คณะรัฐมนตรีพิจารณาผลการประชุมร่วมระหว่างกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง การปรับลดค่าธรรมเนียมพิเศษการส่งออกข้าวขาวภายใต้โควตาภาษีไปสหภาพยุโรป (ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2548) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ แล้วมีมติเห็นชอบให้คงการเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการส่งออกข้าวขาวภายใต้โควตาการยกเว้นภาษีนำเข้าของสหภาพยุโรปต่อไป และให้กระทรวงพาณิชย์สามารถปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมสอดคล้องกับภาวะตลาดในแต่ละสถานการณ์
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมหารือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2548
และที่ประชุมมีความเห็นดังนี้
1. การปรับลดค่าธรรมเนียมพิเศษการส่งออกข้าวขาวภายใต้โควตาการยกเว้นภาษีนำเข้าของสหภาพยุโรปจากตันละ 5,000 บาท เป็นตันละ 2,500 บาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2548 ทำให้มีเงินจากค่าธรรมเนียมเข้ากองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ลดลงเหลือปีละ 53.6 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินไม่มากนักและในระยะที่ผ่านมาได้มีการใช้ประโยชน์จากค่าธรรมเนียมพิเศษดังกล่าวอย่างครบวงจรในเรื่องข้าวทั้งทางด้านการผลิต การตลาดและการค้า ซึ่งเอื้อประโยชน์ทั้งโดยตรงและโดยอ้อมแก่เกษตรกร เช่น โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตข้าวหอมมะลิไทยเพื่อการแข่งขันการส่งออก ซึ่งเป็นโครงการผลิตเพื่อการกระจายพันธุ์ข้าวที่ดีแก่ชุมชนให้ใช้ได้อย่างทั่วถึงและโครงการพัฒนาการผลิตข้าวหอมอินทรีย์เพื่อการส่งออก สำหรับในส่วนการค้าได้แก่ โครงการเจรจาขยายตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในตลาดต่างประเทศ และโครงการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าข้าวหอมมะลิไทย เพื่อปกป้องคุ้มครองข้าวดังกล่าวในตลาดต่างประเทศ การดำเนินโครงการดังกล่าวล้วนส่งผลต่อเกษตรกรให้มีเมล็ดข้าวหอมมะลิไทยพันธุ์ดีใช้อย่างทั่วถึง และขายข้าวได้ในราคาที่สูงขึ้น
2. ความเหมาะสมในการยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการส่งออกข้าวภายใต้โควตาภาษีค่าธรรมเนียมพิเศษที่จัดเก็บจากการส่งออกดังกล่าวมีเพียงปีละ 21,455 ตัน ซึ่งเป็นปริมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณข้าวส่งออกทั้งหมดของไทย และหากรัฐบาลไม่เก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าว ผลประโยชน์จากการยกเว้นภาษีนำเข้าของสหภาพยุโรปในโควตาข้าวดังกล่าว จะตกอยู่กับผู้ส่งออกข้าวของไทยและผู้นำเข้าข้าวของสหภาพยุโรปทั้งหมด โดยไม่มีหลักประกันว่าราคาข้าวส่งออกภายใต้โควตาจะสูงขึ้นหรือไม่ และเกษตรกรจะได้รับประโยชน์อย่างไร แต่หากยังคงมีการเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ รัฐสามารถนำค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาสนับสนุนส่งเสริมกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับข้าว และยังเป็นการช่วยลดปัญหาการขายข้าวตัดราคากัน ทำให้ราคาข้าวส่งออกไปสหภาพยุโรปมีเสถียรภาพมากขึ้น อย่างไรก็ดีการเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษฯ อาจทำให้ต้นทุนการส่งออกข้าวไทยไปสหภาพยุโรปสูงขึ้น (เฉพาะข้าวในโควตา) แต่ปริมาณข้าวที่เก็บค่าธรรมเนียมมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงไม่ส่งผลต่อการส่งออกข้าวไทยโดยรวม นอกจากนี้การเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษฯ ดังกล่าว สหภาพยุโรปได้ตกลงที่จะให้ฝ่ายไทยบริหารจัดการ และที่ผ่านมาไม่มีข้อทักท้วงในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากมิได้นำค่าธรรมเนียมไปใช้ในการอุดหนุนการส่งออกจึงไม่ขัดกับกฎหรือระเบียบขององค์การการค้าโลกแต่อย่างใด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 19 เมษายน 2548--จบ--
