คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รายงานสรุปผลการสำรวจองค์การเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร พ.ศ. 2550 ดังนี้
สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้จัดทำโครงการสำรวจองค์การเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร พ.ศ. 2550 เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะการดำเนินการ รายรับ ค่าใช้จ่าย ตลอดจนจำนวนผู้ปฏิบัติงานในองค์การเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร โดยทำการเก็บรายงานข้อมูลทุก 5 ปี ตัวอย่างทั้งสิ้น 23,270 แห่ง ซึ่งสรุปผลสำคัญจากการสำรวจ ได้ดังนี้
1. จำนวนองค์การเอกชนที่ไม่แสวงหากำไรในปี 2550 มีจำนวนทั้งสิ้น 65,457 แห่ง มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปี 2545 ซึ่งมีจำนวน 55,805 แห่ง หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 17.3
2. องค์การเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร จำแนกตามภาค พบว่า ที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีประมาณร้อยละ 30.3 ภาคกลางร้อยละ 21.8 ภาคเหนือร้อยละ 21.6 กรุงเทพมหานครร้อยละ 14.3 และภาคใต้ร้อยละ 12.0
3. ประเภทขององค์การฯ พบว่า ในจำนวนองค์การที่ไม่แสวงหากำไร 65,457 แห่ง เป็นองค์การฯ ที่ดำเนินการหลักเกี่ยวกับศาสนา มีสัดส่วนสูงที่สุดคือร้อยละ 63.2 รองลงมาเป็นองค์การที่ดำเนินกิจการหลักเกี่ยวกับการบริการสังคมสงเคราะห์ร้อยละ 25.6 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ร้อยละ 5.8 สำหรับสมาคมนายจ้าง สหภาพแรงงาน สมาคมการค้า พรรคการเมือง และองค์การเอกชนต่างประเทศ มีสัดส่วนรวมประมาณร้อยละ 5.4
4. จำนวนผู้ปฏิบัติงานในองค์การฯ ในปี 2550 มีจำนวน 923,198 คน ลดลงจากปี 2545 ซึ่งมีจำนวน 1,175,730 คน หรือลดลงประมาณร้อยละ 21.5 โดยผู้ปฏิบัติงานในองค์การฯ ส่วนใหญ่เป็นอาสาสมัครประมาณร้อยละ 42.8 รองลงมาเป็นคนทำงานโดยไม่ได้รับเงินเดือนประมาณร้อยละ 38.5 พนักงานประจำ นักบวชที่ได้เงินประจำตำแหน่ง และพนักงานชั่วคราวประมาณร้อยละ 12.1 4.5 และ 2.1 ตามลำดับ
5. องค์การเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร พบว่า มีรายรับในรอบปี 2549 ทั้งสิ้นประมาณ 136,921.6 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 2.1 ล้านบาทต่อองค์การฯ ส่วนใหญ่มากกว่าครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 66.3) เป็นรายรับที่ได้จากเงินบริจาคและเงินสนับสนุน รองลงมาเป็นรายรับจากเงินสงเคราะห์ ประมาณร้อยละ 13.9 และจากการจำหน่ายสินค้าและบริการขององค์การฯ ร้อยละ 9.2
6. ค่าใช้จ่ายขององค์การเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร มีค่าใช้จ่ายในรอบปี 2549 ทั้งสิ้น 79,802 ล้านบาท หรือโดยเฉลี่ยประมาณ 1.2 ล้านบาทต่อองค์การฯ ส่วนใหญ่ร้อยละ 57.7 เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์การฯ นอกนั้นเป็นค่าใช้จ่ายสำนักงานประมาณร้อยละ 22.1 และค่าใช้จ่ายบุคลากรประมาณร้อยละ 20.2
7. กิจกรรมที่องค์การเอกชนที่ไม่แสวงหากำไรให้ความช่วยเหลือสังคม ส่วนใหญ่ โดยวัดจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรม พบว่า องค์การที่ดำเนินกิจกรรมหลักเกี่ยวกับการบริการสังคมสงเคราะห์ให้ความช่วยเหลือด้านสุขภาพ การดูแลรักษาทางการแพทย์ทางเป็นส่วนใหญ่ องค์การฯ สมาคมการค้า สหภาพแรงานฯ ให้ความช่วยเหลือด้านการจัดกิจกรรมต่างๆ ของสมาคม สหภาพ องค์การศาสนา พรรคการเมือง ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการรวมกลุ่มจัดกิจกรรม พิธีกรรม และการดูแลศาสนาสถาน องค์การฯ ให้ความช่วยเหลือในเรื่องการพิทักษ์สิทธิ์ การให้ความช่วยเหลือผู้ถูกกระทำ และการให้บริการทางกฎหมาย สำหรับองค์การฯ เอกชนต่างประเทศ ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนด้านกิจกรรม การส่งเสริมความสัมพันธ์ การพิทักษ์สิทธิมนุษยชนและสันติภาพ
