คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้รายงานการตรวจ ราชการ ณ ท่าอากาศยานกรุงเทพ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการแก้ไขปัญหาความล่าช้าของผู้โดยสารขาเข้า ณ ท่าอากาศยานกรุงเทพในการผ่านขั้นตอนพิธีการตรวจลงตรา ตามบันทึกลงวันที่ 7 มกราคม 2548 และมีบัญชาให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและตำรวจท่องเที่ยวหารือร่วมกับผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตามบัญชาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งสรุปได้ดังนี้
1. การเรียกข้าราชการตำรวจสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว กลับจากการช่วยราชการตามบัญชาของนายกรัฐมนตรี จากการหารือผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง และผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ทั้งสองหน่วยงานแจ้งว่าได้เรียกข้าราชการตำรวจในสังกัดกลับจากการช่วยราชการหมดแล้ว โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้เรียกข้าราชการตำรวจในสังกัดกลับจากช่วยราชการหมดแล้ว โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้เรียกข้าราชการกลับจากการช่วยราชการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 เป็นต้นมา
2. สำหรับการจัดจ้างล่ามภาษาต่างประเทศ จำนวน 24 คนนั้นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะจัดสรรงบประมาณจำนวน 5,745,000 บาท (ห้าล้านเจ็ดแสนสี่หมื่นห้าพันบาท) จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2548 เพื่อใช้ในการจัดจ้างล่ามภาษาต่างประเทศ โดยขอลดงบประมาณที่ขอเบิกจ่ายจากงบกลางรายการเงินสดสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จากจำนวน 37,176,800 บาท (สามสิบเจ็ดล้านหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นหกพันแปดร้อยบาทถ้วน) เหลือ 31,431,800 บาท (สามสิบเอ็ดล้านสี่แสนสามหมื่นหนึ่งพันแปดร้อยบาทถ้วน)
3. การจ้างลูกจ้างชั่วคราวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ให้คำแนะนำแก่ผู้โดยสาร (Tourist Officer) นั้น สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองขอยืนยันจำนวน 250 คนเป็นระยะเวลา 1 ปีตามที่นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการ
4. การปรับปรุงวิธีการจัดซ่อมระบบคอมพิวเตอร์ และจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ทดแทนบางส่วนที่ชำรุด ของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ท่ากาศยานกรุงเทพ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองยืนยันว่าจะสามารถรองรับระบบ Advance Passenger Information (API) ระบบ Advance Passenger Processing (APP) และระบบ Personnel Identification Secure Comparison and Evaluation System (PISCES) และสามารถนำไปใช้กับสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิได้ โดยไม่สิ้นเปลืองงบประมาณแต่อย่างใด
5. กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว จะรีบดำเนินการเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อเพิ่มอัตราตรวจท่องเที่ยวอีก 15 อัตราตามที่นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 5 เมษายน 2548--จบ--
1. การเรียกข้าราชการตำรวจสังกัดสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว กลับจากการช่วยราชการตามบัญชาของนายกรัฐมนตรี จากการหารือผู้บัญชาการตรวจคนเข้าเมือง และผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว ทั้งสองหน่วยงานแจ้งว่าได้เรียกข้าราชการตำรวจในสังกัดกลับจากการช่วยราชการหมดแล้ว โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้เรียกข้าราชการตำรวจในสังกัดกลับจากช่วยราชการหมดแล้ว โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้เรียกข้าราชการกลับจากการช่วยราชการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2547 เป็นต้นมา
2. สำหรับการจัดจ้างล่ามภาษาต่างประเทศ จำนวน 24 คนนั้นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจะจัดสรรงบประมาณจำนวน 5,745,000 บาท (ห้าล้านเจ็ดแสนสี่หมื่นห้าพันบาท) จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2548 เพื่อใช้ในการจัดจ้างล่ามภาษาต่างประเทศ โดยขอลดงบประมาณที่ขอเบิกจ่ายจากงบกลางรายการเงินสดสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จากจำนวน 37,176,800 บาท (สามสิบเจ็ดล้านหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นหกพันแปดร้อยบาทถ้วน) เหลือ 31,431,800 บาท (สามสิบเอ็ดล้านสี่แสนสามหมื่นหนึ่งพันแปดร้อยบาทถ้วน)
3. การจ้างลูกจ้างชั่วคราวเพื่อปฏิบัติหน้าที่ให้คำแนะนำแก่ผู้โดยสาร (Tourist Officer) นั้น สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองขอยืนยันจำนวน 250 คนเป็นระยะเวลา 1 ปีตามที่นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการ
4. การปรับปรุงวิธีการจัดซ่อมระบบคอมพิวเตอร์ และจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ทดแทนบางส่วนที่ชำรุด ของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ท่ากาศยานกรุงเทพ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองยืนยันว่าจะสามารถรองรับระบบ Advance Passenger Information (API) ระบบ Advance Passenger Processing (APP) และระบบ Personnel Identification Secure Comparison and Evaluation System (PISCES) และสามารถนำไปใช้กับสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิได้ โดยไม่สิ้นเปลืองงบประมาณแต่อย่างใด
5. กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว จะรีบดำเนินการเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อเพิ่มอัตราตรวจท่องเที่ยวอีก 15 อัตราตามที่นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 5 เมษายน 2548--จบ--