เรื่อง การลงนามในกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียน-เกาหลี
ความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าระหว่างอาเซียน-เกาหลี ความตกลงว่าด้วยกลไกระงับ
ข้อพิพาทของอาเซียน-เกาหลี พิธีสารเพื่อแก้ไขกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือ
ทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดระหว่างอาเซียนและอินเดีย และข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาวิศวกรรม
ของอาเซียน
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่อง การลงนามในกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียน-เกาหลี ความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าระหว่างอาเซียน-เกาหลี ความตกลงว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาทของอาเซียน-เกาหลี พิธีสารเพื่อแก้ไขกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดระหว่างอาเซียนและอินเดีย และข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาวิศวกรรมของอาเซียน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ แล้วมีมติเห็นชอบและอนุมัติดังนี้
1. เห็นชอบกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียน-เกาหลี
2. อนุมัติให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมผู้นำอาเซียน เป็นผู้พิจารณาและลงนามกรอบความตกลงตามข้อ 1 ในช่วงการประชุมดังกล่าวในวันที่ 13 ธันวาคม 2548 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์
3. หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญ หรือแก้ไขสาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในกรอบความตกลงดังกล่าว ให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้
4. เห็นชอบความตกลงว่าด้วยการสินค้าระหว่างอาเซียน-เกาหลี
5. เห็นชอบความตกลงว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาทของอาเซียน-เกาหลี
6. เห็นชอบพิธีสารเพื่อแก้ไขกรอบความตกลงว่าด้วยกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดระหว่างอาเซียนและอินเดีย
7. เห็นชอบข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาวิศวกรรมของอาเซียน
8. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) เป็นผู้พิจารณาและลงนามในความตกลงฯ พิธีสารฯ และข้อตกลงฯ ตามข้อ 4-7 รวม 4 ฉบับ
9. หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญ หรือแก้ไขสาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในกรอบ ความตกลงตามข้อ 4-7 ให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้
10. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ลงนามในความตกลงฯ พิธีสารฯ และข้อตกลงดังกล่าวตามข้อ 4-7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนาม และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงว่า ประเทศมาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 11 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้องระหว่างวันที่ 6-14 ธันวาคม 2548 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งในการประชุม ครั้งนี้จะมีการลงนามความตกลง พิธีสาร และข้อตกลงต่างๆ โดยผู้นำอาเซียนและรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน โดยมีสาระสำคัญของความตกลง พิธีสาร และข้อตกลงโดยสรุปดังนี้
1. กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียน-เกาหลี (ผู้นำอาเซียนเป็นผู้ลงนาม)
- มีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับและเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างกลุ่มประเทศภาคี ให้มีการเปิดเสรีอย่างก้าวหน้าและส่งเสริมการค้าสินค้าและการค้าบริการ รวมถึงสร้างนโยบายการลงทุนที่โปร่งใส โดยโครงการความร่วมมือที่ประเทศสมาชิกจะริเริ่มและดำเนินการจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน
