คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน ครั้งที่ 9 (The Ninth ASEAN Finance Ministers Meeting : AFMM) ระหว่างวันที่ 5-6 เมษายน 2548 ณ กรุงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยกระทรวงการคลังรายงานว่า เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังติดภารกิจเร่งด่วนจึงได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนากร) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวแทน ซึ่งผลการประชุมมีดังนี้
1. การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนครั้งที่ 9
ผู้เข้าร่วมการประชุมได้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้แทนระดับสูงของกระทรวงการคลังและธนาคารกลางจากสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ รวมทั้งประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย รองเลขาธิการอาเซียน โดยมี นาย Chansy Phosikham รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สปป.ลาว เป็นประธานการประชุม โดยมีประเด็นสำคัญและ ผลการประชุมสรุปได้ ดังนี้
1.1 ภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาค
รองเลขาธิการอาเซียนได้รายงานภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาคในช่วงที่ผ่านมาว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2547 ของประเทศสมาชิกอาเซียนได้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งที่อัตราเฉลี่ยร้อยละ 6 ซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2546 ที่อัตราเฉลี่ยร้อยละ 5.4 เป็นผลมาจากการขยายตัวของการบริโภคและการลงทุน โดยภาคเอกชนและภาคการส่งออกที่ขยายตัวสูง
นอกจากนี้ ประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย ได้ให้ความเห็นว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจอาเซียนจะมีแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ลดลงในปี 2548 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า และอาจต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายประการ แต่อย่างไรก็ดีประเทศสมาชิกอาเซียน โดยรวมจะยังคงมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังประเทศไทย ได้รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมต่อที่ประชุมว่า ประเทศไทยมีความมั่นใจต่อนโยบายทางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญต่อเป้าหมายทางการคลังที่จะนำไปสู่ความยั่งยืนทางการคลังในอนาคตและจะมุ่งเน้นการดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
1.2 แนวทางการรวมตัวทางการเงินของประเทศสมาชิกอาเซียน (Roadmap for Integration of ASEAN in Finance: RIA-fin) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนเห็นพ้องที่จะดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ (Vientiane Action Program) ที่ผู้นำอาเซียนได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ซึ่งเป็นแผนปฏิบัติการที่มีระยะเวลา 6 ปี (2548-2553) เพื่อนำไปสู่การก่อตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community) ในปี 2563 ในแผนการดังกล่าวได้มีการกำหนดระยะเวลาสำหรับความร่วมมือทางการเงินเหมือนกับแนวทางการรวมตัวทางการเงินของอาเซียน ดังนี้
1.2.1 ในด้านการพัฒนาตลาดทุน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนได้ตกลงที่จะเสริมสร้างการเชื่อมโยงตลาดทุนต่างๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียน และได้กำหนดวิสัยทัศน์ สำหรับตลาดทุนของอาเซียนให้เป็นตลาดทุนที่มีความเชื่อมโยงกัน (An interlinked ASEAN securities market) ภายในปี 2553 (ค.ศ. 2010) โดยในแต่ละประเทศจะพยายามปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนให้เป็นไปในมาตรฐานเดียวกันและเอื้ออำนวยต่อการซื้อขายและชำระราคาข้ามประเทศ และจะพัฒนา ASEAN Asset ให้เป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุน (Asset Class) เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยจะร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนในภูมิภาคภายใต้ ASEAN Capital Markets Forum (ACMF) รวมทั้ง การฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของสมาชิกในด้านโครงสร้างพื้นฐานของตลาด มาตรฐานแนวทางปฏิบัติซึ่งรวมถึงการบริหารความเสี่ยงและการเสริมสภาพคล่อง
