คณะรัฐมนตรีพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ แล้วมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
2. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้สัตยาบันเพื่อเข้าเป็นภาคีกฎบัตรอาเซียน เมื่อร่างพระราชบัญญัติตามข้อ 1 ได้ประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า
1. ตามที่หัวหน้ารัฐบาลประเทศสมาชิกอาเซียนได้ลงนามในกฎบัตรอาเซียน เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2550 ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 13 ที่สิงคโปร์ และในโอกาสเดียวกันได้รับรองปฏิญญาสิงคโปร์ว่าด้วยกฎบัตรอาเซียน ซึ่งแสดงถึงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกที่จะให้สัตยาบันกฎบัตรอาเซียนเพื่อให้กฎบัตรมีผลใช้บังคับโดยเร็ว ในส่วนของประเทศไทย โดยที่มีความจำเป็นต้องมีกฎหมายอนุวัติการกฎบัตรอาเซียนก่อนที่จะสามารถดำเนินการให้สัตยาบันกฎบัตรฯ ได้ กระทรวงการต่างประเทศจึงได้ยกร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พ.ศ. .... เพื่ออนุวัติการกฎบัตรอาเซียน โดยในการยกร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวได้มีการจัดประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานอัยการสูงสุด
2. การดำเนินการตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ภายหลังการลงนาม กฎบัตรอาเซียนเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2550 นั้น ได้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 190 วรรคสี่ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงรายละเอียดของกฎบัตรอาเซียน โดยได้นำข้อสนเทศเกี่ยวกับกฎบัตรอาเซียน พร้อมคำแปลภาษาไทยเผยแพร่ในเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย (รวมถึงองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น) สำนักงานอัยการสูงสุด กรมประชาสัมพันธ์ และมหาวิทยาลัย ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวม 22 สถาบัน รวมทั้งได้มีการจัดประชุมและสัมมนา เพื่อรับฟังความคิดเห็น จากประชาชนในหลายโอกาสด้วยแล้ว ซึ่งกฎบัตรฯ เป็นสนธิสัญญาที่กำหนดกรอบการดำเนินการกว้าง ๆ ของอาเซียน โดยยังไม่มีรายละเอียด ซึ่งรัฐสมาชิกจะต้องเจรจาตกลงกันต่อไป สำหรับในส่วนของการดำเนินการแก้ไขหรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามหนังสือสัญญานั้น ในภายหน้าเมื่อมีการเจรจาความตกลงในรายละเอียด จึงสามารถพิจารณาเรื่องผลกระทบและการแก้ไขหรือเยียวยาสำหรับความตกลงนั้น ๆ ต่อไป
3. การให้สัตยาบันกฎบัตรอาเซียน
3.1 กฎบัตรอาเซียนจะยังไม่มีผลใช้บังคับจนกว่าทุกประเทศสมาชิกได้ให้สัตยาบันกฎบัตร ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะให้สัตยาบันกฎบัตรโดยเร็ว เนื่องจากเห็นว่า กฎบัตรอาเซียนจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางกรอบทางกฎหมายและโครงสร้างองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของอาเซียนในการดำเนินการตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับเคลื่อนการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนภายในปี พ.ศ. 2558 ดังนั้น ประเทศสมาชิกจึงมีหน้าที่ต้องเร่งดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายภายในของแต่ละประเทศเพื่อดำเนินการให้สัตยาบันกฎบัตรอาเซียนได้ภายในโอกาสแรก ซึ่งในขณะนี้ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ได้ให้สัตยาบันกฎบัตรฯ เรียบร้อยแล้ว ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไนฯ และลาว
3.2 ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญและมีบทบาทนำในอาเซียนมาโดยตลอด ดังนั้น การดำเนินการให้สัตยาบันเป็นประเทศแรก ๆ จึงเป็นโอกาสของประเทศไทยในการแสดงบทบาทนำทางการต่างประเทศในเวทีอาเซียนอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคำนึงถึงบทบาทของไทยในฐานะที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานอาเซียนในกลางปี พ.ศ. 2551 ประกอบกับเลขาธิการอาเซียน (ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ) ก็ได้ให้ความสำคัญต่อการให้สัตยาบันกฎบัตรอาเซียน พร้อมทั้งแสดงเจตนารมณ์ที่จะผลักดันให้ประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศให้สัตยาบันกฎบัตรฯ ก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 ที่กำหนดจะขึ้นในประเทศในเดือนธันวาคม 2551 ด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 25 มีนาคม 2551--จบ--