- การลดและยกเลิกภาษีและกฎระเบียบอื่นที่จำกัดการค้า จะต้องครอบคลุมการค้าสินค้าที่มากพอระหว่างกลุ่มประเทศภาคีตามที่กำหนดไว้ในข้อกำหนด ตารางและแผนการลดภาษีในความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้า และให้มีการจัดตั้งคณะเจรจาการค้าอาเซียน-เกาหลี และคณะกรรมการดำเนินงานตามกรอบความตกลงด้วย
- กรอบความตกลงฯ จะครอบคลุมภาคผนวกในเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้า ความตกลงว่าด้วยการค้าบริการ ความตกลงว่าด้วยการลงทุน ความตกลงว่าด้วยกลไกการระงับข้อพิพาท และความตกลงอื่นที่ตกลงร่วมกันอย่างเป็นเอกฉันท์และสรุปผลโดยกลุ่มประเทศภาคีภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลี
2. ความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าระหว่างอาเซียน-เกาหลี (รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนเป็นผู้ลงนาม) สาระสำคัญในข้อบทของความตกลงฯ ที่สามารถตกลงกันได้แล้วมีดังนี้
1. ประเทศภาคีจะลด/ยกเลิกภาษีศุลกากร โดยใช้อัตราภาษีที่เก็บจริงและแบ่งสินค้าออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มลดภาษีปกติ และกลุ่มสินค้าอ่อนไหว ทั้งนี้ประเทศภาคีอาจขอแก้ไขหรือถอนข้อผูกพันใด ๆ ที่ได้กระทำไว้ ภายใต้ความตกลงนี้โดยการเจรจาและการตกลงกับประเทศภาคีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่ได้ให้ข้อผูกพันไว้ภายใต้ความตกลงนี้ได้
2. ประเทศภาคีจะต้องไม่มีข้อห้ามหรือข้อจำกัดด้านปริมาณใด ๆ กับการนำเข้าสินค้าของภาคีอื่นหรือ การส่งออกสินค้าไปยังเขตแดนของภาคีอื่น เว้นแต่ที่สอดคล้องกับสิทธิและพันธกรณีของประเทศนั้นภายใต้องค์การการค้าโลก หรือบทบัญญัติอื่นในความตกลงนี้
3. ประเทศภาคีสามารถใช้มาตรการปกป้องภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลี หากได้รับผลกระทบจากข้อผูกพัน ทำให้การนำเข้าสินค้าใด ๆ จากประเทศภาคีอื่นเพิ่มขึ้น และก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง หรือคุกคามต่ออุตสาหกรรมภายใน
3. ความตกลงว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาทของอาเซียน-เกาหลี (รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนเป็นผู้ลงนาม)
1. จะใช้ระงับข้อพิพาททุกกรณีที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศภาคีภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียน-เกาหลีและไม่มีผลกระทบต่อสิทธิของประเทศภาคีในการระงับข้อพิพาทภายใต้สนธิสัญญาอื่นที่ประเทศนั้นเป็นภาคี
2. คู่กรณีผู้ฟ้องร้องจะเป็นฝ่ายพิจารณาขอให้มีการจัดตั้งคณะพิจารณาการระงับข้อพิพาท โดยคู่กรณีผู้ถูกฟ้องร้องจะต้องให้โอกาสในการปรึกษาหารือเมื่อคู่กรณีผู้ฟ้องร้องขอในเรื่องใดๆ ที่มีผลกระทบต่อการตีความ การดำเนินงานภายใต้ความตกลงฯ และหากการปรึกษาหารือไม่สามารถระงับข้อพิพาทได้ภายในกำหนด คู่กรณีผู้ฟ้องร้องอาจขอให้จัดตั้งคณะพิจารณาอนุญาโตตุลาการต่อคู่กรณีผู้ถูกฟ้องร้องได้ ทั้งนี้ คู่พิพาทอาจตกลงกันให้ยุติกระบวนการของคณะพิจารณาฯ เมื่อใดก็ได้ก่อนเสนอรายงานขั้นสุดท้าย หากได้ข้อยุติซึ่งพอใจร่วมกัน
3. คณะพิจารณาฯ จะยึดหลักการรายงานบนพื้นฐานของบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องของความตกลงฯ โดยรายงานขั้นสุดท้ายของคณะพิจารณาฯ จะมีผลผูกพันต่อคู่พิพาทและไม่ขึ้นอยู่กับการอุทธรณ์
4. ในกรณีที่ผลตัดสินของคณะพิจารณาฯ ไม่ได้รับการปฏิบัติตามในเวลาอันสมควร ประเทศผู้ชนะคดีสามารถใช้การระงับสิทธิประโยชน์เป็นมาตรการชั่วคราวจนกว่าจะมีการยกเลิกมาตรการที่ไม่สอดคล้องกับความตกลงฯ หรือเมื่อได้บรรลุถึงวิธีแก้ไขซึ่งเป็นที่พอใจร่วมกัน
4. พิธีสารเพื่อแก้ไขกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดระหว่างอาเซียนและอินเดีย (รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนเป็นผู้ลงนาม) มีประเด็นสำคัญดังนี้
