คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สรุปสถานการณ์ภัยธรรมชาติในช่วงฤดูฝน ครั้งที่ 3 ช่วงวันที่ 26 พฤษภาคม-2 มิถุนายน 2551 ประกอบด้วย สถานการณ์อุทกภัย สถานการณ์น้ำ ผลกระทบด้านการเกษตร และการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตร สรุปได้ดังนี้
สถานการณ์อุทกภัย
ขณะนี้ไม่มีสถานการณ์อุทกภัย
สถานการณ์น้ำ
1. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 2 มิถุนายน 2551 มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ ทั้งหมด 41,027 ล้านลูกบาศก์เมตรคิดเป็นร้อยละ 60 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด (ปริมาณน้ำใช้การได้ 17,713 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 26 ของความจุอ่างฯ) น้อยกว่าปี 2550 (46,362 ล้าน ลบ.ม.) จำนวน 5,335 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 8 ของความจุอ่างฯทั้งหมด
อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก และอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ ทั้งหมด 6,562 และ 4,032 ล้านลูกบาศก์เมตรตามลำดับ หรือคิดเป็นร้อยละ 49 และ 42 ของความจุอ่างฯทั้งหมด ตามลำดับ โดยมีปริมาตรน้ำทั้งสองอ่างฯ รวมกัน จำนวน 10,594 ล้านลูกบาศก์เมตร น้อยกว่าปี 2550 (16,281 ล้าน ลบ.ม.) จำนวน 5,687 ล้าน ลบ.ม.
อ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 286 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของความจุอ่างฯทั้งหมด น้อยกว่าปี 2550 (473 ล้าน ลบ.ม.) จำนวน 187 ล้าน ลบ.ม.
อ่างเก็บน้ำที่อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อยกว่าร้อยละ 30 ของความจุอ่างฯ จำนวน 2 อ่างฯ ดังนี้
อ่างเก็บน้ำ จังหวัด ปริมาตรน้ำ (ล้าน ลบ.ม.)
ในอ่างฯ ใช้การได้
1) แม่กวงอุดมธารา เชียงใหม่ 49 (19%) 35 (13%)
2) คลองสียัด ฉะเชิงเทรา 120 (29%) 90 (21%)
อ่างเก็บน้ำที่อยู่ในเกณฑ์น้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ จำนวน 3 อ่างฯ ดังนี้
อ่างเก็บน้ำ จังหวัด ปริมาตรน้ำ (ล้าน ลบ.ม.)
ในอ่างฯ ใช้การได้
1) ศรีนครินทร์ กาญจนบุรี 14,556 (82%) 4,354 (25%)
2) ประแสร์ ระยอง 207 (83%) 187 (75%)
3) บางลาง ยะลา 1,241 (86%) 981 (67%)
2. สภาพน้ำท่า
แม่น้ำปิง สถานี P.7A ที่สะพานบ้านห้วยยาง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มลดลง และสถานี P.17 บ้านท่างิ้ว อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มเพิ่มขึ้น
แม่น้ำวัง สถานี W.4A บ้านวังหมัน อำเภอสามเงา จังหวัดตาก ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มลดลง
แม่น้ำยม สถานี Y.1C สะพานบ้านน้ำโค้ง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ และสถานี Y.4 สะพานตลาดธานี อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย แนวโน้มลดลง และสถานี Y.17 บ้านสามง่าม อำเภอสามง่าม จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มเพิ่มขึ้น
แม่น้ำน่าน สถานี N.5A สะพาน เอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลกระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้ม เพิ่มขึ้น และสถานี N.67 สะพานบ้านเกยไชย อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มทรงตัว
