แท็ก
คณะรัฐมนตรี
คณะรัฐมนตรีอนุมัติการบริจาคเงินได้ที่เป็นดอกเบี้ยจากเงินอุดหนุน International Maritime Organization : IMO ที่จ่ายคืนให้แก่ประเทศสมาชิกภายใต้โครงการจูงใจการชำระเงินอุดหนุน (Contribution Incentive Scheme : CIS ) ในช่วงปี พ.ศ. 2541-2548 ให้แก่กองทุนความร่วมมือทางวิชาการของ IMO เป็นเงิน 8,258.49 ปอนด์สเตอร์ลิง คิดเป็นเงินไทยประมาณ 520,284.87 บาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้กระทรวงคมนาคมขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังเพื่อยกเว้นการนำเงินดังกล่าวไปใช้จ่ายโดยไม่ต้องนำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดินตามมาตรา 24 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. 2502 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ต่อไป
กระทรวงคมนาคมรายงานว่า
1. ในการประชุมสมัชชาสมัยสามัญครั้งที่ 15 ของ IMO เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2530 ที่ประชุมฯ ได้รับรองข้อมติสมัชชาที่ A.629 (15) เรื่องการค้างชำระเงินอุดหนุน ซึ่งได้นำโครงการจูงใจการชำระเงินอุดหนุน (CIS) เพื่อเชิญชวนให้ประเทศสมาชิกชำระเงินอุดหนุนประจำปีให้แก่ IMO โดย IMO จะให้รางวัลจากเงินได้ซึ่งเป็นดอกเบี้ยที่ได้รับจากเงินอุดหนุนมาจัดสรรให้แก่ประเทศสมาชิกตามคะแนนที่ได้รับในปีถัดไปในกรณีมีเงินสดส่วนเกินเพียงพอ
2. ที่ประชุมสมัชชาสมัยสามัญครั้งที่ 25 ของ IMO เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2550 ได้รับรองข้อมติสมัชชาที่ A.993 (25) เรื่องการบริจาคเงินได้ที่เป็นดอกเบี้ยจากเงินอุดหนุน IMO ที่ได้รับภายใต้โครงการจูงใจการชำระเงินอุดหนุน (CIS) ในช่วงปี 2541-2548 ให้แก่กองทุนความร่วมมือทางวิชาการ (Technical Co-operation Fund : TC Fund) ด้วยความสมัครใจ เพื่อนำไปใช้ในโครงการความร่วมมือทางวิชาการเพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนา
3. ในช่วงปี 2531-2540 ประเทศไทยได้รับจัดสรรเงินรางวัลภายใต้โครงการ CIS รวมทั้งสิ้น 7,873.62 ปอนด์สเตอร์ลิง และในช่วงปี 2541-2548 ประเทศไทยจะได้รับรวมทั้งสิ้น 8,258.49 ปอนด์สเตอร์ลิง คิดเป็นเงินไทยประมาณ 520,284.87 บาท
4. คณะกรรมการแห่งชาติเพื่อประสานงานกับองค์การทางทะเลระหว่างประเทศในการประชุมครั้งที่ 3/2550 เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม
พ.ศ. 2550 ได้พิจารณาแล้วเห็นสมควรให้ประเทศไทยบริจาคเงินที่ได้รับจัดสรรจากโครงการ CIS ให้แก่ กองทุนความร่วมมือทางวิชาการ (TC Fund) ทั้งหมด เนื่องจากเห็นว่า IMO จะได้นำเงินดังกล่าวไปใช้ในโครงการความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาเสริมสร้างขีดความสามารถในการปฏิบัติตามมาตรฐานและข้อบังคับภายใต้อนุสัญญาต่าง ๆ ของ IMO ซึ่งประเทศไทยเองในฐานะที่เป็นประเทศกำลังพัฒนาก็จะได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าว นอกจากนี้ ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของประเทศไทยในการให้ความร่วมมือกับ IMO ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกคณะมนตรี IMO อีกด้วย
5. กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้วเห็นด้วยตามมติคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อประสานงานกับองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ ทั้งนี้ การบริจาคเงินดังกล่าวไม่มีผลผูกพันต่องบประมาณประจำปีของประเทศไทยแต่อย่างใด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 กรกฎาคม 2551--จบ--
กระทรวงคมนาคมรายงานว่า
1. ในการประชุมสมัชชาสมัยสามัญครั้งที่ 15 ของ IMO เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2530 ที่ประชุมฯ ได้รับรองข้อมติสมัชชาที่ A.629 (15) เรื่องการค้างชำระเงินอุดหนุน ซึ่งได้นำโครงการจูงใจการชำระเงินอุดหนุน (CIS) เพื่อเชิญชวนให้ประเทศสมาชิกชำระเงินอุดหนุนประจำปีให้แก่ IMO โดย IMO จะให้รางวัลจากเงินได้ซึ่งเป็นดอกเบี้ยที่ได้รับจากเงินอุดหนุนมาจัดสรรให้แก่ประเทศสมาชิกตามคะแนนที่ได้รับในปีถัดไปในกรณีมีเงินสดส่วนเกินเพียงพอ
2. ที่ประชุมสมัชชาสมัยสามัญครั้งที่ 25 ของ IMO เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2550 ได้รับรองข้อมติสมัชชาที่ A.993 (25) เรื่องการบริจาคเงินได้ที่เป็นดอกเบี้ยจากเงินอุดหนุน IMO ที่ได้รับภายใต้โครงการจูงใจการชำระเงินอุดหนุน (CIS) ในช่วงปี 2541-2548 ให้แก่กองทุนความร่วมมือทางวิชาการ (Technical Co-operation Fund : TC Fund) ด้วยความสมัครใจ เพื่อนำไปใช้ในโครงการความร่วมมือทางวิชาการเพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนา
3. ในช่วงปี 2531-2540 ประเทศไทยได้รับจัดสรรเงินรางวัลภายใต้โครงการ CIS รวมทั้งสิ้น 7,873.62 ปอนด์สเตอร์ลิง และในช่วงปี 2541-2548 ประเทศไทยจะได้รับรวมทั้งสิ้น 8,258.49 ปอนด์สเตอร์ลิง คิดเป็นเงินไทยประมาณ 520,284.87 บาท
4. คณะกรรมการแห่งชาติเพื่อประสานงานกับองค์การทางทะเลระหว่างประเทศในการประชุมครั้งที่ 3/2550 เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม
พ.ศ. 2550 ได้พิจารณาแล้วเห็นสมควรให้ประเทศไทยบริจาคเงินที่ได้รับจัดสรรจากโครงการ CIS ให้แก่ กองทุนความร่วมมือทางวิชาการ (TC Fund) ทั้งหมด เนื่องจากเห็นว่า IMO จะได้นำเงินดังกล่าวไปใช้ในโครงการความร่วมมือทางวิชาการ เพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาเสริมสร้างขีดความสามารถในการปฏิบัติตามมาตรฐานและข้อบังคับภายใต้อนุสัญญาต่าง ๆ ของ IMO ซึ่งประเทศไทยเองในฐานะที่เป็นประเทศกำลังพัฒนาก็จะได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าว นอกจากนี้ ยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของประเทศไทยในการให้ความร่วมมือกับ IMO ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกคณะมนตรี IMO อีกด้วย
5. กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้วเห็นด้วยตามมติคณะกรรมการแห่งชาติเพื่อประสานงานกับองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ ทั้งนี้ การบริจาคเงินดังกล่าวไม่มีผลผูกพันต่องบประมาณประจำปีของประเทศไทยแต่อย่างใด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 กรกฎาคม 2551--จบ--