คณะรัฐมนตรีพิจารณาโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมสงขลา ตามที่กระทรวงพลังงาน (พน.) เสนอ แล้วมีมติดังนี้
1. อนุมัติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมสงขลา อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา พื้นที่ประมาณ 751 ไร่ ในวงเงินลงทุนทั้งสิ้น 16,908.55 ล้านบาท เนื่องจากเป็นโครงการซึ่งบรรจุอยู่ในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2547-2548 (PDP 2004) ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ความเห็นชอบไว้แล้วเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547
ทั้งนี้ ในการจัดหาเงินลงทุนในส่วนของเงินตราต่างประเทศให้ กฟผ. พิจารณาใช้เงินกู้จากต่างประเทศหรือเงินกู้ในประเทศที่เอื้อประโยชน์แก่หน่วยงานและประเทศสูงสุด โดยให้เสนอขอรับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังก่อนดำเนินการ และเห็นชอบวงเงินงบประมาณประจำปี 2548 จำนวน 619.07 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายลงทุนในส่วนเงินบาทสำหรับโครงการนี้ฯ
2. เห็นชอบให้ กฟผ. จัดทำรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็น ดังต่อไปนี้
2.1 การกำหนดคุณลักษณะเฉพาะในการปฏิบัติการของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแต่ละหน่วย (Operating Characteristics for the Generating Unit and System Standards) การคำนวณค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payments) และการคำนวณค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Payments) ในลักษณะเดียวกันกับที่กำหนดใน Schedule 1-3 ของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง กฟผ. กับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน (IPP) เพื่อใช้พิจารณาเปรียบเทียบกับโรงไฟฟ้าเอกชนในลักษณะที่ใกล้เคียงกัน ได้แก่ โรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์ และโรงไฟฟ้าแก่งคอย 2 เพื่อพิจารณาราคารับซื้อไฟฟ้าและผลตอบแทนการลงทุนของโครงการ รวมทั้งการปฏิบัติตามข้อกำหนดและระเบียบต่าง ๆ
2.2 ปฏิบัติตาม Grid Code เช่นเดียวกันกับโรงไฟฟ้าของเอกชน เพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า
2.3 จัดส่งรายละเอียดการบันทึกบัญชีและข้อมูลทางด้านเทคนิคของโรงไฟฟ้าทุก ๆ สิ้นปี ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) หรือองค์กรกำกับดูแลที่จะจัดตั้งขึ้น เป็นผู้ตรวจสอบเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการประเมิน ศักยภาพและผลประโยชน์ที่ได้จากการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าของ กฟผ.
3. เห็นชอบให้ กฟผ. จัดส่งรายงานความคืบหน้าและรายละเอียดในการดำเนินการตามนโยบายการนำพลังงานหมุนเวียนจ่ายเข้าระบบไม่น้อยกว่า ร้อยละ 5 ของโรงไฟฟ้าใหม่ ตลอดจนการจัดตั้งกองทุนพัฒนาพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า (Energy Tax) ในอัตรา 1 สตางค์/หน่วย ของพลังงานไฟฟ้าที่จ่ายเข้าระบบ
4. เห็นชอบให้ กฟผ. ดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในคราวประชุม ครั้งที่ 5/2548 เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2548 ดังนี้
4.1 เห็นชอบกับรายงาน EIA โครงการโรงไฟ้าสงขลาตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และโครงการร่วมกับเอกชน โดยมอบหมายให้ กฟผ. ปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ดังนี้
(1) ปฏิบัติตามมาตรการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมตามที่เสนอในแผนปฏิบัติการด้านสิ่งแวดล้อมของรายงาน EIA อย่างเคร่งครัด ตลอดจนรายงานผลการปฏิบัติงานให้สำนักงานนโยบายแผนทรัพยกรธรรมชาติและสิ่แวดล้อม (สผ.)ตามระยะเวลาที่กำหนดในแผนดังกล่าว
(2) ในการว่าจ้างบริษัทออกแบบ/ก่อสร้าง/ดำเนินการ กฟผ. ต้องนำรายละเอียดมาตรการในแผนปฏิบัติการด้านสิ่งแวดล้อมไปกำหนดในเงื่อนไขสัญญาจ้างบริษัทผู้รับจ้างและให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในทางปฏิบัติ
(3) บำรุงรักษาระบบหอหล่อเย็นให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดีเป็นประจำและมีความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงานและประชาชนบริเวณใกล้เคียง