แม่น้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำที่ไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ (C.2) 403 ลบ.ม.ต่อวินาที ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา (C.13) 235 ลบ.ม.ต่อวินาที โดยมีระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา +16.55 เมตร.(รทก.) ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา + 8.00 เมตร.(รทก.) เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาณน้ำระบาย 11 ลบ.ม.ต่อวินาที เขื่อนพระรามหก ปริมาณน้ำไหลผ่าน 44 ลบ.ม.ต่อวินาที ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ผลกระทบด้านการเกษตร ช่วงวันที่ 1-18 พฤษภาคม 2551
อุทกภัย พื้นที่ประสบภัยรวม 12 จังหวัดได้แก่ จังหวัดเชียงราย ตาก นครสวรรค์ น่าน อุทัยธานี กำแพงเพชร สุโขทัย จันทบุรี สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี ชุมพร และระนอง เกษตรกร 13,812 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 181,976 ไร่ สัตว์ ได้รับผลกระทบ 327 ตัว บ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ 788 บ่อ คิดเป็นพื้นที่ 597.5 ไร่ กระชัง 251 กระชัง คิดเป็นพื้นที่ 4,533 ตารางเมตร
การให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตร
1. การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำและรถบรรทุกน้ำ
กรมชลประทานได้ส่งเครื่องสูบน้ำเพื่อช่วยเหลืออุทกภัยตามจังหวัดต่างๆ 7 จังหวัด รวม 18 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำ 9 เครื่อง ดังนี้ จังหวัดกำแพงเพชร 3 เครื่อง ชัยนาท 1 เครื่อง อุทัยธานี 3 เครื่อง ลพบุรี 2 เครื่อง สิงห์บุรี 4 เครื่อง พระนครศรีอยุธยา 1 เครื่อง นครราชสีมา 4 เครื่อง (เครื่องผลักดันน้ำ 9 เครื่อง)
2. การปฏิบัติการฝนหลวง ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 29 พฤษภาคม 2551
ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงได้ปฏิบัติการแล้วจำนวน 8 ศูนย์ (8 หน่วย และ 5 ฐานเติมสารฝนหลวง) ได้แก่ภาคเหนือตอนบน หน่วยฯ เชียงใหม่ และฐานเติมสารฝนหลวงจังหวัดตาก ภาคเหนือตอนล่าง หน่วยฯ พิษณุโลก ภาคกลาง หน่วยฯ ลพบุรี ฐานเติมสารฝนหลวงจังหวัดนครสวรรค์ และฐานเติมสารฝนหลวงจังหวัดกาญจนบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน หน่วยฯ ขอนแก่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง หน่วยฯ นครราชสีมา และฐานเติมสารฝนหลวงจังหวัดอุบลราชธานี ภาคตะวันออก หน่วยฯ สระแก้ว และฐานเติมสารฝนหลวงจังหวัดระยอง ภาคใต้ตอนบน หน่วยฯ หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภาคใต้ตอนล่าง หน่วยฯ สุราษฎร์ธานี เพื่อปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่าไม้ในภาคต่าง ๆ รวมทั้งช่วยลดปริมาณการใช้น้ำจากเขื่อนต่าง ๆ
ผลการปฏิบัติการฝนหลวง ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ — 29 พฤษภาคม 2551 ขึ้นบินปฏิบัติการรวม จำนวน 110 วัน 2,435 เที่ยวบิน มีฝนตกรวม วัดปริมาณน้ำฝนได้ 784 สถานี (จากสถานีวัดฝนรวมทั้งหมด 1,149 สถานี) ปริมาณน้ำฝน 0.1-221.9 มิลลิเมตรในพื้นที่ 69 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำปาง แม่ฮ่องสอน ตาก ลำพูน พิษณุโลก สุโขทัย น่าน กำแพงเพชร พิจิตร แพร่ เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ ชัยนาท ลพบุรี กาญจนบุรี ปทุมธานี สุพรรณบุรี กรุงเทพฯ นครปฐม อุทัยธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี สมุทรปราการ ขอนแก่น หนองคาย อุดรธานี ร้อยเอ็ด นครพนม สกลนคร มุกดาหาร กาฬสินธุ์ มหาสารคาม เลย ยโสธร นครราชสีมา ชัยภูมิ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ระยอง ชลบุรี ตราด จันทบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช ยะลา นราธิวาส พังงา ภูเก็ต กระบี่ พัทลุง สงขลา ปัตตานี ระนอง ตรัง และสตูล
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 มิถุนายน 2551--จบ--