1. แก้ไขข้อบทเรื่องการเปิดเสรีสินค้าส่วนแรก (Early Harvest Programme) ซึ่งถูกยกเลิกการดำเนินการ
2. เลื่อนกำหนดการเจรจาความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าออกไปอีก 1 ปี จากวันที่ 30 มิถุนายน 2548 เป็นวันที่ 30 มิถุนายน 2549
3. เลื่อนกำหนดการเริ่มลดภาษีสินค้าภายใต้เขตการค้าเสรีออกไปอีก 1 ปี จากวันที่ 1 มกราคม 2549 เป็นวันที่ 1 มกราคม 2550
4. เปลี่ยนอัตราภาษีเริ่มต้นสำหรับการลดภาษีภายใต้เขตการค้าเสรีจากอัตรา MFN Applied Rate ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2547 เป็นอัตรา MFN Applied Rate ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2548
5. ให้มีการจัดตั้งกลไกการระงับข้อพิพาทภายในวันที่ 30 กันยายน 2549
5. ข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาวิศวกรรมของอาเซียน (รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนเป็นผู้ลงนาม)
หลักการของข้อตกลงฯ คือ การเปิดโอกาสให้วิศวกรที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดสามารถจดทะเบียนเป็นวิศวกรวิชาชีพอาเซียน (ASEAN Chartered Professional Engineer) ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมในประเทศอาเซียนอื่นได้ โดยต้องปฏิบัติงานร่วมกับวิศวกรท้องถิ่นและปฏิบัติตามกฎระเบียบภายในของประเทศนั้น ๆ และวิศวกรที่ต้องการจดทะเบียนดังกล่าว ต้องผ่านการประเมินจากคณะกรรมการกำกับดูแล (Monitoring Committee) ในแต่ละประเทศซึ่งในส่วนของประเทศไทยจะดำเนินการโดยสภาวิศวกร ทั้งนี้ การดำเนินงานในเรื่องนี้ของอาเซียนจะอยู่ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการประสานงานด้านวิศวกรวิชาชีพอาเซียน ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากคณะกรรมการกำกับดูแลของประเทศสมาชิก
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 6 ธันวาคม 2548--จบ--
ความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าระหว่างอาเซียน-เกาหลี ความตกลงว่าด้วยกลไกระงับ
ข้อพิพาทของอาเซียน-เกาหลี พิธีสารเพื่อแก้ไขกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือ
ทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดระหว่างอาเซียนและอินเดีย และข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาวิศวกรรม
ของอาเซียน
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเรื่อง การลงนามในกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียน-เกาหลี ความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าระหว่างอาเซียน-เกาหลี ความตกลงว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาทของอาเซียน-เกาหลี พิธีสารเพื่อแก้ไขกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดระหว่างอาเซียนและอินเดีย และข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาวิศวกรรมของอาเซียน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ แล้วมีมติเห็นชอบและอนุมัติดังนี้
1. เห็นชอบกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียน-เกาหลี
2. อนุมัติให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมผู้นำอาเซียน เป็นผู้พิจารณาและลงนามกรอบความตกลงตามข้อ 1 ในช่วงการประชุมดังกล่าวในวันที่ 13 ธันวาคม 2548 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์
3. หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญ หรือแก้ไขสาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในกรอบความตกลงดังกล่าว ให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้
4. เห็นชอบความตกลงว่าด้วยการสินค้าระหว่างอาเซียน-เกาหลี
5. เห็นชอบความตกลงว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาทของอาเซียน-เกาหลี
