คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงและกฎกระทรวงรวม 4 ฉบับที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยให้แก้ไขเพิ่มเติมตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้
ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ เรื่อง หลักเกณฑ์และกรอบวงเงินการค้ำประกันและการให้กู้ต่อแก่รัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐ มีสาระสำคัญในการกำหนดเพดานของวงเงินการค้ำประกัน หรือวงเงินให้กู้ต่อแก่รัฐวิสาหกิจและสถาบันการเงินภาครัฐแต่ละราย โดยใช้สัดส่วนของหนี้สินต่อวงเงินกองทุน (Debt Equity Ratio) เป็นเกณฑ์
ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราและเงื่อนไขการเรียกเก็บดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการค้ำประกันของกระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้กระทรวงการคลังเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกันจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือสถาบันการเงินภาครัฐ
2. กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการค้ำประกันตามบัญชีท้ายกฎกระทรวง ซึ่งแยกออกเป็น 2 กรณี คือ 1) ผู้กู้เป็นหน่วยงานของรัฐ และ 2) ผู้กู้เป็นรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐ ซึ่งอัตราค่าธรรมเนียมจะขึ้นอยู่กับระดับความน่าเชื่อของรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐนั้น ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้เรียกเก็บเป็นเงินสกุลตามที่ได้ค้ำประกัน
3. กำหนดระยะเวลาและกรอบในการประเมินระดับความน่าเชื่อถือของรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐ
ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราและเงื่อนไขการเรียกเก็บดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการให้กู้ต่อของกระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้กระทรวงการคลังเรียกเก็บดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมการให้กู้ต่อจากหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานในกำกับดูแลของรัฐ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงินภาครัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
2. กำหนดให้กระทรวงการคลังเรียกเก็บดอกเบี้ยการให้กู้ต่อจากหน่วยงานดังกล่าวในอัตราและเงื่อนไขเดียวกับที่กระทรวงการคลังกู้มาจากแหล่งเงินกู้โดยรวมค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการกู้เงินมาให้กู้ต่อด้วย
3. กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการให้กู้ต่อตามบัญชีท้ายกฎกระทรวง ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมการให้กู้ต่อ ให้เรียกเก็บเป็นเงินสกุลตามที่ได้ให้กู้ต่อ
ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้กู้ต่อของกระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ให้กระทรวงการคลังดำเนินการจัดทำสัญญากับผู้กู้โดยเร็ว และสัญญากู้ต้องเป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด
2. กำหนดขั้นตอนในการเบิกถอนเงินกู้ การชำระต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง และให้ผู้กู้ต่อรายงานผลการดำเนินการตามโครงการหรือแผนงานให้กระทรวงการคลังทราบ เพื่อประโยชน์ในการติดตามการใช้จ่ายเงินกู้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 10 มิถุนายน 2551--จบ--
ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ เรื่อง หลักเกณฑ์และกรอบวงเงินการค้ำประกันและการให้กู้ต่อแก่รัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐ มีสาระสำคัญในการกำหนดเพดานของวงเงินการค้ำประกัน หรือวงเงินให้กู้ต่อแก่รัฐวิสาหกิจและสถาบันการเงินภาครัฐแต่ละราย โดยใช้สัดส่วนของหนี้สินต่อวงเงินกองทุน (Debt Equity Ratio) เป็นเกณฑ์
ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราและเงื่อนไขการเรียกเก็บดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการค้ำประกันของกระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้กระทรวงการคลังเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการค้ำประกันจากหน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือสถาบันการเงินภาครัฐ
2. กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการค้ำประกันตามบัญชีท้ายกฎกระทรวง ซึ่งแยกออกเป็น 2 กรณี คือ 1) ผู้กู้เป็นหน่วยงานของรัฐ และ 2) ผู้กู้เป็นรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐ ซึ่งอัตราค่าธรรมเนียมจะขึ้นอยู่กับระดับความน่าเชื่อของรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐนั้น ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้เรียกเก็บเป็นเงินสกุลตามที่ได้ค้ำประกัน
3. กำหนดระยะเวลาและกรอบในการประเมินระดับความน่าเชื่อถือของรัฐวิสาหกิจหรือสถาบันการเงินภาครัฐ
ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราและเงื่อนไขการเรียกเก็บดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมการให้กู้ต่อของกระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้กระทรวงการคลังเรียกเก็บดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมการให้กู้ต่อจากหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานในกำกับดูแลของรัฐ รัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงินภาครัฐ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
2. กำหนดให้กระทรวงการคลังเรียกเก็บดอกเบี้ยการให้กู้ต่อจากหน่วยงานดังกล่าวในอัตราและเงื่อนไขเดียวกับที่กระทรวงการคลังกู้มาจากแหล่งเงินกู้โดยรวมค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการกู้เงินมาให้กู้ต่อด้วย
3. กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการให้กู้ต่อตามบัญชีท้ายกฎกระทรวง ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมการให้กู้ต่อ ให้เรียกเก็บเป็นเงินสกุลตามที่ได้ให้กู้ต่อ
ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้กู้ต่อของกระทรวงการคลัง พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ให้กระทรวงการคลังดำเนินการจัดทำสัญญากับผู้กู้โดยเร็ว และสัญญากู้ต้องเป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำหนด
2. กำหนดขั้นตอนในการเบิกถอนเงินกู้ การชำระต้นเงินกู้ ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง และให้ผู้กู้ต่อรายงานผลการดำเนินการตามโครงการหรือแผนงานให้กระทรวงการคลังทราบ เพื่อประโยชน์ในการติดตามการใช้จ่ายเงินกู้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 10 มิถุนายน 2551--จบ--