คณะรัฐมนตรีพิจารณาการเปลี่ยนสถานะของมูลนิธิศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (ADPC)เป็นองค์การระหว่างประเทศตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ แล้วมีมติดังนี้
1 เห็นชอบร่างกฎบัตรของศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (Charter of the Asian Disaster Preparedness Center) เพื่อเปลี่ยนสถานะเป็นองค์การระหว่างประเทศ
2. อนุมัติการลงนามร่างกฎบัตรฯ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลไทยเข้าเป็นสมาชิกก่อตั้งศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (Asian Disaster Preparedness Center-ADPC)
ทั้งนี้ กฎบัตรฯ ที่ลงนามแล้วจะยังไม่มีผลใช้บังคับจนกว่ารัฐบาลไทยจะให้สัตยาบันตามมาตรา 15 ของกฎบัตรฯ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะเสนอกฎบัตรฯ ที่ลงนามแล้วพร้อมร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของ ADPC และร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับ ADPC จัดตั้งสำนักงาน ADPC ในประเทศไทยเพื่อให้สามารถปฏิบัติภารกิจได้ภายใต้ขอบเขตอำนาจหน้าที่ตามที่ปรากฏในกฎบัตรฯ เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเสนอกฎบัตรฯ ที่ได้ลงนามแล้ว และร่างพระราชบัญญัติฯ ให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบการเข้าเป็นภาคีกฎบัตรฯ โดยการให้สัตยาบันตามมาตรา 224 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 และให้ความเห็นชอบการลงนามความตกลงฯ เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบกฎบัตรฯ และผ่านร่างพระราชบัญญัติฯ เป็นกฎหมายแล้ว
กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่าได้รับแจ้งจากศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (Asian Disaster Preparedness Center-ADPC) ว่าประสงค์จะขอเปลี่ยนสถานะของศูนย์ฯ จากศูนย์ระดับภูมิภาคด้านการบรรเทาภัยพิบัติเพื่อชุมชน เป็นองค์การระหว่างประเทศ เนื่องจากการที่ ADPC มิได้มีสถานะเป็นองค์การระหว่างประเทศทำให้มีข้อจำกัดในการขอรับการสนับสนุนเงินทุนจากแหล่งต่างๆ ทำให้เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งขอให้ประเทศไทยพิจารณาลงนามร่างกฎบัตรฯ เพื่อร่วมเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง ADPC ซึ่งปัจจุบันมีประเทศที่แสดงความประสงค์จะร่วมเป็นประเทศผู้ก่อตั้งแล้ว 7 ประเทศ คือ กัมพูชา สาธารณรัฐประชาชนจีน ปากีสถาน บังคลาเทศ เนปาล ศรีลังกา และฟิลิปปินส์ ADPC เป็นองค์การระดับภูมิภาคที่เป็นอิสระและไม่แสวงผลกำไร มีสถานะเป็นองค์การระหว่างประเทศมีการจัดการ การจัดสรรเจ้าหน้าที่ และการดำเนินการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งเน้นด้านวิทยาศาสตร์ การศึกษา การพัฒนา และมนุษยธรรม โดยมีวัตถุประสงค์คือการลดผลกระทบจากภัยพิบัติที่มีต่อชุมชน และประเทศในเอเชียและแปซิฟิก โดยจะดำเนินการตามวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อสังคม โดยคำนึงถึงทัศนะ ซึ่งมีความแตกต่างทางวัฒนธรรม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 25 มกราคม 2548--จบ--
1 เห็นชอบร่างกฎบัตรของศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (Charter of the Asian Disaster Preparedness Center) เพื่อเปลี่ยนสถานะเป็นองค์การระหว่างประเทศ
2. อนุมัติการลงนามร่างกฎบัตรฯ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลไทยเข้าเป็นสมาชิกก่อตั้งศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (Asian Disaster Preparedness Center-ADPC)
ทั้งนี้ กฎบัตรฯ ที่ลงนามแล้วจะยังไม่มีผลใช้บังคับจนกว่ารัฐบาลไทยจะให้สัตยาบันตามมาตรา 15 ของกฎบัตรฯ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะเสนอกฎบัตรฯ ที่ลงนามแล้วพร้อมร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของ ADPC และร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับ ADPC จัดตั้งสำนักงาน ADPC ในประเทศไทยเพื่อให้สามารถปฏิบัติภารกิจได้ภายใต้ขอบเขตอำนาจหน้าที่ตามที่ปรากฏในกฎบัตรฯ เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเสนอกฎบัตรฯ ที่ได้ลงนามแล้ว และร่างพระราชบัญญัติฯ ให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบการเข้าเป็นภาคีกฎบัตรฯ โดยการให้สัตยาบันตามมาตรา 224 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 และให้ความเห็นชอบการลงนามความตกลงฯ เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบกฎบัตรฯ และผ่านร่างพระราชบัญญัติฯ เป็นกฎหมายแล้ว
กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่าได้รับแจ้งจากศูนย์เตรียมความพร้อมป้องกันภัยพิบัติแห่งเอเชีย (Asian Disaster Preparedness Center-ADPC) ว่าประสงค์จะขอเปลี่ยนสถานะของศูนย์ฯ จากศูนย์ระดับภูมิภาคด้านการบรรเทาภัยพิบัติเพื่อชุมชน เป็นองค์การระหว่างประเทศ เนื่องจากการที่ ADPC มิได้มีสถานะเป็นองค์การระหว่างประเทศทำให้มีข้อจำกัดในการขอรับการสนับสนุนเงินทุนจากแหล่งต่างๆ ทำให้เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งขอให้ประเทศไทยพิจารณาลงนามร่างกฎบัตรฯ เพื่อร่วมเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง ADPC ซึ่งปัจจุบันมีประเทศที่แสดงความประสงค์จะร่วมเป็นประเทศผู้ก่อตั้งแล้ว 7 ประเทศ คือ กัมพูชา สาธารณรัฐประชาชนจีน ปากีสถาน บังคลาเทศ เนปาล ศรีลังกา และฟิลิปปินส์ ADPC เป็นองค์การระดับภูมิภาคที่เป็นอิสระและไม่แสวงผลกำไร มีสถานะเป็นองค์การระหว่างประเทศมีการจัดการ การจัดสรรเจ้าหน้าที่ และการดำเนินการที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งเน้นด้านวิทยาศาสตร์ การศึกษา การพัฒนา และมนุษยธรรม โดยมีวัตถุประสงค์คือการลดผลกระทบจากภัยพิบัติที่มีต่อชุมชน และประเทศในเอเชียและแปซิฟิก โดยจะดำเนินการตามวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อสังคม โดยคำนึงถึงทัศนะ ซึ่งมีความแตกต่างทางวัฒนธรรม
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 25 มกราคม 2548--จบ--