(4) หากผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมแสดงแนวโน้มถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมให้ กฟผ. ดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยเร็ว และหากมีเหตุการณ์ใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม กฟผ. ต้องแจ้งให้จังหวัดสงขลา กรมโรงงานอุตสาหกรรม และ สผ. ทราบโดยเร็วเพื่อจะได้ประสานให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
(5) หาก กฟผ. มีความประสงค์จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ/มาตรการ ตลอดจนแผนการดำเนินงาน ที่แตกต่างจากที่เสนอไว้ในแผนฯ กฟผ. จะต้องเสนอรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงผลการศึกษาและประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เปรียบเทียบกับข้อมูลเดิมให้ สผ. พิจารณาตามขั้นตอนก่อนดำเนินการเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง
(6) หากมีปัญหา ข้อวิตกและห่วงใยของชุมชนต่อการดำเนินการ โครงการฯ กฟผ. ต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อขจัดปัญหาความขัดแย้งของชุมชนในพื้นที่ทันที
4.2 ให้ กฟผ. รับความเห็นของคณะกรรมการฯ ไปปฏิบัติในเรื่องการสร้างความมั่นใจของชุมชนให้เกิดการยอมรับโครงการ และการระมัดระวังในการใช้น้ำเพื่อการหล่อเย็น เนื่องจากอาจเกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศทางน้ำ การประมง และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติได้
4.3 ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตามผลการดำเนินการของโครงการต่าง ๆ ที่ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบของคณะกรรมการฯ แล้วหากโครงการไม่ดำเนินการตามมาตรการและเงื่อนไขที่กรรมการฯ กำหนด ให้ประมวลเสนอคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
5. เห็นชอบให้ กฟผ. ดำเนินการตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในคราวประชุม ครั้งที่ 4/2548 (นัดพิเศษ) เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2548 ดังนี้
5.1 ตั้งคณะกรรมการร่วมประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ กฟผ. ผู้แทนผู้รับเหมา ผู้แทนชุมชน และผู้แทนเจ้าหน้าที่ภาครัฐในพื้นที่ เพื่อกำกับ ดูแล และติดตามผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการก่อสร้างโครงการให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
5.2 รายงานผลและประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนรับทราบผลกระทบที่มีต่อวิถีชีวิตที่เกิดจากการมีโครงการโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้าใจและการยอมรับจากสาธารณชน
กระทรวงพลังงาน รายงานว่า
1. การดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนสงขลา มีวัตถุประสงค์ เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนเป็นการเสริมความมั่นคงให้ระบบไฟฟ้าในภาคใต้ โดยเพิ่มกำลังผลิตพร้อมจ่ายในพื้นที่และลดการพึ่งพาหรือความเสี่ยงในการถ่ายเทพลังงานไฟฟ้าจากภาคกลางและประเทศมาเลเซีย
2. การดำเนินงานมีระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี (พ.ศ. 2548-2551) แบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้
2.1 งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมขนาดกำลังการผลิตประมาณ 700 เมกะวัตต์ กำหนดแล้วเสร็จสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบได้ในเดือนมีนาคม 2551
2.2 งานก่อสร้างสายส่ง 230 เควี จากโรงไฟฟ้า ฯ ไปยังสถานีไฟฟ้าแรงสูงหาดใหญ่ 2 วงจรคู่ ระยะทาง 27 กิโลเมตร พร้อมติดตั้ง Fiber Optic จำนวน 1 เส้น ในสาย Overhead Ground Wire และงานก่อสร้างลานไกไฟฟ้า 230 เควี ตลอดจนงานขยายสถานีไฟฟ้าแรงสูงหาดใหญ่ เพื่อรองรับสายส่งจากโรงไฟฟ้าสงขลา จำนวน 2 วงจร และเพิ่มเติมระบบสื่อสารที่เกี่ยวข้อง ระบบอำนวยความสะดวกอื่น ๆ