1.2.2 ในด้านการเปิดเสรีการเคลื่อนย้ายเงินทุน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนได้ตกลงที่จะจัดทำ web-site เพื่อแสดงข้อมูลที่ทันสมัยของสถานการณ์เปิดเสรีการเคลื่อนย้ายเงินทุนของประเทศสมาชิก โดยเชื่อมโยงข้อมูลด้านการลงทุนกับธนาคารกลางเพื่อเผยแพร่แก่นักลงทุน
1.2.3 นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนได้ร่วมลงนามในพิธีสาร Protocol to Implement the Third Package of Commitments on Financial Services under the ASEAN Framework Agreement on Services เพื่อให้ข้อเสนอผูกพันการเปิดเสรีด้านการเงินของสมาชิกอาเซียนมีผลบังคับใช้ภายหลังสามารถสรุปผลการเจรจาเปิดเสรีในรอบที่ 3 ซึ่งสมาชิกหลายประเทศได้เปิดเสรีทางการเงินระหว่างกันในสาขาต่างๆ หลายสาขา
1.3 แผนยุทธศาสตร์สำหรับการพัฒนาศุลกากรอาเซียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนได้ให้ความเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์สำหรับการพัฒนาศุลกากรอาเซียนปี 2548-2553 (Strategic Plan of Customs Development 2005-2010) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการรวมตัวของอาเซียนโดยการส่งเสริมการค้าและการลงทุนของภูมิภาค
1.4 มาตรการช่วยเหลือกันเองระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน (Regional Self-Help and Support Mechanism) โดยที่ประชุมมีมติให้ขยายวงเงินของความตกลงว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตราอาเซียน (ASEAN Swap Arrangement) ซึ่งใช้มาเมื่อปี 2520 (ค.ศ. 1977) โดยขยายวงเงินเพิ่มจาก 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความร่วมมือด้านการเงินระหว่างสมาชิกอาเซียนในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันมากขึ้น
1.5 มาตรการริเริ่มพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย (Asian Bond Markets Initiative: ABMI) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนรับทราบความคืบหน้าการดำเนินมาตรการดังกล่าวว่าได้มีความคืบหน้าไปอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นในภูมิภาค อาทิ การออกพันธบัตรสกุลเงินริงกิต โดยธนาคารพัฒนาเอเชียในประเทศมาเลเซียจำนวน 400 ล้านริงกิต และในสิงคโปร์อีกเป็นจำนวน 200 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ รวมทั้งพันธบัตรเอเชียสกุลเงินบาทของประเทศไทยซึ่งได้รับการยกเว้นการหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับผู้ไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยให้แก่ผู้ซื้อพันธบัตรที่ออกโดยรัฐบาล รัฐวิสาหกิจที่มิได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
2. การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (Retreat) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวราเทพฯ) ได้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (Retreat) ในวันที่ 5 เมษายน 2548 โดยได้มีการหารือใน 3 ประเด็น ดังนี้
2.1 การหารือถึงผลการศึกษาของธนาคารโลกเรื่องการลดช่องว่างการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน โดยชี้ให้เห็นว่าความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่จะช่วยลดช่องว่างได้คือการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลดภาษีศุลกากรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียนซึ่งจะช่วยให้มีการส่งออกไปในประเทศในภูมิภาคและนอกภูมิภาคมากขึ้น นอกจากนี้การลงทุนจากต่างประเทศยังเป็นปัจจัยสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกัมพูชา ลาว และพม่าซึ่งจะพึ่งพาการลงทุนจากประเทศสมาชิกด้วยกันเป็นลำดับแรก ตัวอย่างเช่น ความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและลาวในการลงทุนในโครงการน้ำเทิน 2 ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยง และทำให้โครงการเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนอื่น รวมทั้งธนาคารโลกที่ช่วยค้ำประกันการลงทุนในโครงการดังกล่าว ผลการศึกษาดังกล่าวระบุว่า ประเทศในภูมิภาคอาเซียนยังมีโครงสร้างพื้นฐานที่ล้าหลัง และต้องการการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งการลงทุนจากภาครัฐไม่มีกำลังเพียงพอ จึงต้องพึ่งพาการลงทุนจากภาคเอกชน รวมทั้งการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ นอกจากนี้การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรสนับสนุนให้มีการศึกษาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มระดับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