6. เห็นชอบพิธีสารเพื่อแก้ไขกรอบความตกลงว่าด้วยกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดระหว่างอาเซียนและอินเดีย
7. เห็นชอบข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาวิศวกรรมของอาเซียน
8. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) เป็นผู้พิจารณาและลงนามในความตกลงฯ พิธีสารฯ และข้อตกลงฯ ตามข้อ 4-7 รวม 4 ฉบับ
9. หากมีการแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญ หรือแก้ไขสาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมในกรอบ ความตกลงตามข้อ 4-7 ให้ผู้ลงนามเป็นผู้ใช้ดุลยพินิจในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีได้
10. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ลงนามในความตกลงฯ พิธีสารฯ และข้อตกลงดังกล่าวตามข้อ 4-7 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ลงนาม และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงว่า ประเทศมาเลเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 11 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้องระหว่างวันที่ 6-14 ธันวาคม 2548 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งในการประชุม ครั้งนี้จะมีการลงนามความตกลง พิธีสาร และข้อตกลงต่างๆ โดยผู้นำอาเซียนและรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน โดยมีสาระสำคัญของความตกลง พิธีสาร และข้อตกลงโดยสรุปดังนี้
1. กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียน-เกาหลี (ผู้นำอาเซียนเป็นผู้ลงนาม)
- มีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับและเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุนระหว่างกลุ่มประเทศภาคี ให้มีการเปิดเสรีอย่างก้าวหน้าและส่งเสริมการค้าสินค้าและการค้าบริการ รวมถึงสร้างนโยบายการลงทุนที่โปร่งใส โดยโครงการความร่วมมือที่ประเทศสมาชิกจะริเริ่มและดำเนินการจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน
- การลดและยกเลิกภาษีและกฎระเบียบอื่นที่จำกัดการค้า จะต้องครอบคลุมการค้าสินค้าที่มากพอระหว่างกลุ่มประเทศภาคีตามที่กำหนดไว้ในข้อกำหนด ตารางและแผนการลดภาษีในความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้า และให้มีการจัดตั้งคณะเจรจาการค้าอาเซียน-เกาหลี และคณะกรรมการดำเนินงานตามกรอบความตกลงด้วย
- กรอบความตกลงฯ จะครอบคลุมภาคผนวกในเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้า ความตกลงว่าด้วยการค้าบริการ ความตกลงว่าด้วยการลงทุน ความตกลงว่าด้วยกลไกการระงับข้อพิพาท และความตกลงอื่นที่ตกลงร่วมกันอย่างเป็นเอกฉันท์และสรุปผลโดยกลุ่มประเทศภาคีภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลี
2. ความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าระหว่างอาเซียน-เกาหลี (รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนเป็นผู้ลงนาม) สาระสำคัญในข้อบทของความตกลงฯ ที่สามารถตกลงกันได้แล้วมีดังนี้
1. ประเทศภาคีจะลด/ยกเลิกภาษีศุลกากร โดยใช้อัตราภาษีที่เก็บจริงและแบ่งสินค้าออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มลดภาษีปกติ และกลุ่มสินค้าอ่อนไหว ทั้งนี้ประเทศภาคีอาจขอแก้ไขหรือถอนข้อผูกพันใด ๆ ที่ได้กระทำไว้ ภายใต้ความตกลงนี้โดยการเจรจาและการตกลงกับประเทศภาคีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดที่ได้ให้ข้อผูกพันไว้ภายใต้ความตกลงนี้ได้
2. ประเทศภาคีจะต้องไม่มีข้อห้ามหรือข้อจำกัดด้านปริมาณใด ๆ กับการนำเข้าสินค้าของภาคีอื่นหรือ การส่งออกสินค้าไปยังเขตแดนของภาคีอื่น เว้นแต่ที่สอดคล้องกับสิทธิและพันธกรณีของประเทศนั้นภายใต้องค์การการค้าโลก หรือบทบัญญัติอื่นในความตกลงนี้