3. โรงไฟฟ้าใช้ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยจากแหล่งพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (Joint Development Area : JDA) เป็นเชื้อเพลิง และมีการใช้น้ำในระบบหล่อเย็นของโรงไฟฟ้า โดยใช้น้ำดิบจากคลองนาทับ ซึ่งจะต้องสร้างสถานีสูบน้ำในคลองนาทับและวางท่อส่งน้ำมายังโรงไฟฟ้า มีความต้องการใช้น้ำประมาณ 38,880 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และเป็นน้ำใช้ในโรงไฟฟ้าและระบบอุปโภคบริโภคต่าง ๆ โดยใช้น้ำจากคลองโพมา มีความต้องการใช้น้ำประมาณ 465 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
4. โครงการใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 16,908.55 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินตราต่างประเทศ จำนวน 10,704 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 63 ของวงเงินลงทุนทั้งหมด และเงินบาทจำนวน 6,204.55 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37 ของวงเงินลงทุนทั้งหมด โดยการจัดหาเงินลงทุน กฟผ. จะพิจารณาจากหลายแหล่ง เช่น สถาบันการเงินระหว่างประเทศ สินเชื่อผู้ซื้อธนาคารพาณิชย์/สถาบันการเงินเอกชน การออกพันธบัตรลงทุนต่างประเทศ และ/หรือในประเทศ รวมทั้งเงินรายได้ โดย กฟผ. จะพิจารณาจากสภาวะตลาดการเงิน และเงื่อนไขการกู้ที่เหมาะสม เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ ในการประเมินผลตอบแทนการลงทุนโครงการมีผลตอบแทนการลงทุนด้านเศรษฐศาสตร์ (EIRR) คิดเป็นร้อยละ 17.41 และผลตอบแทนการลงทุนด้านการเงิน (EIRR) คิดเป็นร้อยละ 16.43
5. ประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินโครงการ คือ เป็นการรักษาระดับความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในภาคใต้ เพื่อสนองความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นได้อย่างเพียงพอ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 7 มิถุนายน 2548--จบ--
1. อนุมัติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมสงขลา อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา พื้นที่ประมาณ 751 ไร่ ในวงเงินลงทุนทั้งสิ้น 16,908.55 ล้านบาท เนื่องจากเป็นโครงการซึ่งบรรจุอยู่ในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2547-2548 (PDP 2004) ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ความเห็นชอบไว้แล้วเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2547
ทั้งนี้ ในการจัดหาเงินลงทุนในส่วนของเงินตราต่างประเทศให้ กฟผ. พิจารณาใช้เงินกู้จากต่างประเทศหรือเงินกู้ในประเทศที่เอื้อประโยชน์แก่หน่วยงานและประเทศสูงสุด โดยให้เสนอขอรับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังก่อนดำเนินการ และเห็นชอบวงเงินงบประมาณประจำปี 2548 จำนวน 619.07 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายลงทุนในส่วนเงินบาทสำหรับโครงการนี้ฯ
2. เห็นชอบให้ กฟผ. จัดทำรายละเอียดข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็น ดังต่อไปนี้
2.1 การกำหนดคุณลักษณะเฉพาะในการปฏิบัติการของเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแต่ละหน่วย (Operating Characteristics for the Generating Unit and System Standards) การคำนวณค่าความพร้อมจ่าย (Availability Payments) และการคำนวณค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Payments) ในลักษณะเดียวกันกับที่กำหนดใน Schedule 1-3 ของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง กฟผ. กับผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชน (IPP) เพื่อใช้พิจารณาเปรียบเทียบกับโรงไฟฟ้าเอกชนในลักษณะที่ใกล้เคียงกัน ได้แก่ โรงไฟฟ้าราชบุรีเพาเวอร์ และโรงไฟฟ้าแก่งคอย 2 เพื่อพิจารณาราคารับซื้อไฟฟ้าและผลตอบแทนการลงทุนของโครงการ รวมทั้งการปฏิบัติตามข้อกำหนดและระเบียบต่าง ๆ
2.2 ปฏิบัติตาม Grid Code เช่นเดียวกันกับโรงไฟฟ้าของเอกชน เพื่อความมั่นคงและความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า
2.3 จัดส่งรายละเอียดการบันทึกบัญชีและข้อมูลทางด้านเทคนิคของโรงไฟฟ้าทุก ๆ สิ้นปี ให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) หรือองค์กรกำกับดูแลที่จะจัดตั้งขึ้น เป็นผู้ตรวจสอบเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการประเมิน ศักยภาพและผลประโยชน์ที่ได้จากการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าของ กฟผ.