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
2. อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้สัตยาบันเพื่อเข้าเป็นภาคีกฎบัตรอาเซียน เมื่อร่างพระราชบัญญัติตามข้อ 1 ได้ประกาศใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า
1. ตามที่หัวหน้ารัฐบาลประเทศสมาชิกอาเซียนได้ลงนามในกฎบัตรอาเซียน เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2550 ระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 13 ที่สิงคโปร์ และในโอกาสเดียวกันได้รับรองปฏิญญาสิงคโปร์ว่าด้วยกฎบัตรอาเซียน ซึ่งแสดงถึงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกที่จะให้สัตยาบันกฎบัตรอาเซียนเพื่อให้กฎบัตรมีผลใช้บังคับโดยเร็ว ในส่วนของประเทศไทย โดยที่มีความจำเป็นต้องมีกฎหมายอนุวัติการกฎบัตรอาเซียนก่อนที่จะสามารถดำเนินการให้สัตยาบันกฎบัตรฯ ได้ กระทรวงการต่างประเทศจึงได้ยกร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พ.ศ. .... เพื่ออนุวัติการกฎบัตรอาเซียน โดยในการยกร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวได้มีการจัดประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานอัยการสูงสุด
2. การดำเนินการตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ภายหลังการลงนาม กฎบัตรอาเซียนเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2550 นั้น ได้ดำเนินการตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 190 วรรคสี่ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงรายละเอียดของกฎบัตรอาเซียน โดยได้นำข้อสนเทศเกี่ยวกับกฎบัตรอาเซียน พร้อมคำแปลภาษาไทยเผยแพร่ในเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย (รวมถึงองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น) สำนักงานอัยการสูงสุด กรมประชาสัมพันธ์ และมหาวิทยาลัย ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวม 22 สถาบัน รวมทั้งได้มีการจัดประชุมและสัมมนา เพื่อรับฟังความคิดเห็น จากประชาชนในหลายโอกาสด้วยแล้ว ซึ่งกฎบัตรฯ เป็นสนธิสัญญาที่กำหนดกรอบการดำเนินการกว้าง ๆ ของอาเซียน โดยยังไม่มีรายละเอียด ซึ่งรัฐสมาชิกจะต้องเจรจาตกลงกันต่อไป สำหรับในส่วนของการดำเนินการแก้ไขหรือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติตามหนังสือสัญญานั้น ในภายหน้าเมื่อมีการเจรจาความตกลงในรายละเอียด จึงสามารถพิจารณาเรื่องผลกระทบและการแก้ไขหรือเยียวยาสำหรับความตกลงนั้น ๆ ต่อไป
3. การให้สัตยาบันกฎบัตรอาเซียน
3.1 กฎบัตรอาเซียนจะยังไม่มีผลใช้บังคับจนกว่าทุกประเทศสมาชิกได้ให้สัตยาบันกฎบัตร ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศได้แสดงความมุ่งมั่นที่จะให้สัตยาบันกฎบัตรโดยเร็ว เนื่องจากเห็นว่า กฎบัตรอาเซียนจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางกรอบทางกฎหมายและโครงสร้างองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของอาเซียนในการดำเนินการตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขับเคลื่อนการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนภายในปี พ.ศ. 2558 ดังนั้น ประเทศสมาชิกจึงมีหน้าที่ต้องเร่งดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายภายในของแต่ละประเทศเพื่อดำเนินการให้สัตยาบันกฎบัตรอาเซียนได้ภายในโอกาสแรก ซึ่งในขณะนี้ประเทศสมาชิกอาเซียนที่ได้ให้สัตยาบันกฎบัตรฯ เรียบร้อยแล้ว ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไนฯ และลาว
3.2 ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญและมีบทบาทนำในอาเซียนมาโดยตลอด ดังนั้น การดำเนินการให้สัตยาบันเป็นประเทศแรก ๆ จึงเป็นโอกาสของประเทศไทยในการแสดงบทบาทนำทางการต่างประเทศในเวทีอาเซียนอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคำนึงถึงบทบาทของไทยในฐานะที่จะเข้ารับตำแหน่งประธานอาเซียนในกลางปี พ.ศ. 2551 ประกอบกับเลขาธิการอาเซียน (ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ) ก็ได้ให้ความสำคัญต่อการให้สัตยาบันกฎบัตรอาเซียน พร้อมทั้งแสดงเจตนารมณ์ที่จะผลักดันให้ประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศให้สัตยาบันกฎบัตรฯ ก่อนการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 ที่กำหนดจะขึ้นในประเทศในเดือนธันวาคม 2551 ด้วย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 25 มีนาคม 2551--จบ--