คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 3 เดือนแรกปี 2551 (มกราคม — มีนาคม) สรุปสาระสำคัญดังนี้
1. การส่งออก
การส่งออกเดือนมีนาคม 2551 มีมูลค่า 14,764.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.4 การส่งออกยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง และเมื่อคิดในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 477,338.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในทุกหมวด โดยเฉพาะสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 32.0 ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญและสินค้าอื่น ๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.8 และ 10.2 ตามลำดับ
การส่งออกในระยะ 3 เดือนแรกของปี 2551 มีมูลค่า 41,715.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในอัตราสูงร้อยละ 20.8 และเมื่อคิดในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 1,371,844.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 ส่งออกเพิ่มขึ้นในอัตราสูงในทุกหมวด โดยเฉพาะสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 31.4 สินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าอื่น ๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 และ 24.0 ตามลำดับ
2. การนำเข้า
การนำเข้าเดือนมีนาคม 2550 มีมูลค่า 14,604.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.68 โดยกลุ่มสินค้าที่นำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ สินค้าเชื้อเพลิง ร้อยละ 64.7 สินค้าทุน ร้อยละ 24.5 สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ร้อยละ 30.1 สินค้าอุปโภคบริโภค ร้อยละ 29.6 และ สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่งร้อยละ 34.1 ส่วนสินค้าอาวุธ ยุทธปัจจัยและสินค้าอื่น ๆ นำเข้าลดลงร้อยละ 94.3
การนำเข้าในระยะ 3 เดือนแรกของปี 2551 มีมูลค่า 42,898.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปี 2550 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.0 โดยมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นในกลุ่มสินค้าเชื้อเพลิง ร้อยละ 67.9 สินค้าทุน ร้อยละ 37.6 สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ร้อยละ 29.7 สินค้าอุปโภคบริโภค ร้อยละ 37.7 และ สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ร้อยละ 38.1 ส่วนสินค้าอาวุธ ยุทธปัจจัยและสินค้าอื่น ๆนำเข้าลดลง ร้อยละ 94.1
3. ดุลการค้า
ดุลการค้าเดือนมีนาคม 2551 ไทยเกินดุลการค้า 159.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ดุลการค้า ในระยะ 3 เดือนแรกปี 2551 ขาดดุลการค้ารวม 1,182.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากที่เกินดุลการค้า 3,457.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในระยะเดียวกันของปี 2550
4. สรุปแนวโน้มการส่งออก การนำเข้า และดุลการค้า
แนวโน้มการส่งออก
กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการส่งออก ได้เร่งทำแผนยุทธศาสตร์ส่งออก เพื่อกระตุ้นการ
ส่งออก โดยได้ทำการศึกษา รวบรวมปัญหา ความต้องการ จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาสธุรกิจ และข้อจำกัดทางธุรกิจ เพื่อนำเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนและแก้ไขปัญหา และนำไปสู่การจัดทำแผนยุทธศาสตร์การส่งออกของไทยในระยะสั้น และระยะยาว โดยแยกแผนยุทธศาสตร์ออกเป็น 5 คลัสเตอร์นำร่อง ประกอบด้วย กลุ่มอาหาร กลุ่มไลฟ์สไตล์ (เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง ฯลฯ) กลุ่มแฟชั่น (สิ่งทอ เครื่องนุ่มห่ม) กลุ่มอุตสาหกรรมหนัก (ยานยนต์ ไอที ฯลฯ) และกลุ่มธุรกิจบริการ รวมทั้งแผนดึงดูดการค้าการลงทุนเข้าไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าแนวโน้มการส่งออกของปี 2551 จะสามารถขยายตัวได้ตาม เป้าหมายที่กำหนดไว้ร้อยละ 12.5
แนวโน้มการนำเข้าและดุลการค้า
จากสถานการณ์การส่งออกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และการแข็งค่าของเงินบาท รวมทั้งการวางแผนเพื่อการผลิต คาดว่าการนำเข้าในกลุ่มทุน เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และสินค้ากลุ่มวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป อุปกรณ์ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการผลิตและการส่งออกโดยตรงจะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการผลิต/การส่งออกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 29 เมษายน 2551--จบ--
