คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงคมนาคมรายงานเรื่องประเทศไทยได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิก คณะมนตรีขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ ในการเลือกตั้ง ณ สำนักงานใหญ่ขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2548 สรุปได้ดังนี้
1. ความเป็นมา
1.1 องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization หรือ IMO) เป็นทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2502 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีในการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกในการกำหนดมาตรฐานและแนวปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทางทะเล รวมทั้งเพื่อเป็นกลไกในการสร้างความร่วมมือทางวิชาการระหว่างประเทศสมาชิก ซึ่งปัจจุบันมีประเทศสมาชิกรวมทั้งสิ้น 166 ประเทศ
1.2 คณะมนตรี (Council) เป็นองค์กรระดับบริหาร มีหน้าที่ตรวจสอบ ดูแล และติดตามงานขององค์การ ฯ ในช่วงระหว่างสมัยการประชุมสมัชชาโดยคณะมนตรีมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 2 ปี ประกอบด้วยประเทศสมาชิกที่ได้รับการเลือกตั้งจากสมัชชาจำนวน 40 ที่นั่ง
1.3 คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2547 อนุมัติให้ประเทศไทยสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีขององค์การฯ ในกลุ่ม C ซึ่งมีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2548 ระหว่างการประชุมสมัชชาสมัยสามัญขององค์การฯ ครั้งที่ 24 ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน — 2 ธันวาคม 2548 โดยสำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณสำหรับการเตรียมการสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นจำนวน 2 ล้านบาท
2. เรื่องเพื่อทราบ
กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการสมัครและหาเสียงสำหรับการสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ มาโดยลำดับตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ประเทศไทยสมัครเข้ารับการเลือกตั้ง โดยได้จัดทำเอกสารสำหรับการหาเสียงและเผยแพร่ให้ประเทศสมาชิกขององค์การฯ รวมทั้งขอความร่วมมือจากกระทรวงการต่างประเทศในการขอเสียงและแลกเสียงกับประเทศอื่น ๆ นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมได้ส่งผู้แทนไปหาเสียงกับผู้แทนประเทศต่างๆ ในการประชุมหลายรายการที่ผ่านมาของ IMO สำหรับการไปเลือกตั้งครั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้หาเสียงโดยการจัดเลี้ยงเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ประเทศในกลุ่มอาเซียน ประเทศในกลุ่มอัฟริกาและหมู่เกาะ และประเทศสมาชิก IMO ทุกประเทศ ซึ่งมีผลการเลือกตั้งดังนี้
กลุ่ม A เป็นประเทศสมาชิกที่มีผลประโยชน์มากที่สุดในการให้บริการด้านการขนส่งสินค้าทางเรือระหว่างประเทศ จำนวน 10 ที่นั่ง มีผู้สมัคร 10 ประเทศ ได้แก่ จีน กรีซ อิตาลี ญี่ปุ่น นอร์เวย์ ปานามา เกาหลีใต้ รัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา จึงได้รับการเลือกตั้งโดยไม่ต้องมีการลงคะแนน
กลุ่ม B เป็นประเทศสมาชิกที่มีผลประโยชน์มากที่สุดในด้านการค้าที่ขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศ จำนวน 10 ที่นั่ง มีผู้สมัคร 10 ประเทศ ได้แก่ อาร์เจนตินา บังกลาเทศ บราซิล แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย เนเธอร์แลนด์ สเปน และสวีเดน จึงได้รับการเลือกตั้งโดยไม่ต้องมีการลงคะแนน
กลุ่ม C เป็นประเทศสมาชิกที่มิได้อยู่ในกลุ่ม A หรือ B ซึ่งมีผลประโยชน์เป็นพิเศษในด้านการขนส่งทางทะเลหรือการเดินเรือและเป็นตัวแทนภูมิภาคต่างๆ ของโลก จำนวน 20 ที่นั่ง มีผู้สมัคร 28 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ประเทศที่ได้รับการเลือกตั้ง ได้แก่ อัลจีเรีย ออสเตรเลีย บาฮามาส เบลเยี่ยม ชิลี ไซปรัส เดนมาร์ก อียิปต์ อินโดนีเซีย เคนยา มาเลเซีย มอลตา เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ โปรตุเกส ซาอุดิอาระเบีย สิงคโปร์ อัฟริกาใต้ ไทย และตุรกี
3. ประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการเป็นสมาชิกคณะมนตรีของ IMO
การได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรี IMO ของประเทศไทยในครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญต่อการพัฒนาระบบการขนส่งทางทะเลของไทยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะมนตรี IMO จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบาย กฎ ระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ รวมถึงการวางแผนกลยุทธ์ต่าง ๆ ตลอดจนควบคุมการดำเนินงานของ องค์กรต่าง ๆ ของ IMO ได้โดยตรงอย่างต่อเนื่อง และสามารถให้การสนับสนุนหรือคัดค้านนโยบายหรือมาตรการของ IMO ที่อาจส่งผลกระทบทางลบต่อการขนส่งสินค้าทางทะเลของไทย นอกจากนี้ จะเอื้ออำนวยประโยชน์ให้แก่ประเทศไทยในการวางแผนการพัฒนาและปรับปรุงกิจกรรมการขนส่งทางน้ำให้ก้าวหน้าทันสมัยและมีความปลอดภัยจนอยู่ในระดับมาตรฐานเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ
4. ภาระหน้าที่ของกระทรวงคมนาคมในฐานะสมาชิกของคณะมนตรี IMO
กระทรวงคมนาคมจะต้องมีบทบาทมากขึ้นในการร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ ของ IMO ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศสมาชิกทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก รวมทั้งพัฒนาการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีของไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานของ IMO และดำเนินการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาต่าง ๆ ของ IMO ให้มากขึ้น ตลอดจนส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมต่าง ๆ ของ IMO อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งปัจจุบันกระทรวงคมนาคมไม่สามารถกระทำได้อย่างครบถ้วน เนื่องจากมีงบประมาณจำกัด อย่างไรก็ดี กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างการเตรียมการนำเสนอแผนงานในการดำเนินงานเชิงรุกเพื่อนำเสนอขอความเห็นชอบจากคณะมนตรีในโอกาสต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 13 ธันวาคม 2548--จบ--
1. ความเป็นมา
1.1 องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization หรือ IMO) เป็นทบวงการชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2502 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีในการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกในการกำหนดมาตรฐานและแนวปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือและการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทางทะเล รวมทั้งเพื่อเป็นกลไกในการสร้างความร่วมมือทางวิชาการระหว่างประเทศสมาชิก ซึ่งปัจจุบันมีประเทศสมาชิกรวมทั้งสิ้น 166 ประเทศ
1.2 คณะมนตรี (Council) เป็นองค์กรระดับบริหาร มีหน้าที่ตรวจสอบ ดูแล และติดตามงานขององค์การ ฯ ในช่วงระหว่างสมัยการประชุมสมัชชาโดยคณะมนตรีมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 2 ปี ประกอบด้วยประเทศสมาชิกที่ได้รับการเลือกตั้งจากสมัชชาจำนวน 40 ที่นั่ง
1.3 คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2547 อนุมัติให้ประเทศไทยสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีขององค์การฯ ในกลุ่ม C ซึ่งมีการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2548 ระหว่างการประชุมสมัชชาสมัยสามัญขององค์การฯ ครั้งที่ 24 ที่จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน — 2 ธันวาคม 2548 โดยสำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณสำหรับการเตรียมการสมัครเข้ารับการเลือกตั้งเป็นจำนวน 2 ล้านบาท
2. เรื่องเพื่อทราบ