2.2 การเตรียมการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และธนาคารโลก ในเดือนกันยายน 2549 (ค.ศ. 2006) ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งในช่วงการจัดการประชุมดังกล่าวประเทศสิงคโปร์จะจัดให้มีการประชุมสำคัญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของกลุ่ม G7 และการประชุมที่สำคัญอื่นๆ ควบคู่กับการสัมมนาทางวิชาการ การเผยแพร่ศิลปะและวัฒนธรรมของอาเซียน รวมทั้งการจัด ASEAN Showcase เพื่อดึงดูดนักลงทุนมาสู่ภูมิภาคอาเซียน ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประชุมและผู้สังเกตการณ์ประมาณ 16,000 คน นอกจากนี้การประชุมประจำปีดังกล่าวนอกจากจะเป็นโอกาสในการดึงดูดนักลงทุนแล้วยังเป็นการจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งก่อนและหลังการประชุม
2.3 การเตรียมการจัด Roadshow ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน ครั้งที่ 2 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 22 กันยายน 2548 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนแก่นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป ในการนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวราเทพฯ)ได้กล่าวรายงานถึงความคืบหน้าในการเตรียมการดังกล่าวในฐานะที่ประเทศไทยเป็นผู้ประสานงานหลัก ในปีนี้ ว่าได้มีการเตรียมการจัด Roadshow ให้เป็นที่น่าสนใจแก่นักลงทุนในภูมิภาคยุโรปเพื่อนำเสนอศักยภาพและโอกาสในการลงทุนในภาคการผลิตที่มีความหลากหลายในประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งมีตลาดรองรับทั้งในอาเซียนเอง และเพื่อการส่งออกไปยังภูมิภาคอื่น รวมทั้งโอกาสการลงทุนในตลาดทุนและตลาดตราสารหนี้ในภูมิภาคอาเซียน และในปีนี้คาดว่าจะมีการจัดทำข้อมูลบริษัทที่น่าลงทุนของสมาชิกอาเซียน เพื่อนำไปแจกแก่นักลงทุนพร้อมกับการเปิดตัวการจัดทำ ASEAN Index ด้วย ซึ่งคาดว่าการจัด Roadshow ครั้งที่ 2 นี้ จะช่วยส่งเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนให้ดีขึ้นรวมทั้งจะสามารถดึงดูดนักลงทุนให้มาลงทุนในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น
3. การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาซียนครั้งที่ 10 ปี 2549
การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนครั้งที่ 10 จะจัดขึ้น ในระหว่างวันที่ 5-6 เมษายน 2549 ณ เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 12 เมษายน 2548--จบ--
โดยกระทรวงการคลังรายงานว่า เนื่องจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังติดภารกิจเร่งด่วนจึงได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนากร) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าวแทน ซึ่งผลการประชุมมีดังนี้
1. การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนครั้งที่ 9
ผู้เข้าร่วมการประชุมได้แก่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้แทนระดับสูงของกระทรวงการคลังและธนาคารกลางจากสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ รวมทั้งประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย รองเลขาธิการอาเซียน โดยมี นาย Chansy Phosikham รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง สปป.ลาว เป็นประธานการประชุม โดยมีประเด็นสำคัญและ ผลการประชุมสรุปได้ ดังนี้
1.1 ภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาค
รองเลขาธิการอาเซียนได้รายงานภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาคในช่วงที่ผ่านมาว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2547 ของประเทศสมาชิกอาเซียนได้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งที่อัตราเฉลี่ยร้อยละ 6 ซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2546 ที่อัตราเฉลี่ยร้อยละ 5.4 เป็นผลมาจากการขยายตัวของการบริโภคและการลงทุน โดยภาคเอกชนและภาคการส่งออกที่ขยายตัวสูง
นอกจากนี้ ประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย ได้ให้ความเห็นว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจอาเซียนจะมีแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ลดลงในปี 2548 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า และอาจต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายประการ แต่อย่างไรก็ดีประเทศสมาชิกอาเซียน โดยรวมจะยังคงมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังประเทศไทย ได้รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยโดยรวมต่อที่ประชุมว่า ประเทศไทยมีความมั่นใจต่อนโยบายทางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญต่อเป้าหมายทางการคลังที่จะนำไปสู่ความยั่งยืนทางการคลังในอนาคตและจะมุ่งเน้นการดำเนินการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