สถานการณ์อุทกภัย
ขณะนี้ไม่มีสถานการณ์อุทกภัย
สถานการณ์น้ำ
1. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่
สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ณ วันที่ 2 มิถุนายน 2551 มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ ทั้งหมด 41,027 ล้านลูกบาศก์เมตรคิดเป็นร้อยละ 60 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมด (ปริมาณน้ำใช้การได้ 17,713 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 26 ของความจุอ่างฯ) น้อยกว่าปี 2550 (46,362 ล้าน ลบ.ม.) จำนวน 5,335 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 8 ของความจุอ่างฯทั้งหมด
อ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล จังหวัดตาก และอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ จังหวัดอุตรดิตถ์ มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ ทั้งหมด 6,562 และ 4,032 ล้านลูกบาศก์เมตรตามลำดับ หรือคิดเป็นร้อยละ 49 และ 42 ของความจุอ่างฯทั้งหมด ตามลำดับ โดยมีปริมาตรน้ำทั้งสองอ่างฯ รวมกัน จำนวน 10,594 ล้านลูกบาศก์เมตร น้อยกว่าปี 2550 (16,281 ล้าน ลบ.ม.) จำนวน 5,687 ล้าน ลบ.ม.
อ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี มีปริมาตรน้ำในอ่างฯ 286 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของความจุอ่างฯทั้งหมด น้อยกว่าปี 2550 (473 ล้าน ลบ.ม.) จำนวน 187 ล้าน ลบ.ม.
อ่างเก็บน้ำที่อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อยกว่าร้อยละ 30 ของความจุอ่างฯ จำนวน 2 อ่างฯ ดังนี้
อ่างเก็บน้ำ จังหวัด ปริมาตรน้ำ (ล้าน ลบ.ม.)
ในอ่างฯ ใช้การได้
1) แม่กวงอุดมธารา เชียงใหม่ 49 (19%) 35 (13%)
2) คลองสียัด ฉะเชิงเทรา 120 (29%) 90 (21%)
อ่างเก็บน้ำที่อยู่ในเกณฑ์น้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ จำนวน 3 อ่างฯ ดังนี้
อ่างเก็บน้ำ จังหวัด ปริมาตรน้ำ (ล้าน ลบ.ม.)
ในอ่างฯ ใช้การได้
1) ศรีนครินทร์ กาญจนบุรี 14,556 (82%) 4,354 (25%)
2) ประแสร์ ระยอง 207 (83%) 187 (75%)
3) บางลาง ยะลา 1,241 (86%) 981 (67%)
2. สภาพน้ำท่า
แม่น้ำปิง สถานี P.7A ที่สะพานบ้านห้วยยาง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มลดลง และสถานี P.17 บ้านท่างิ้ว อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มเพิ่มขึ้น
แม่น้ำวัง สถานี W.4A บ้านวังหมัน อำเภอสามเงา จังหวัดตาก ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มลดลง
แม่น้ำยม สถานี Y.1C สะพานบ้านน้ำโค้ง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ และสถานี Y.4 สะพานตลาดธานี อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย แนวโน้มลดลง และสถานี Y.17 บ้านสามง่าม อำเภอสามง่าม จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มเพิ่มขึ้น
แม่น้ำน่าน สถานี N.5A สะพาน เอกาทศรถ อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลกระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้ม เพิ่มขึ้น และสถานี N.67 สะพานบ้านเกยไชย อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์ ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แนวโน้มทรงตัว
แม่น้ำเจ้าพระยา มีปริมาณน้ำที่ไหลผ่านจังหวัดนครสวรรค์ (C.2) 403 ลบ.ม.ต่อวินาที ปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา (C.13) 235 ลบ.ม.ต่อวินาที โดยมีระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา +16.55 เมตร.(รทก.) ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา + 8.00 เมตร.(รทก.) เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาณน้ำระบาย 11 ลบ.ม.ต่อวินาที เขื่อนพระรามหก ปริมาณน้ำไหลผ่าน 44 ลบ.ม.ต่อวินาที ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ผลกระทบด้านการเกษตร ช่วงวันที่ 1-18 พฤษภาคม 2551
