรัดติดตามการชำระหนี้กองทุนรวมเพื่อช่วย
เหลือเกษตรกร
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 1 มีนาคม 2548--จบ--