เรื่อง ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) (ปรับปรุงมาตรการ
ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่า
ร้อยละ 20)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) (ปรับปรุงมาตรการภาษีสรรพสามิตรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่าร้อยละ 20) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอและให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้ ร่างประกาศดังกล่าว มีสาระสำคัญ เป็นการปรับปรุงมาตรการภาษีสรรพสามิตรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสม ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 โดยกำหนดให้จัดเก็บภาษีรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่า ร้อยละ 20 ได้ โดยเชื้อเพลิงดังกล่าวต้องมีจำหน่ายเป็นการทั่วไปในสถานีบริการน้ำมัน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนดในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 20 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 เป็นต้นไป
กระทรวงการคลังชี้แจงว่า
1. ตามโครงสร้างภาษีรถยนต์ในปัจจุบันมีการจัดเก็บภาษีรถยนต์ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราและยกเว้นภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 27) ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราและยกเว้นภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 72) ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2547 ดังนี้
1.1 รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไปที่มิใช่เชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ที่มีความจุของกระบอกสูบเกิน 2,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร แต่ไม่เกิน 3,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร และมีกำลังเครื่องยนต์ไม่เกิน 220 แรงม้า (HP) จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า ร้อยละ 40
1.2 รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุของกระบอกสูบ ไม่เกิน 3,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร ที่สามารถใช้เชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ได้ หรือสามารถใช้เชื้อเพลิงประเภทก๊าซธรรมชาติได้ จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 20 เพื่อสนับสนุนให้ผู้ผลิตรถยนต์พัฒนาเครื่องยนต์แบบประหยัดพลังงาน
2. ขณะนี้ มีผู้ขอนำเข้ารถยนต์นั่งประเภทใช้เชื้อเพลิงทดแทนที่สามารถใช้เชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 โดยเสียภาษีสรรพสามิต ในอัตราประเภทใช้เชื้อเพลิงทดแทน คืออัตราตามมูลค่าร้อยละ 20 ซึ่งทำให้รายได้ภาษีสรรพสามิตขาดหายไปประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปี (คันละประมาณ 400,000 บาท)
3. กระทรวงพลังงาน มีแผนที่จะเริ่มการทดลองผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงประเภทเอทานอล เป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 เป็นการทั่วไป ในสถานีบริการน้ำมันในประเทศไทยประมาณวันที่ 1 มกราคม 2552 ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีการผลิตในเชิงพาณิชย์เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาผลกระทบต่อเครื่องยนต์
4. การที่ยังไม่มีเชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 จำหน่ายเป็นการทั่วไปในสถานีบริการน้ำมันในประเทศไทย ทำให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้ารถยนต์ประเภทใช้เชื้อเพลิงทดแทนหันกลับไปใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่ใช้เอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่า ร้อยละ 20 ซึ่งไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของโครงสร้างภาษีรถยนต์ที่มุ่งประสงค์ให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยมีการพัฒนาเครื่องยนต์ที่มุ่งไปสู่การประหยัดพลังงาน
5. เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว สมควรจัดเก็บภาษีรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ได้ ในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 20 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 เป็นต้นไป โดยเชื้อเพลิงดังกล่าว มีจำหน่ายเป็นการทั่วไปในสถานีบริการน้ำมันตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 6 กันยายน 2548--จบ--
ภาษีสรรพสามิตรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่า
ร้อยละ 20)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) (ปรับปรุงมาตรการภาษีสรรพสามิตรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่าร้อยละ 20) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอและให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
ทั้งนี้ ร่างประกาศดังกล่าว มีสาระสำคัญ เป็นการปรับปรุงมาตรการภาษีสรรพสามิตรถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสม ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 โดยกำหนดให้จัดเก็บภาษีรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่า ร้อยละ 20 ได้ โดยเชื้อเพลิงดังกล่าวต้องมีจำหน่ายเป็นการทั่วไปในสถานีบริการน้ำมัน ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนดในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 20 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 เป็นต้นไป
กระทรวงการคลังชี้แจงว่า
1. ตามโครงสร้างภาษีรถยนต์ในปัจจุบันมีการจัดเก็บภาษีรถยนต์ตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราและยกเว้นภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 27) ลงวันที่ 30 ธันวาคม 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราและยกเว้นภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ 72) ลงวันที่ 27 กรกฎาคม 2547 ดังนี้
1.1 รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงทั่วไปที่มิใช่เชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ที่มีความจุของกระบอกสูบเกิน 2,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร แต่ไม่เกิน 3,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร และมีกำลังเครื่องยนต์ไม่เกิน 220 แรงม้า (HP) จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่า ร้อยละ 40
1.2 รถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่มีความจุของกระบอกสูบ ไม่เกิน 3,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร ที่สามารถใช้เชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ได้ หรือสามารถใช้เชื้อเพลิงประเภทก๊าซธรรมชาติได้ จัดเก็บภาษีในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 20 เพื่อสนับสนุนให้ผู้ผลิตรถยนต์พัฒนาเครื่องยนต์แบบประหยัดพลังงาน
2. ขณะนี้ มีผู้ขอนำเข้ารถยนต์นั่งประเภทใช้เชื้อเพลิงทดแทนที่สามารถใช้เชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 โดยเสียภาษีสรรพสามิต ในอัตราประเภทใช้เชื้อเพลิงทดแทน คืออัตราตามมูลค่าร้อยละ 20 ซึ่งทำให้รายได้ภาษีสรรพสามิตขาดหายไปประมาณ 20,000 ล้านบาทต่อปี (คันละประมาณ 400,000 บาท)
3. กระทรวงพลังงาน มีแผนที่จะเริ่มการทดลองผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงประเภทเอทานอล เป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 เป็นการทั่วไป ในสถานีบริการน้ำมันในประเทศไทยประมาณวันที่ 1 มกราคม 2552 ซึ่งในปัจจุบันยังไม่มีการผลิตในเชิงพาณิชย์เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาผลกระทบต่อเครื่องยนต์
4. การที่ยังไม่มีเชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 จำหน่ายเป็นการทั่วไปในสถานีบริการน้ำมันในประเทศไทย ทำให้ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้ารถยนต์ประเภทใช้เชื้อเพลิงทดแทนหันกลับไปใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่ใช้เอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่า ร้อยละ 20 ซึ่งไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของโครงสร้างภาษีรถยนต์ที่มุ่งประสงค์ให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยมีการพัฒนาเครื่องยนต์ที่มุ่งไปสู่การประหยัดพลังงาน
5. เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว สมควรจัดเก็บภาษีรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ที่ใช้เชื้อเพลิงประเภทเอทานอลเป็นส่วนผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ได้ ในอัตราตามมูลค่าร้อยละ 20 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 เป็นต้นไป โดยเชื้อเพลิงดังกล่าว มีจำหน่ายเป็นการทั่วไปในสถานีบริการน้ำมันตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่อธิบดีกรมสรรพสามิตประกาศกำหนด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 6 กันยายน 2548--จบ--