8. วิธีการให้ความช่วยเหลือขององค์การฯ ส่วนใหญ่ร้อยละ 58.3 ให้ความช่วยเหลือโดยจ่ายเงินสด รองลงมาคือ ให้คำแนะนำปรึกษา ร้อยละ 50.7 ให้สิ่งของร้อยละ 43.6 ให้ที่พักอาศัยชั่วคราวร้อยละ 21.6 ให้การบำบัดรักษา ฝึกอาชีพ ให้บริการจัดหางาน ให้ยืมเงินในการประกอบอาชีพ และอื่น ๆ ร้อยละ 26.9
9. จำนวนองค์การเอกชนที่ไม่แสวงหากำไรมีจำนวนเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้ปฏิบัติงานลดลง ทั้งนี้เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย โดยพบว่ามีการตั้งองค์การในเขตกรุงเทพมหานคร และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากคือ 2,899 แห่ง และ 3,141 แห่ง โดยกรุงเทพมหานครเป็นองค์การที่ดำเนินกิจการหลักเกี่ยวกับการบริการสังคมสงเคราะห์มากที่สุด ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือดำเนินกิจการเกี่ยวกับศาสนามากที่สุด และองค์การเหล่านี้ได้ระบุถึงปัญหาอุปสรรคที่ต้องการให้ช่วยเหลือ คือ ขาดผู้บริจาค และขากการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาล
10.ผลการสำรวจสามารถสะท้อนภาพการดำเนินงานทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ซึ่งรัฐอาจใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งเพื่อการเฝ้าระวังในมิติต่าง ๆ ได้
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พิจารณาแล้วเห็นว่า สถานการณ์องค์การเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร พ.ศ. 2550 นี้จะเป็นประโยชน์แก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 10 มิถุนายน 2551--จบ--
สำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้จัดทำโครงการสำรวจองค์การเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร พ.ศ. 2550 เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะการดำเนินการ รายรับ ค่าใช้จ่าย ตลอดจนจำนวนผู้ปฏิบัติงานในองค์การเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร โดยทำการเก็บรายงานข้อมูลทุก 5 ปี ตัวอย่างทั้งสิ้น 23,270 แห่ง ซึ่งสรุปผลสำคัญจากการสำรวจ ได้ดังนี้
1. จำนวนองค์การเอกชนที่ไม่แสวงหากำไรในปี 2550 มีจำนวนทั้งสิ้น 65,457 แห่ง มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปี 2545 ซึ่งมีจำนวน 55,805 แห่ง หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 17.3
2. องค์การเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร จำแนกตามภาค พบว่า ที่ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีประมาณร้อยละ 30.3 ภาคกลางร้อยละ 21.8 ภาคเหนือร้อยละ 21.6 กรุงเทพมหานครร้อยละ 14.3 และภาคใต้ร้อยละ 12.0
3. ประเภทขององค์การฯ พบว่า ในจำนวนองค์การที่ไม่แสวงหากำไร 65,457 แห่ง เป็นองค์การฯ ที่ดำเนินการหลักเกี่ยวกับศาสนา มีสัดส่วนสูงที่สุดคือร้อยละ 63.2 รองลงมาเป็นองค์การที่ดำเนินกิจการหลักเกี่ยวกับการบริการสังคมสงเคราะห์ร้อยละ 25.6 สมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ร้อยละ 5.8 สำหรับสมาคมนายจ้าง สหภาพแรงงาน สมาคมการค้า พรรคการเมือง และองค์การเอกชนต่างประเทศ มีสัดส่วนรวมประมาณร้อยละ 5.4