1. การส่งออก
การส่งออกเดือนมีนาคม 2551 มีมูลค่า 14,764.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.4 การส่งออกยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง และเมื่อคิดในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 477,338.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.2 ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในทุกหมวด โดยเฉพาะสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 32.0 ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญและสินค้าอื่น ๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.8 และ 10.2 ตามลำดับ
การส่งออกในระยะ 3 เดือนแรกของปี 2551 มีมูลค่า 41,715.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในอัตราสูงร้อยละ 20.8 และเมื่อคิดในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 1,371,844.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.4 ส่งออกเพิ่มขึ้นในอัตราสูงในทุกหมวด โดยเฉพาะสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรที่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 31.4 สินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าอื่น ๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 และ 24.0 ตามลำดับ
2. การนำเข้า
การนำเข้าเดือนมีนาคม 2550 มีมูลค่า 14,604.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.68 โดยกลุ่มสินค้าที่นำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ สินค้าเชื้อเพลิง ร้อยละ 64.7 สินค้าทุน ร้อยละ 24.5 สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ร้อยละ 30.1 สินค้าอุปโภคบริโภค ร้อยละ 29.6 และ สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่งร้อยละ 34.1 ส่วนสินค้าอาวุธ ยุทธปัจจัยและสินค้าอื่น ๆ นำเข้าลดลงร้อยละ 94.3
การนำเข้าในระยะ 3 เดือนแรกของปี 2551 มีมูลค่า 42,898.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปี 2550 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.0 โดยมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นในกลุ่มสินค้าเชื้อเพลิง ร้อยละ 67.9 สินค้าทุน ร้อยละ 37.6 สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ร้อยละ 29.7 สินค้าอุปโภคบริโภค ร้อยละ 37.7 และ สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ร้อยละ 38.1 ส่วนสินค้าอาวุธ ยุทธปัจจัยและสินค้าอื่น ๆนำเข้าลดลง ร้อยละ 94.1
3. ดุลการค้า
ดุลการค้าเดือนมีนาคม 2551 ไทยเกินดุลการค้า 159.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ดุลการค้า ในระยะ 3 เดือนแรกปี 2551 ขาดดุลการค้ารวม 1,182.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากที่เกินดุลการค้า 3,457.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในระยะเดียวกันของปี 2550
4. สรุปแนวโน้มการส่งออก การนำเข้า และดุลการค้า
แนวโน้มการส่งออก
กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการส่งออก ได้เร่งทำแผนยุทธศาสตร์ส่งออก เพื่อกระตุ้นการ
ส่งออก โดยได้ทำการศึกษา รวบรวมปัญหา ความต้องการ จุดอ่อน จุดแข็ง โอกาสธุรกิจ และข้อจำกัดทางธุรกิจ เพื่อนำเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนและแก้ไขปัญหา และนำไปสู่การจัดทำแผนยุทธศาสตร์การส่งออกของไทยในระยะสั้น และระยะยาว โดยแยกแผนยุทธศาสตร์ออกเป็น 5 คลัสเตอร์นำร่อง ประกอบด้วย กลุ่มอาหาร กลุ่มไลฟ์สไตล์ (เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่ง ฯลฯ) กลุ่มแฟชั่น (สิ่งทอ เครื่องนุ่มห่ม) กลุ่มอุตสาหกรรมหนัก (ยานยนต์ ไอที ฯลฯ) และกลุ่มธุรกิจบริการ รวมทั้งแผนดึงดูดการค้าการลงทุนเข้าไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าแนวโน้มการส่งออกของปี 2551 จะสามารถขยายตัวได้ตาม เป้าหมายที่กำหนดไว้ร้อยละ 12.5
แนวโน้มการนำเข้าและดุลการค้า
จากสถานการณ์การส่งออกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และการแข็งค่าของเงินบาท รวมทั้งการวางแผนเพื่อการผลิต คาดว่าการนำเข้าในกลุ่มทุน เช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และสินค้ากลุ่มวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป อุปกรณ์ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการผลิตและการส่งออกโดยตรงจะยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการผลิต/การส่งออกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 29 เมษายน 2551--จบ--