อุทกภัย พื้นที่ประสบภัยรวม 12 จังหวัดได้แก่ จังหวัดเชียงราย ตาก นครสวรรค์ น่าน อุทัยธานี กำแพงเพชร สุโขทัย จันทบุรี สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี ชุมพร และระนอง เกษตรกร 13,812 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 181,976 ไร่ สัตว์ ได้รับผลกระทบ 327 ตัว บ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ 788 บ่อ คิดเป็นพื้นที่ 597.5 ไร่ กระชัง 251 กระชัง คิดเป็นพื้นที่ 4,533 ตารางเมตร
การให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตร
1. การสนับสนุนเครื่องสูบน้ำและรถบรรทุกน้ำ
กรมชลประทานได้ส่งเครื่องสูบน้ำเพื่อช่วยเหลืออุทกภัยตามจังหวัดต่างๆ 7 จังหวัด รวม 18 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำ 9 เครื่อง ดังนี้ จังหวัดกำแพงเพชร 3 เครื่อง ชัยนาท 1 เครื่อง อุทัยธานี 3 เครื่อง ลพบุรี 2 เครื่อง สิงห์บุรี 4 เครื่อง พระนครศรีอยุธยา 1 เครื่อง นครราชสีมา 4 เครื่อง (เครื่องผลักดันน้ำ 9 เครื่อง)
2. การปฏิบัติการฝนหลวง ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 29 พฤษภาคม 2551
ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงได้ปฏิบัติการแล้วจำนวน 8 ศูนย์ (8 หน่วย และ 5 ฐานเติมสารฝนหลวง) ได้แก่ภาคเหนือตอนบน หน่วยฯ เชียงใหม่ และฐานเติมสารฝนหลวงจังหวัดตาก ภาคเหนือตอนล่าง หน่วยฯ พิษณุโลก ภาคกลาง หน่วยฯ ลพบุรี ฐานเติมสารฝนหลวงจังหวัดนครสวรรค์ และฐานเติมสารฝนหลวงจังหวัดกาญจนบุรี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน หน่วยฯ ขอนแก่น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง หน่วยฯ นครราชสีมา และฐานเติมสารฝนหลวงจังหวัดอุบลราชธานี ภาคตะวันออก หน่วยฯ สระแก้ว และฐานเติมสารฝนหลวงจังหวัดระยอง ภาคใต้ตอนบน หน่วยฯ หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ภาคใต้ตอนล่าง หน่วยฯ สุราษฎร์ธานี เพื่อปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่าไม้ในภาคต่าง ๆ รวมทั้งช่วยลดปริมาณการใช้น้ำจากเขื่อนต่าง ๆ
ผลการปฏิบัติการฝนหลวง ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ — 29 พฤษภาคม 2551 ขึ้นบินปฏิบัติการรวม จำนวน 110 วัน 2,435 เที่ยวบิน มีฝนตกรวม วัดปริมาณน้ำฝนได้ 784 สถานี (จากสถานีวัดฝนรวมทั้งหมด 1,149 สถานี) ปริมาณน้ำฝน 0.1-221.9 มิลลิเมตรในพื้นที่ 69 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา ลำปาง แม่ฮ่องสอน ตาก ลำพูน พิษณุโลก สุโขทัย น่าน กำแพงเพชร พิจิตร แพร่ เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ นครสวรรค์ ชัยนาท ลพบุรี กาญจนบุรี ปทุมธานี สุพรรณบุรี กรุงเทพฯ นครปฐม อุทัยธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี สมุทรปราการ ขอนแก่น หนองคาย อุดรธานี ร้อยเอ็ด นครพนม สกลนคร มุกดาหาร กาฬสินธุ์ มหาสารคาม เลย ยโสธร นครราชสีมา ชัยภูมิ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ ระยอง ชลบุรี ตราด จันทบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี สุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช ยะลา นราธิวาส พังงา ภูเก็ต กระบี่ พัทลุง สงขลา ปัตตานี ระนอง ตรัง และสตูล
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 มิถุนายน 2551--จบ--