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมหารือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2548
และที่ประชุมมีความเห็นดังนี้
1. การปรับลดค่าธรรมเนียมพิเศษการส่งออกข้าวขาวภายใต้โควตาการยกเว้นภาษีนำเข้าของสหภาพยุโรปจากตันละ 5,000 บาท เป็นตันละ 2,500 บาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2548 ทำให้มีเงินจากค่าธรรมเนียมเข้ากองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ลดลงเหลือปีละ 53.6 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินไม่มากนักและในระยะที่ผ่านมาได้มีการใช้ประโยชน์จากค่าธรรมเนียมพิเศษดังกล่าวอย่างครบวงจรในเรื่องข้าวทั้งทางด้านการผลิต การตลาดและการค้า ซึ่งเอื้อประโยชน์ทั้งโดยตรงและโดยอ้อมแก่เกษตรกร เช่น โครงการเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตข้าวหอมมะลิไทยเพื่อการแข่งขันการส่งออก ซึ่งเป็นโครงการผลิตเพื่อการกระจายพันธุ์ข้าวที่ดีแก่ชุมชนให้ใช้ได้อย่างทั่วถึงและโครงการพัฒนาการผลิตข้าวหอมอินทรีย์เพื่อการส่งออก สำหรับในส่วนการค้าได้แก่ โครงการเจรจาขยายตลาดและประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในตลาดต่างประเทศ และโครงการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าข้าวหอมมะลิไทย เพื่อปกป้องคุ้มครองข้าวดังกล่าวในตลาดต่างประเทศ การดำเนินโครงการดังกล่าวล้วนส่งผลต่อเกษตรกรให้มีเมล็ดข้าวหอมมะลิไทยพันธุ์ดีใช้อย่างทั่วถึง และขายข้าวได้ในราคาที่สูงขึ้น
2. ความเหมาะสมในการยกเลิกการเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษการส่งออกข้าวภายใต้โควตาภาษีค่าธรรมเนียมพิเศษที่จัดเก็บจากการส่งออกดังกล่าวมีเพียงปีละ 21,455 ตัน ซึ่งเป็นปริมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณข้าวส่งออกทั้งหมดของไทย และหากรัฐบาลไม่เก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าว ผลประโยชน์จากการยกเว้นภาษีนำเข้าของสหภาพยุโรปในโควตาข้าวดังกล่าว จะตกอยู่กับผู้ส่งออกข้าวของไทยและผู้นำเข้าข้าวของสหภาพยุโรปทั้งหมด โดยไม่มีหลักประกันว่าราคาข้าวส่งออกภายใต้โควตาจะสูงขึ้นหรือไม่ และเกษตรกรจะได้รับประโยชน์อย่างไร แต่หากยังคงมีการเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษ รัฐสามารถนำค่าธรรมเนียมดังกล่าวมาสนับสนุนส่งเสริมกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับข้าว และยังเป็นการช่วยลดปัญหาการขายข้าวตัดราคากัน ทำให้ราคาข้าวส่งออกไปสหภาพยุโรปมีเสถียรภาพมากขึ้น อย่างไรก็ดีการเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษฯ อาจทำให้ต้นทุนการส่งออกข้าวไทยไปสหภาพยุโรปสูงขึ้น (เฉพาะข้าวในโควตา) แต่ปริมาณข้าวที่เก็บค่าธรรมเนียมมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น จึงไม่ส่งผลต่อการส่งออกข้าวไทยโดยรวม นอกจากนี้การเก็บค่าธรรมเนียมพิเศษฯ ดังกล่าว สหภาพยุโรปได้ตกลงที่จะให้ฝ่ายไทยบริหารจัดการ และที่ผ่านมาไม่มีข้อทักท้วงในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากมิได้นำค่าธรรมเนียมไปใช้ในการอุดหนุนการส่งออกจึงไม่ขัดกับกฎหรือระเบียบขององค์การการค้าโลกแต่อย่างใด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 19 เมษายน 2548--จบ--