4. จำนวนผู้ปฏิบัติงานในองค์การฯ ในปี 2550 มีจำนวน 923,198 คน ลดลงจากปี 2545 ซึ่งมีจำนวน 1,175,730 คน หรือลดลงประมาณร้อยละ 21.5 โดยผู้ปฏิบัติงานในองค์การฯ ส่วนใหญ่เป็นอาสาสมัครประมาณร้อยละ 42.8 รองลงมาเป็นคนทำงานโดยไม่ได้รับเงินเดือนประมาณร้อยละ 38.5 พนักงานประจำ นักบวชที่ได้เงินประจำตำแหน่ง และพนักงานชั่วคราวประมาณร้อยละ 12.1 4.5 และ 2.1 ตามลำดับ
5. องค์การเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร พบว่า มีรายรับในรอบปี 2549 ทั้งสิ้นประมาณ 136,921.6 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 2.1 ล้านบาทต่อองค์การฯ ส่วนใหญ่มากกว่าครึ่งหนึ่ง (ร้อยละ 66.3) เป็นรายรับที่ได้จากเงินบริจาคและเงินสนับสนุน รองลงมาเป็นรายรับจากเงินสงเคราะห์ ประมาณร้อยละ 13.9 และจากการจำหน่ายสินค้าและบริการขององค์การฯ ร้อยละ 9.2
6. ค่าใช้จ่ายขององค์การเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร มีค่าใช้จ่ายในรอบปี 2549 ทั้งสิ้น 79,802 ล้านบาท หรือโดยเฉลี่ยประมาณ 1.2 ล้านบาทต่อองค์การฯ ส่วนใหญ่ร้อยละ 57.7 เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อกิจกรรมต่าง ๆ ขององค์การฯ นอกนั้นเป็นค่าใช้จ่ายสำนักงานประมาณร้อยละ 22.1 และค่าใช้จ่ายบุคลากรประมาณร้อยละ 20.2
7. กิจกรรมที่องค์การเอกชนที่ไม่แสวงหากำไรให้ความช่วยเหลือสังคม ส่วนใหญ่ โดยวัดจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรม พบว่า องค์การที่ดำเนินกิจกรรมหลักเกี่ยวกับการบริการสังคมสงเคราะห์ให้ความช่วยเหลือด้านสุขภาพ การดูแลรักษาทางการแพทย์ทางเป็นส่วนใหญ่ องค์การฯ สมาคมการค้า สหภาพแรงานฯ ให้ความช่วยเหลือด้านการจัดกิจกรรมต่างๆ ของสมาคม สหภาพ องค์การศาสนา พรรคการเมือง ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการรวมกลุ่มจัดกิจกรรม พิธีกรรม และการดูแลศาสนาสถาน องค์การฯ ให้ความช่วยเหลือในเรื่องการพิทักษ์สิทธิ์ การให้ความช่วยเหลือผู้ถูกกระทำ และการให้บริการทางกฎหมาย สำหรับองค์การฯ เอกชนต่างประเทศ ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนด้านกิจกรรม การส่งเสริมความสัมพันธ์ การพิทักษ์สิทธิมนุษยชนและสันติภาพ
8. วิธีการให้ความช่วยเหลือขององค์การฯ ส่วนใหญ่ร้อยละ 58.3 ให้ความช่วยเหลือโดยจ่ายเงินสด รองลงมาคือ ให้คำแนะนำปรึกษา ร้อยละ 50.7 ให้สิ่งของร้อยละ 43.6 ให้ที่พักอาศัยชั่วคราวร้อยละ 21.6 ให้การบำบัดรักษา ฝึกอาชีพ ให้บริการจัดหางาน ให้ยืมเงินในการประกอบอาชีพ และอื่น ๆ ร้อยละ 26.9
9. จำนวนองค์การเอกชนที่ไม่แสวงหากำไรมีจำนวนเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผู้ปฏิบัติงานลดลง ทั้งนี้เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย โดยพบว่ามีการตั้งองค์การในเขตกรุงเทพมหานคร และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากคือ 2,899 แห่ง และ 3,141 แห่ง โดยกรุงเทพมหานครเป็นองค์การที่ดำเนินกิจการหลักเกี่ยวกับการบริการสังคมสงเคราะห์มากที่สุด ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือดำเนินกิจการเกี่ยวกับศาสนามากที่สุด และองค์การเหล่านี้ได้ระบุถึงปัญหาอุปสรรคที่ต้องการให้ช่วยเหลือ คือ ขาดผู้บริจาค และขากการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาล
10.ผลการสำรวจสามารถสะท้อนภาพการดำเนินงานทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ซึ่งรัฐอาจใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งเพื่อการเฝ้าระวังในมิติต่าง ๆ ได้
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร พิจารณาแล้วเห็นว่า สถานการณ์องค์การเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร พ.ศ. 2550 นี้จะเป็นประโยชน์แก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 10 มิถุนายน 2551--จบ--