1.2 แนวทางการรวมตัวทางการเงินของประเทศสมาชิกอาเซียน (Roadmap for Integration of ASEAN in Finance: RIA-fin) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนเห็นพ้องที่จะดำเนินการตามแผนปฏิบัติการเวียงจันทน์ (Vientiane Action Program) ที่ผู้นำอาเซียนได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ซึ่งเป็นแผนปฏิบัติการที่มีระยะเวลา 6 ปี (2548-2553) เพื่อนำไปสู่การก่อตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community) ในปี 2563 ในแผนการดังกล่าวได้มีการกำหนดระยะเวลาสำหรับความร่วมมือทางการเงินเหมือนกับแนวทางการรวมตัวทางการเงินของอาเซียน ดังนี้
1.2.1 ในด้านการพัฒนาตลาดทุน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนได้ตกลงที่จะเสริมสร้างการเชื่อมโยงตลาดทุนต่างๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียน และได้กำหนดวิสัยทัศน์ สำหรับตลาดทุนของอาเซียนให้เป็นตลาดทุนที่มีความเชื่อมโยงกัน (An interlinked ASEAN securities market) ภายในปี 2553 (ค.ศ. 2010) โดยในแต่ละประเทศจะพยายามปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนให้เป็นไปในมาตรฐานเดียวกันและเอื้ออำนวยต่อการซื้อขายและชำระราคาข้ามประเทศ และจะพัฒนา ASEAN Asset ให้เป็นสินทรัพย์ที่น่าลงทุน (Asset Class) เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยจะร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนในภูมิภาคภายใต้ ASEAN Capital Markets Forum (ACMF) รวมทั้ง การฝึกอบรมเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของสมาชิกในด้านโครงสร้างพื้นฐานของตลาด มาตรฐานแนวทางปฏิบัติซึ่งรวมถึงการบริหารความเสี่ยงและการเสริมสภาพคล่อง
1.2.2 ในด้านการเปิดเสรีการเคลื่อนย้ายเงินทุน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนได้ตกลงที่จะจัดทำ web-site เพื่อแสดงข้อมูลที่ทันสมัยของสถานการณ์เปิดเสรีการเคลื่อนย้ายเงินทุนของประเทศสมาชิก โดยเชื่อมโยงข้อมูลด้านการลงทุนกับธนาคารกลางเพื่อเผยแพร่แก่นักลงทุน
1.2.3 นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนได้ร่วมลงนามในพิธีสาร Protocol to Implement the Third Package of Commitments on Financial Services under the ASEAN Framework Agreement on Services เพื่อให้ข้อเสนอผูกพันการเปิดเสรีด้านการเงินของสมาชิกอาเซียนมีผลบังคับใช้ภายหลังสามารถสรุปผลการเจรจาเปิดเสรีในรอบที่ 3 ซึ่งสมาชิกหลายประเทศได้เปิดเสรีทางการเงินระหว่างกันในสาขาต่างๆ หลายสาขา
1.3 แผนยุทธศาสตร์สำหรับการพัฒนาศุลกากรอาเซียน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนได้ให้ความเห็นชอบแผนยุทธศาสตร์สำหรับการพัฒนาศุลกากรอาเซียนปี 2548-2553 (Strategic Plan of Customs Development 2005-2010) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการรวมตัวของอาเซียนโดยการส่งเสริมการค้าและการลงทุนของภูมิภาค
1.4 มาตรการช่วยเหลือกันเองระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน (Regional Self-Help and Support Mechanism) โดยที่ประชุมมีมติให้ขยายวงเงินของความตกลงว่าด้วยการแลกเปลี่ยนเงินตราอาเซียน (ASEAN Swap Arrangement) ซึ่งใช้มาเมื่อปี 2520 (ค.ศ. 1977) โดยขยายวงเงินเพิ่มจาก 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความร่วมมือด้านการเงินระหว่างสมาชิกอาเซียนในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันมากขึ้น
1.5 มาตรการริเริ่มพัฒนาตลาดพันธบัตรเอเชีย (Asian Bond Markets Initiative: ABMI) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนรับทราบความคืบหน้าการดำเนินมาตรการดังกล่าวว่าได้มีความคืบหน้าไปอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นในภูมิภาค อาทิ การออกพันธบัตรสกุลเงินริงกิต โดยธนาคารพัฒนาเอเชียในประเทศมาเลเซียจำนวน 400 ล้านริงกิต และในสิงคโปร์อีกเป็นจำนวน 200 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ รวมทั้งพันธบัตรเอเชียสกุลเงินบาทของประเทศไทยซึ่งได้รับการยกเว้นการหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับผู้ไม่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยให้แก่ผู้ซื้อพันธบัตรที่ออกโดยรัฐบาล รัฐวิสาหกิจที่มิได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
2. การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (Retreat) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวราเทพฯ) ได้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (Retreat) ในวันที่ 5 เมษายน 2548 โดยได้มีการหารือใน 3 ประเด็น ดังนี้
2.1 การหารือถึงผลการศึกษาของธนาคารโลกเรื่องการลดช่องว่างการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน โดยชี้ให้เห็นว่าความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่จะช่วยลดช่องว่างได้คือการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลดภาษีศุลกากรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียนซึ่งจะช่วยให้มีการส่งออกไปในประเทศในภูมิภาคและนอกภูมิภาคมากขึ้น นอกจากนี้การลงทุนจากต่างประเทศยังเป็นปัจจัยสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกัมพูชา ลาว และพม่าซึ่งจะพึ่งพาการลงทุนจากประเทศสมาชิกด้วยกันเป็นลำดับแรก ตัวอย่างเช่น ความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและลาวในการลงทุนในโครงการน้ำเทิน 2 ซึ่งช่วยกระจายความเสี่ยง และทำให้โครงการเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนอื่น รวมทั้งธนาคารโลกที่ช่วยค้ำประกันการลงทุนในโครงการดังกล่าว ผลการศึกษาดังกล่าวระบุว่า ประเทศในภูมิภาคอาเซียนยังมีโครงสร้างพื้นฐานที่ล้าหลัง และต้องการการลงทุนเพิ่มเติม ซึ่งการลงทุนจากภาครัฐไม่มีกำลังเพียงพอ จึงต้องพึ่งพาการลงทุนจากภาคเอกชน รวมทั้งการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ นอกจากนี้การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรสนับสนุนให้มีการศึกษาอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มระดับการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
2.2 การเตรียมการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ และธนาคารโลก ในเดือนกันยายน 2549 (ค.ศ. 2006) ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งในช่วงการจัดการประชุมดังกล่าวประเทศสิงคโปร์จะจัดให้มีการประชุมสำคัญของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของกลุ่ม G7 และการประชุมที่สำคัญอื่นๆ ควบคู่กับการสัมมนาทางวิชาการ การเผยแพร่ศิลปะและวัฒนธรรมของอาเซียน รวมทั้งการจัด ASEAN Showcase เพื่อดึงดูดนักลงทุนมาสู่ภูมิภาคอาเซียน ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมประชุมและผู้สังเกตการณ์ประมาณ 16,000 คน นอกจากนี้การประชุมประจำปีดังกล่าวนอกจากจะเป็นโอกาสในการดึงดูดนักลงทุนแล้วยังเป็นการจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาในประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งก่อนและหลังการประชุม
2.3 การเตรียมการจัด Roadshow ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน ครั้งที่ 2 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 22 กันยายน 2548 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนแก่นักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุโรป ในการนี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวราเทพฯ)ได้กล่าวรายงานถึงความคืบหน้าในการเตรียมการดังกล่าวในฐานะที่ประเทศไทยเป็นผู้ประสานงานหลัก ในปีนี้ ว่าได้มีการเตรียมการจัด Roadshow ให้เป็นที่น่าสนใจแก่นักลงทุนในภูมิภาคยุโรปเพื่อนำเสนอศักยภาพและโอกาสในการลงทุนในภาคการผลิตที่มีความหลากหลายในประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งมีตลาดรองรับทั้งในอาเซียนเอง และเพื่อการส่งออกไปยังภูมิภาคอื่น รวมทั้งโอกาสการลงทุนในตลาดทุนและตลาดตราสารหนี้ในภูมิภาคอาเซียน และในปีนี้คาดว่าจะมีการจัดทำข้อมูลบริษัทที่น่าลงทุนของสมาชิกอาเซียน เพื่อนำไปแจกแก่นักลงทุนพร้อมกับการเปิดตัวการจัดทำ ASEAN Index ด้วย ซึ่งคาดว่าการจัด Roadshow ครั้งที่ 2 นี้ จะช่วยส่งเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุนในภูมิภาคอาเซียนให้ดีขึ้นรวมทั้งจะสามารถดึงดูดนักลงทุนให้มาลงทุนในภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น
3. การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาซียนครั้งที่ 10 ปี 2549
การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียนครั้งที่ 10 จะจัดขึ้น ในระหว่างวันที่ 5-6 เมษายน 2549 ณ เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 12 เมษายน 2548--จบ--