คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและดินถล่มปี 2551 ได้ประสานการปฏิบัติงานกับจังหวัดที่มีสภาวะฝนตกหนัก และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 10-15 พฤษภาคม 2551) สรุปมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย และสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นรวมทั้งผลการปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชน (ข้อมูลถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2551) ดังนี้
1. การเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัย วาตภัยและดินถล่ม ปี 2551
1.1 ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและดินถล่มปี 2551 ขึ้น ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 142/2551 ลงวันที่ 14 พฤษภาคม 2551 โดยมีนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานฯ คณะกรรมการประกอบด้วยผู้แทนของหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง และมีอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายอนุชา โมกขะเวส) เป็นกรรมการและเลขานุการฯ และได้มีหนังสือสั่งการแจ้งให้ทุกจังหวัดจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและ ดินถล่มระดับจังหวัด และให้อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ เช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รับผิดชอบประจำศูนย์ฯ โดยให้ตรวจสอบและปรับปรุงข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัย จัดทำแผนเฉพาะกิจฯ จัดเตรียมกำลังคน วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือสื่อสารทั้งข่ายหลักและข่ายสำรอง จัดเตรียม ยานพาหนะ เรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำ และเครื่องมือ เครื่องใช้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เฝ้าระวังติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งตรวจสอบข้อมูลปริมาณน้ำฝน ระดับน้ำในแม่น้ำ จัดให้มีระบบการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการล้างท่อระบายน้ำในเขตชุมชน ขุดลอก คู คลอง แหล่งน้ำสาธารณะรวมทั้งกำจัดวัชพืช สิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อให้สามารถระบายน้ำออกจากพื้นที่ที่เกิดอุทกภัยได้อย่างรวดเร็ว
1.2 การประชุมเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม
เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2551 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายสิทธิชัย โควสุรัตน์) ในฐานะประธานกรรมการศูนย์ฯ ได้ประชุมคณะกรรมการอำนวยการ ศูนย์อำนวยเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ปี 2551 ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กระทรวงคมนาคม กรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน กรมทางหลวง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สภากาชาดไทย มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ฯลฯ เพื่อติดตามสภาวะอากาศและประเมินสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น การเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ของหน่วยงานตลอดจนการประสานแผน และประสานการปฏิบัติ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ทันต่อเหตุการณ์และมีประสิทธิภาพ
2. สรุปสถานการณ์อุทกภัย (ระหว่างวันที่ 10 - 15 พฤษภาคม 2551)
2.1 พื้นที่ประสบภัย รวม 5 จังหวัด 14 อำเภอ 21 ตำบล 84 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดน่าน กำแพงเพชร สุราษฎร์ธานี ชุมพร และพังงา
2.2 ความเสียหาย ราษฎรเดือดร้อน 27,179 คน 6,947 ครัวเรือน มูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ โดยมีรายละเอียด สรุปได้ดังนี้
1) จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 10 พ.ค.51 ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในลำห้วยแม่เป้าในพื้นที่ หมู่ที่ 3 ตำบลแม่ขะนิง อำเภอเวียงสา สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติในช่วงเย็นของวันเดียวกัน
2)จังหวัดกำแพงเพชร ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 10-13 พฤษภาคม 2551 ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองกำแพงเพชร อำเภอคลองขลุง อำเภอปรางศิลาทอง อำเภอพรานกระต่าย และ อำเภอคลองลาน ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่การเกษตร ของอำเภอพรานกระต่าย 4,000 ไร่ อำเภอเมือง 2,300 ไร่ คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติใน 1 สัปดาห์ สำนักงานชลประทานจังหวัด ร่วมกับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเครื่องสูบน้ำระบายน้ำออกจากพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง รวมทั้งเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ แล้ว
3) จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เกิดฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมในที่ลุ่ม 3 อำเภอ 5 ตำบล 28 หมู่บ้าน ราษฎรเดือนร้อน 445 ครัวเรือน ได้แก่ อำเภอวิภาวดี (ตำบลตะกุกใต้ ม.1-8) ราษฎรเดือดร้อน 160 ครัวเรือน อำเภอคีรีรัฐนิคม (ตำบลน้ำหัก ม.1,2,3,4,5,10 และตำบลย่านยาว ม.2-11) ราษฎรเดือดร้อน 250 ครัวเรือน อำเภอพนม (ตำบลพลูเถื่อน ม.1,4 และตำบลคลองศก ม.6,8) ราษฎรเดือดร้อน 35 ครัวเรือน โดยมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มริมคลองศก สถานการณ์ปัจจุบันระดับน้ำลดลงเข้าสู่ภาวะปกติแล้วการให้ความช่วยเหลือ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 สุราษฎร์ธานี สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมกับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนเรือท้องแบน 8 ลำ ถุงยังชีพ 650 ชุด รถยนต์ 13 คัน
ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นและเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป
4) จังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2551 ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมฉับพลัน ใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสวี ตำบลเขาค่าย (หมู่ที่ 5,6,8) และตำบลวิสัยใต้ (หมู่ที่ 6,7,9) ราษฎรเดือดร้อน 286 ครัวเรือน อำเภอหลังสวน ตำบลหาดยาย (หมู่ที่ 1,2,5,6) ตำบลวังตะกอ (หมู่ที่ 1,4,6,8,12) และตำบลบางมะพร้าว (หมู่ที่ 9) ราษฎรเดือดร้อน 135 ครัวเรือน อำเภอละแม ตำบลละแม (หมู่ที่ 11,13,15,-20) ตำบลทุ่งหลวง (หมู่ที่ 1,7,8,9) ตำบลสวนแตง (หมู่ที่ 1,3,4,7,8) และตำบลทุ่งคาวัด (หมู่ที่ 5,6,7) ราษฎรเดือดร้อน 950 ครัวเรือน สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว การให้ความช่วยเหลือ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 สุราษฎร์ธานี สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชุมพร ร่วมกับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนเรือท้องแบน 7 ลำ
ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในเบื้องต้นและเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป
5) จังหวัดพังงา เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2551 ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมฉับพลันใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอคุระบุรี ตำบลคุระ (หมู่ที่ 3,4,6,7,9,10,12) ตำบลบางวัน (หมู่ที่ 1-6,8,9) และตำบลแม่นางขาว (หมู่ที่ 1-6,8) ราษฎรเดือดร้อน 540 ครัวเรือน อำเภอตะกั่วป่า มีน้ำท่วมขัง ในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลตะกั่วป่า ตำบลโคกเคียน และตำบลตำตัว ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
การให้ความช่วยเหลือ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพังงา ร่วมกับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนเรือท้องแบน 4 ลำ รถยนต์ 7 คัน ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นและเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป
3. สิ่งของพระราชทาน
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2551 มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย โดยนายอภัย จันทนจุลกะ รองประธานมูลนิธิ เป็นผู้แทนนำถุงยังชีพประทาน จำนวน 800 ชุด ไปมอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัด สุราษฎร์ธานี ที่โรงเรียนบ้านน้ำหัก หมู่ที่ 3 ตำบลน้ำหัก อำเภอคีรีรัฐนิคม และที่องค์การบริหารส่วนตำบลตะกุกใต้ หมู่ที่ 7 บ้านโพธิ์น้อย ตำบลตะกุกใต้ อำเภอวิภาวดี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 พฤษภาคม 2551--จบ--
1. การเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัย วาตภัยและดินถล่ม ปี 2551
1.1 ได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและดินถล่มปี 2551 ขึ้น ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ตามคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 142/2551 ลงวันที่ 14 พฤษภาคม 2551 โดยมีนายสิทธิชัย โควสุรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานฯ คณะกรรมการประกอบด้วยผู้แทนของหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง และมีอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายอนุชา โมกขะเวส) เป็นกรรมการและเลขานุการฯ และได้มีหนังสือสั่งการแจ้งให้ทุกจังหวัดจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัยและ ดินถล่มระดับจังหวัด และให้อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ เช่นเดียวกัน พร้อมทั้งแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รับผิดชอบประจำศูนย์ฯ โดยให้ตรวจสอบและปรับปรุงข้อมูลพื้นที่เสี่ยงภัย จัดทำแผนเฉพาะกิจฯ จัดเตรียมกำลังคน วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือสื่อสารทั้งข่ายหลักและข่ายสำรอง จัดเตรียม ยานพาหนะ เรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำ และเครื่องมือ เครื่องใช้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เฝ้าระวังติดตามสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งตรวจสอบข้อมูลปริมาณน้ำฝน ระดับน้ำในแม่น้ำ จัดให้มีระบบการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการล้างท่อระบายน้ำในเขตชุมชน ขุดลอก คู คลอง แหล่งน้ำสาธารณะรวมทั้งกำจัดวัชพืช สิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อให้สามารถระบายน้ำออกจากพื้นที่ที่เกิดอุทกภัยได้อย่างรวดเร็ว
1.2 การประชุมเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม
เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2551 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายสิทธิชัย โควสุรัตน์) ในฐานะประธานกรรมการศูนย์ฯ ได้ประชุมคณะกรรมการอำนวยการ ศูนย์อำนวยเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ปี 2551 ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ กระทรวงคมนาคม กรมอุตุนิยมวิทยา กรมชลประทาน กรมทางหลวง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สภากาชาดไทย มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ฯลฯ เพื่อติดตามสภาวะอากาศและประเมินสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น การเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม ของหน่วยงานตลอดจนการประสานแผน และประสานการปฏิบัติ เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ทันต่อเหตุการณ์และมีประสิทธิภาพ