3. เห็นชอบให้ กฟผ. จัดส่งรายงานความคืบหน้าและรายละเอียดในการดำเนินการตามนโยบายการนำพลังงานหมุนเวียนจ่ายเข้าระบบไม่น้อยกว่า ร้อยละ 5 ของโรงไฟฟ้าใหม่ ตลอดจนการจัดตั้งกองทุนพัฒนาพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า (Energy Tax) ในอัตรา 1 สตางค์/หน่วย ของพลังงานไฟฟ้าที่จ่ายเข้าระบบ
4. เห็นชอบให้ กฟผ. ดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในคราวประชุม ครั้งที่ 5/2548 เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2548 ดังนี้
4.1 เห็นชอบกับรายงาน EIA โครงการโรงไฟ้าสงขลาตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และโครงการร่วมกับเอกชน โดยมอบหมายให้ กฟผ. ปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ดังนี้
(1) ปฏิบัติตามมาตรการเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมตามที่เสนอในแผนปฏิบัติการด้านสิ่งแวดล้อมของรายงาน EIA อย่างเคร่งครัด ตลอดจนรายงานผลการปฏิบัติงานให้สำนักงานนโยบายแผนทรัพยกรธรรมชาติและสิ่แวดล้อม (สผ.)ตามระยะเวลาที่กำหนดในแผนดังกล่าว
(2) ในการว่าจ้างบริษัทออกแบบ/ก่อสร้าง/ดำเนินการ กฟผ. ต้องนำรายละเอียดมาตรการในแผนปฏิบัติการด้านสิ่งแวดล้อมไปกำหนดในเงื่อนไขสัญญาจ้างบริษัทผู้รับจ้างและให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลในทางปฏิบัติ
(3) บำรุงรักษาระบบหอหล่อเย็นให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ดีเป็นประจำและมีความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงานและประชาชนบริเวณใกล้เคียง
(4) หากผลการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมแสดงแนวโน้มถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมให้ กฟผ. ดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยเร็ว และหากมีเหตุการณ์ใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม กฟผ. ต้องแจ้งให้จังหวัดสงขลา กรมโรงงานอุตสาหกรรม และ สผ. ทราบโดยเร็วเพื่อจะได้ประสานให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
(5) หาก กฟผ. มีความประสงค์จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ/มาตรการ ตลอดจนแผนการดำเนินงาน ที่แตกต่างจากที่เสนอไว้ในแผนฯ กฟผ. จะต้องเสนอรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงผลการศึกษาและประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เปรียบเทียบกับข้อมูลเดิมให้ สผ. พิจารณาตามขั้นตอนก่อนดำเนินการเปลี่ยนแปลงทุกครั้ง
(6) หากมีปัญหา ข้อวิตกและห่วงใยของชุมชนต่อการดำเนินการ โครงการฯ กฟผ. ต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อขจัดปัญหาความขัดแย้งของชุมชนในพื้นที่ทันที
4.2 ให้ กฟผ. รับความเห็นของคณะกรรมการฯ ไปปฏิบัติในเรื่องการสร้างความมั่นใจของชุมชนให้เกิดการยอมรับโครงการ และการระมัดระวังในการใช้น้ำเพื่อการหล่อเย็น เนื่องจากอาจเกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศทางน้ำ การประมง และการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติได้
4.3 ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมติดตามผลการดำเนินการของโครงการต่าง ๆ ที่ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบของคณะกรรมการฯ แล้วหากโครงการไม่ดำเนินการตามมาตรการและเงื่อนไขที่กรรมการฯ กำหนด ให้ประมวลเสนอคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาต่อไป
5. เห็นชอบให้ กฟผ. ดำเนินการตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในคราวประชุม ครั้งที่ 4/2548 (นัดพิเศษ) เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2548 ดังนี้