3. ประเทศภาคีสามารถใช้มาตรการปกป้องภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน-เกาหลี หากได้รับผลกระทบจากข้อผูกพัน ทำให้การนำเข้าสินค้าใด ๆ จากประเทศภาคีอื่นเพิ่มขึ้น และก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง หรือคุกคามต่ออุตสาหกรรมภายใน
3. ความตกลงว่าด้วยกลไกระงับข้อพิพาทของอาเซียน-เกาหลี (รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนเป็นผู้ลงนาม)
1. จะใช้ระงับข้อพิพาททุกกรณีที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศภาคีภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอาเซียน-เกาหลีและไม่มีผลกระทบต่อสิทธิของประเทศภาคีในการระงับข้อพิพาทภายใต้สนธิสัญญาอื่นที่ประเทศนั้นเป็นภาคี
2. คู่กรณีผู้ฟ้องร้องจะเป็นฝ่ายพิจารณาขอให้มีการจัดตั้งคณะพิจารณาการระงับข้อพิพาท โดยคู่กรณีผู้ถูกฟ้องร้องจะต้องให้โอกาสในการปรึกษาหารือเมื่อคู่กรณีผู้ฟ้องร้องขอในเรื่องใดๆ ที่มีผลกระทบต่อการตีความ การดำเนินงานภายใต้ความตกลงฯ และหากการปรึกษาหารือไม่สามารถระงับข้อพิพาทได้ภายในกำหนด คู่กรณีผู้ฟ้องร้องอาจขอให้จัดตั้งคณะพิจารณาอนุญาโตตุลาการต่อคู่กรณีผู้ถูกฟ้องร้องได้ ทั้งนี้ คู่พิพาทอาจตกลงกันให้ยุติกระบวนการของคณะพิจารณาฯ เมื่อใดก็ได้ก่อนเสนอรายงานขั้นสุดท้าย หากได้ข้อยุติซึ่งพอใจร่วมกัน
3. คณะพิจารณาฯ จะยึดหลักการรายงานบนพื้นฐานของบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องของความตกลงฯ โดยรายงานขั้นสุดท้ายของคณะพิจารณาฯ จะมีผลผูกพันต่อคู่พิพาทและไม่ขึ้นอยู่กับการอุทธรณ์
4. ในกรณีที่ผลตัดสินของคณะพิจารณาฯ ไม่ได้รับการปฏิบัติตามในเวลาอันสมควร ประเทศผู้ชนะคดีสามารถใช้การระงับสิทธิประโยชน์เป็นมาตรการชั่วคราวจนกว่าจะมีการยกเลิกมาตรการที่ไม่สอดคล้องกับความตกลงฯ หรือเมื่อได้บรรลุถึงวิธีแก้ไขซึ่งเป็นที่พอใจร่วมกัน
4. พิธีสารเพื่อแก้ไขกรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดระหว่างอาเซียนและอินเดีย (รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนเป็นผู้ลงนาม) มีประเด็นสำคัญดังนี้
1. แก้ไขข้อบทเรื่องการเปิดเสรีสินค้าส่วนแรก (Early Harvest Programme) ซึ่งถูกยกเลิกการดำเนินการ
2. เลื่อนกำหนดการเจรจาความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าออกไปอีก 1 ปี จากวันที่ 30 มิถุนายน 2548 เป็นวันที่ 30 มิถุนายน 2549
3. เลื่อนกำหนดการเริ่มลดภาษีสินค้าภายใต้เขตการค้าเสรีออกไปอีก 1 ปี จากวันที่ 1 มกราคม 2549 เป็นวันที่ 1 มกราคม 2550
4. เปลี่ยนอัตราภาษีเริ่มต้นสำหรับการลดภาษีภายใต้เขตการค้าเสรีจากอัตรา MFN Applied Rate ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2547 เป็นอัตรา MFN Applied Rate ณ วันที่ 1 กรกฎาคม 2548
5. ให้มีการจัดตั้งกลไกการระงับข้อพิพาทภายในวันที่ 30 กันยายน 2549
5. ข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาวิศวกรรมของอาเซียน (รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนเป็นผู้ลงนาม)
หลักการของข้อตกลงฯ คือ การเปิดโอกาสให้วิศวกรที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดสามารถจดทะเบียนเป็นวิศวกรวิชาชีพอาเซียน (ASEAN Chartered Professional Engineer) ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมในประเทศอาเซียนอื่นได้ โดยต้องปฏิบัติงานร่วมกับวิศวกรท้องถิ่นและปฏิบัติตามกฎระเบียบภายในของประเทศนั้น ๆ และวิศวกรที่ต้องการจดทะเบียนดังกล่าว ต้องผ่านการประเมินจากคณะกรรมการกำกับดูแล (Monitoring Committee) ในแต่ละประเทศซึ่งในส่วนของประเทศไทยจะดำเนินการโดยสภาวิศวกร ทั้งนี้ การดำเนินงานในเรื่องนี้ของอาเซียนจะอยู่ภายใต้การดูแลของคณะกรรมการประสานงานด้านวิศวกรวิชาชีพอาเซียน ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากคณะกรรมการกำกับดูแลของประเทศสมาชิก
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 6 ธันวาคม 2548--จบ--