กระทรวงคมนาคมได้ดำเนินการสมัครและหาเสียงสำหรับการสมัครรับเลือกตั้งในครั้งนี้ มาโดยลำดับตั้งแต่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ประเทศไทยสมัครเข้ารับการเลือกตั้ง โดยได้จัดทำเอกสารสำหรับการหาเสียงและเผยแพร่ให้ประเทศสมาชิกขององค์การฯ รวมทั้งขอความร่วมมือจากกระทรวงการต่างประเทศในการขอเสียงและแลกเสียงกับประเทศอื่น ๆ นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมได้ส่งผู้แทนไปหาเสียงกับผู้แทนประเทศต่างๆ ในการประชุมหลายรายการที่ผ่านมาของ IMO สำหรับการไปเลือกตั้งครั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้หาเสียงโดยการจัดเลี้ยงเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ประเทศในกลุ่มอาเซียน ประเทศในกลุ่มอัฟริกาและหมู่เกาะ และประเทศสมาชิก IMO ทุกประเทศ ซึ่งมีผลการเลือกตั้งดังนี้
กลุ่ม A เป็นประเทศสมาชิกที่มีผลประโยชน์มากที่สุดในการให้บริการด้านการขนส่งสินค้าทางเรือระหว่างประเทศ จำนวน 10 ที่นั่ง มีผู้สมัคร 10 ประเทศ ได้แก่ จีน กรีซ อิตาลี ญี่ปุ่น นอร์เวย์ ปานามา เกาหลีใต้ รัสเซีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา จึงได้รับการเลือกตั้งโดยไม่ต้องมีการลงคะแนน
กลุ่ม B เป็นประเทศสมาชิกที่มีผลประโยชน์มากที่สุดในด้านการค้าที่ขนส่งทางทะเลระหว่างประเทศ จำนวน 10 ที่นั่ง มีผู้สมัคร 10 ประเทศ ได้แก่ อาร์เจนตินา บังกลาเทศ บราซิล แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย เนเธอร์แลนด์ สเปน และสวีเดน จึงได้รับการเลือกตั้งโดยไม่ต้องมีการลงคะแนน
กลุ่ม C เป็นประเทศสมาชิกที่มิได้อยู่ในกลุ่ม A หรือ B ซึ่งมีผลประโยชน์เป็นพิเศษในด้านการขนส่งทางทะเลหรือการเดินเรือและเป็นตัวแทนภูมิภาคต่างๆ ของโลก จำนวน 20 ที่นั่ง มีผู้สมัคร 28 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ประเทศที่ได้รับการเลือกตั้ง ได้แก่ อัลจีเรีย ออสเตรเลีย บาฮามาส เบลเยี่ยม ชิลี ไซปรัส เดนมาร์ก อียิปต์ อินโดนีเซีย เคนยา มาเลเซีย มอลตา เม็กซิโก ฟิลิปปินส์ โปรตุเกส ซาอุดิอาระเบีย สิงคโปร์ อัฟริกาใต้ ไทย และตุรกี
3. ประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจากการเป็นสมาชิกคณะมนตรีของ IMO
การได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรี IMO ของประเทศไทยในครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญต่อการพัฒนาระบบการขนส่งทางทะเลของไทยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากการดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะมนตรี IMO จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบาย กฎ ระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ รวมถึงการวางแผนกลยุทธ์ต่าง ๆ ตลอดจนควบคุมการดำเนินงานของ องค์กรต่าง ๆ ของ IMO ได้โดยตรงอย่างต่อเนื่อง และสามารถให้การสนับสนุนหรือคัดค้านนโยบายหรือมาตรการของ IMO ที่อาจส่งผลกระทบทางลบต่อการขนส่งสินค้าทางทะเลของไทย นอกจากนี้ จะเอื้ออำนวยประโยชน์ให้แก่ประเทศไทยในการวางแผนการพัฒนาและปรับปรุงกิจกรรมการขนส่งทางน้ำให้ก้าวหน้าทันสมัยและมีความปลอดภัยจนอยู่ในระดับมาตรฐานเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ
4. ภาระหน้าที่ของกระทรวงคมนาคมในฐานะสมาชิกของคณะมนตรี IMO
กระทรวงคมนาคมจะต้องมีบทบาทมากขึ้นในการร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ ของ IMO ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศสมาชิกทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก รวมทั้งพัฒนาการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีของไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานของ IMO และดำเนินการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาต่าง ๆ ของ IMO ให้มากขึ้น ตลอดจนส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมต่าง ๆ ของ IMO อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งปัจจุบันกระทรวงคมนาคมไม่สามารถกระทำได้อย่างครบถ้วน เนื่องจากมีงบประมาณจำกัด อย่างไรก็ดี กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างการเตรียมการนำเสนอแผนงานในการดำเนินงานเชิงรุกเพื่อนำเสนอขอความเห็นชอบจากคณะมนตรีในโอกาสต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 13 ธันวาคม 2548--จบ--