2. สรุปสถานการณ์อุทกภัย (ระหว่างวันที่ 10 - 15 พฤษภาคม 2551)
2.1 พื้นที่ประสบภัย รวม 5 จังหวัด 14 อำเภอ 21 ตำบล 84 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดน่าน กำแพงเพชร สุราษฎร์ธานี ชุมพร และพังงา
2.2 ความเสียหาย ราษฎรเดือดร้อน 27,179 คน 6,947 ครัวเรือน มูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการสำรวจ โดยมีรายละเอียด สรุปได้ดังนี้
1) จังหวัดน่าน เมื่อวันที่ 10 พ.ค.51 ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากในลำห้วยแม่เป้าในพื้นที่ หมู่ที่ 3 ตำบลแม่ขะนิง อำเภอเวียงสา สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติในช่วงเย็นของวันเดียวกัน
2)จังหวัดกำแพงเพชร ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 10-13 พฤษภาคม 2551 ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองกำแพงเพชร อำเภอคลองขลุง อำเภอปรางศิลาทอง อำเภอพรานกระต่าย และ อำเภอคลองลาน ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่การเกษตร ของอำเภอพรานกระต่าย 4,000 ไร่ อำเภอเมือง 2,300 ไร่ คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติใน 1 สัปดาห์ สำนักงานชลประทานจังหวัด ร่วมกับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเครื่องสูบน้ำระบายน้ำออกจากพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง รวมทั้งเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ แล้ว
3) จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้เกิดฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก เข้าท่วมในที่ลุ่ม 3 อำเภอ 5 ตำบล 28 หมู่บ้าน ราษฎรเดือนร้อน 445 ครัวเรือน ได้แก่ อำเภอวิภาวดี (ตำบลตะกุกใต้ ม.1-8) ราษฎรเดือดร้อน 160 ครัวเรือน อำเภอคีรีรัฐนิคม (ตำบลน้ำหัก ม.1,2,3,4,5,10 และตำบลย่านยาว ม.2-11) ราษฎรเดือดร้อน 250 ครัวเรือน อำเภอพนม (ตำบลพลูเถื่อน ม.1,4 และตำบลคลองศก ม.6,8) ราษฎรเดือดร้อน 35 ครัวเรือน โดยมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มริมคลองศก สถานการณ์ปัจจุบันระดับน้ำลดลงเข้าสู่ภาวะปกติแล้วการให้ความช่วยเหลือ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 สุราษฎร์ธานี สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมกับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนเรือท้องแบน 8 ลำ ถุงยังชีพ 650 ชุด รถยนต์ 13 คัน
ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นและเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป
4) จังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2551 ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมฉับพลัน ใน 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสวี ตำบลเขาค่าย (หมู่ที่ 5,6,8) และตำบลวิสัยใต้ (หมู่ที่ 6,7,9) ราษฎรเดือดร้อน 286 ครัวเรือน อำเภอหลังสวน ตำบลหาดยาย (หมู่ที่ 1,2,5,6) ตำบลวังตะกอ (หมู่ที่ 1,4,6,8,12) และตำบลบางมะพร้าว (หมู่ที่ 9) ราษฎรเดือดร้อน 135 ครัวเรือน อำเภอละแม ตำบลละแม (หมู่ที่ 11,13,15,-20) ตำบลทุ่งหลวง (หมู่ที่ 1,7,8,9) ตำบลสวนแตง (หมู่ที่ 1,3,4,7,8) และตำบลทุ่งคาวัด (หมู่ที่ 5,6,7) ราษฎรเดือดร้อน 950 ครัวเรือน สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว การให้ความช่วยเหลือ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 สุราษฎร์ธานี สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชุมพร ร่วมกับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนเรือท้องแบน 7 ลำ
ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ในเบื้องต้นและเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป
5) จังหวัดพังงา เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2551 ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมฉับพลันใน 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอคุระบุรี ตำบลคุระ (หมู่ที่ 3,4,6,7,9,10,12) ตำบลบางวัน (หมู่ที่ 1-6,8,9) และตำบลแม่นางขาว (หมู่ที่ 1-6,8) ราษฎรเดือดร้อน 540 ครัวเรือน อำเภอตะกั่วป่า มีน้ำท่วมขัง ในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลตะกั่วป่า ตำบลโคกเคียน และตำบลตำตัว ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
การให้ความช่วยเหลือ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพังงา ร่วมกับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สนับสนุนเรือท้องแบน 4 ลำ รถยนต์ 7 คัน ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นและเร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป
3. สิ่งของพระราชทาน
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2551 มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย โดยนายอภัย จันทนจุลกะ รองประธานมูลนิธิ เป็นผู้แทนนำถุงยังชีพประทาน จำนวน 800 ชุด ไปมอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัด สุราษฎร์ธานี ที่โรงเรียนบ้านน้ำหัก หมู่ที่ 3 ตำบลน้ำหัก อำเภอคีรีรัฐนิคม และที่องค์การบริหารส่วนตำบลตะกุกใต้ หมู่ที่ 7 บ้านโพธิ์น้อย ตำบลตะกุกใต้ อำเภอวิภาวดี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 พฤษภาคม 2551--จบ--