คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสหภาพพม่า เรื่องการทำการเกษตรแบบมีสัญญา ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าวที่มิใช่สาระสำคัญก่อนลงนามให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ดังกล่าว
กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า
1. หลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติมอบหมายกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหน่วยงานประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศเพื่อนบ้านในการเร่งรัดการจัดทำและลงนามในบันทึกความเข้าใจเรื่องโครงการลงทุน Contract Farming กระทรวงการต่างประเทศ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้จัดทำร่างบันทึกความเข้าใจเรื่องการทำการเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) จำนวน 3 ฉบับ ระหว่างราชอาณาจักรไทย-สหภาพพม่า ราชอาณาจักรไทย-ราชอาณาจักรกัมพูชา และราชอาณาจักรไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยการจัดทำบันทึกความเข้าใจฯ จะเป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มขีดความสามารถการผลิตทั้งด้านเกษตร อุตสาหกรรม และบริการในพื้นที่ชายแดนไทยและประเทศเพื่อนบ้านในลักษณะเกื้อกูลกัน ช่วยลดช่องว่างทางเศรษฐกิจสร้างงาน และเพิ่มรายได้แก่ประชาชนของประเทศเพื่อนบ้านอย่างยั่งยืน และช่วยสร้างความมั่นใจให้นักธุรกิจไทยในการลงทุนในโครงการดังกล่าวในประเทศเพื่อนบ้านด้วย
2. นายกรัฐมนตรีพม่ามีกำหนดการเยือนไทยในช่วงปลายเดือนเมษายน 2551 จึงอาจเป็นโอกาสดีที่จะเสนอให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักรไทย-สหภาพพม่า ซึ่งได้รับการเห็นชอบแล้วจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งฝ่ายไทยและพม่า และโดยที่ร่างบันทึกความเข้าใจเรื่องการทำการเกษตรแบบมีสัญญามีข้อบทให้ประเทศไทย ยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับผลิตผลทางการเกษตรตามบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ดังนั้น หากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องสามารถปฏิบัติตามพันธกรณีที่ระบุไว้ในบันทึกความเข้าใจฯ ได้ตามกฎหมาย และระเบียบข้อบังคับที่มีอยู่ บันทึกความเข้าใจเรื่องการทำการเกษตรแบบมีสัญญาก็ไม่เข้าข่ายหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 190 วรรค 2 กระทรวงการต่างประเทศจึงเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามที่เสนอ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 29 เมษายน 2551--จบ--
กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า
1. หลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติมอบหมายกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหน่วยงานประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศเพื่อนบ้านในการเร่งรัดการจัดทำและลงนามในบันทึกความเข้าใจเรื่องโครงการลงทุน Contract Farming กระทรวงการต่างประเทศ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้จัดทำร่างบันทึกความเข้าใจเรื่องการทำการเกษตรแบบมีสัญญา (Contract Farming) จำนวน 3 ฉบับ ระหว่างราชอาณาจักรไทย-สหภาพพม่า ราชอาณาจักรไทย-ราชอาณาจักรกัมพูชา และราชอาณาจักรไทย-สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยการจัดทำบันทึกความเข้าใจฯ จะเป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มขีดความสามารถการผลิตทั้งด้านเกษตร อุตสาหกรรม และบริการในพื้นที่ชายแดนไทยและประเทศเพื่อนบ้านในลักษณะเกื้อกูลกัน ช่วยลดช่องว่างทางเศรษฐกิจสร้างงาน และเพิ่มรายได้แก่ประชาชนของประเทศเพื่อนบ้านอย่างยั่งยืน และช่วยสร้างความมั่นใจให้นักธุรกิจไทยในการลงทุนในโครงการดังกล่าวในประเทศเพื่อนบ้านด้วย
2. นายกรัฐมนตรีพม่ามีกำหนดการเยือนไทยในช่วงปลายเดือนเมษายน 2551 จึงอาจเป็นโอกาสดีที่จะเสนอให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างราชอาณาจักรไทย-สหภาพพม่า ซึ่งได้รับการเห็นชอบแล้วจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งฝ่ายไทยและพม่า และโดยที่ร่างบันทึกความเข้าใจเรื่องการทำการเกษตรแบบมีสัญญามีข้อบทให้ประเทศไทย ยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับผลิตผลทางการเกษตรตามบันทึกความเข้าใจดังกล่าว ดังนั้น หากส่วนราชการที่เกี่ยวข้องสามารถปฏิบัติตามพันธกรณีที่ระบุไว้ในบันทึกความเข้าใจฯ ได้ตามกฎหมาย และระเบียบข้อบังคับที่มีอยู่ บันทึกความเข้าใจเรื่องการทำการเกษตรแบบมีสัญญาก็ไม่เข้าข่ายหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 190 วรรค 2 กระทรวงการต่างประเทศจึงเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามที่เสนอ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 29 เมษายน 2551--จบ--