5.1 ตั้งคณะกรรมการร่วมประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ กฟผ. ผู้แทนผู้รับเหมา ผู้แทนชุมชน และผู้แทนเจ้าหน้าที่ภาครัฐในพื้นที่ เพื่อกำกับ ดูแล และติดตามผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการก่อสร้างโครงการให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
5.2 รายงานผลและประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนรับทราบผลกระทบที่มีต่อวิถีชีวิตที่เกิดจากการมีโครงการโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้าใจและการยอมรับจากสาธารณชน
กระทรวงพลังงาน รายงานว่า
1. การดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนสงขลา มีวัตถุประสงค์ เพื่อรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนเป็นการเสริมความมั่นคงให้ระบบไฟฟ้าในภาคใต้ โดยเพิ่มกำลังผลิตพร้อมจ่ายในพื้นที่และลดการพึ่งพาหรือความเสี่ยงในการถ่ายเทพลังงานไฟฟ้าจากภาคกลางและประเทศมาเลเซีย
2. การดำเนินงานมีระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี (พ.ศ. 2548-2551) แบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้
2.1 งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมขนาดกำลังการผลิตประมาณ 700 เมกะวัตต์ กำหนดแล้วเสร็จสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบได้ในเดือนมีนาคม 2551
2.2 งานก่อสร้างสายส่ง 230 เควี จากโรงไฟฟ้า ฯ ไปยังสถานีไฟฟ้าแรงสูงหาดใหญ่ 2 วงจรคู่ ระยะทาง 27 กิโลเมตร พร้อมติดตั้ง Fiber Optic จำนวน 1 เส้น ในสาย Overhead Ground Wire และงานก่อสร้างลานไกไฟฟ้า 230 เควี ตลอดจนงานขยายสถานีไฟฟ้าแรงสูงหาดใหญ่ เพื่อรองรับสายส่งจากโรงไฟฟ้าสงขลา จำนวน 2 วงจร และเพิ่มเติมระบบสื่อสารที่เกี่ยวข้อง ระบบอำนวยความสะดวกอื่น ๆ
3. โรงไฟฟ้าใช้ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยจากแหล่งพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (Joint Development Area : JDA) เป็นเชื้อเพลิง และมีการใช้น้ำในระบบหล่อเย็นของโรงไฟฟ้า โดยใช้น้ำดิบจากคลองนาทับ ซึ่งจะต้องสร้างสถานีสูบน้ำในคลองนาทับและวางท่อส่งน้ำมายังโรงไฟฟ้า มีความต้องการใช้น้ำประมาณ 38,880 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และเป็นน้ำใช้ในโรงไฟฟ้าและระบบอุปโภคบริโภคต่าง ๆ โดยใช้น้ำจากคลองโพมา มีความต้องการใช้น้ำประมาณ 465 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน
4. โครงการใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 16,908.55 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินตราต่างประเทศ จำนวน 10,704 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 63 ของวงเงินลงทุนทั้งหมด และเงินบาทจำนวน 6,204.55 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 37 ของวงเงินลงทุนทั้งหมด โดยการจัดหาเงินลงทุน กฟผ. จะพิจารณาจากหลายแหล่ง เช่น สถาบันการเงินระหว่างประเทศ สินเชื่อผู้ซื้อธนาคารพาณิชย์/สถาบันการเงินเอกชน การออกพันธบัตรลงทุนต่างประเทศ และ/หรือในประเทศ รวมทั้งเงินรายได้ โดย กฟผ. จะพิจารณาจากสภาวะตลาดการเงิน และเงื่อนไขการกู้ที่เหมาะสม เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ทั้งนี้ ในการประเมินผลตอบแทนการลงทุนโครงการมีผลตอบแทนการลงทุนด้านเศรษฐศาสตร์ (EIRR) คิดเป็นร้อยละ 17.41 และผลตอบแทนการลงทุนด้านการเงิน (EIRR) คิดเป็นร้อยละ 16.43
5. ประโยชน์ที่ได้รับจากการดำเนินโครงการ คือ เป็นการรักษาระดับความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในภาคใต้ เพื่อสนองความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นได้อย่างเพียงพอ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 7 มิถุนายน 2548--จบ--