คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบธรณีภัยพิบัติใน 6จังหวัดภาคใต้ ว่า สามารถนำเงินบริจาคหรือมูลค่าของทรัพย์สินที่บริจาคไปหักเป็นค่าลดหย่อนภาษีหรือไปหักเป็นรายจ่ายในการเสียภาษีได้ดังต่อไปนี้
1. กรณีบุคคลธรรมดา
(1) บุคคลธรรมดาบริจาคเงินให้แก่สถานพยาบาลและสถานศึกษาของทางราชการและเอกชน หรือให้แก่องค์กร หรือสถานสาธารณกุศลตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา หรือให้แก่ส่วนราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย หรือภัยธรรมชาติ บุคคลธรรมดาสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้เท่าจำนวนเงินที่บริจาค แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินที่เหลือจากการคำนวณเงินได้พึงประเมินที่ได้หักค่าใช้จ่ายและหักค่าลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่รับเงินบริจาคออกหนังสือรับรองหรือใบเสร็จรับเงินระบุข้อความที่มีสาระสำคัญว่า “เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติภัยใน 6 จังหวัดภาคใต้”
(2) บุคคลธรรมดาบริจาคเงินให้แก่หน่วยงานตาม (1) โดยบริจาคผ่านทางบัญชีธนาคารให้แก่ธนาคารหรือเอกชนใดเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติใน 6 จังหวัดภาคใต้ บุคคลธรรมดาสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้เท่าจำนวนเงินที่บริจาค แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินที่เหลือจากการคำนวณเงินได้พึงประเมินที่ได้หักค่าใช้จ่ายและหักค่าลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว ทั้งนี้ ให้บุคคลธรรมดาที่บริจาคเงินเก็บหลักฐานใบนำฝากหรือใบรับชั่วคราวเพื่อให้ธนาคารหรือเอกชนส่งผ่านไปยังหน่วยราชการที่รับเงินบริจาคดังกล่าวเป็นผู้ออกหนังสือรับรองหรือใบเสร็จรับเงินระบุข้อความที่มีสาระสำคัญว่า “เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติภัยใน 6 จังหวัดภาคใต้”
2. กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
2.1 การบริจาค
(1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลบริจาคเงินเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์สามารถหักเป็นรายจ่ายในการเสียภาษีได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
(2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลบริจาคทรัพย์สินเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ สามารถหักเป็นรายจ่ายในการเสียภาษีได้ไม่เกินมูลค่าต้นทุนที่เหลืออยู่ของทรัพย์สินนั้น ทั้งนี้ รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ให้หักเป็นรายจ่ายได้เท่าที่ได้จ่ายจริงแต่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
(3) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลบริจาคสินค้าเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ สามารถหักเป็นรายจ่ายในการเสียภาษีได้ไม่เกินมูลค่าต้นทุนของสินค้านั้น ทั้งนี้ รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ให้หักเป็นรายจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
2.2 กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลบริจาคให้แก่สถานพยาบาลหรือสถานศึกษาของทางราชการและสถานพยาบาลหรือสถานศึกษาของทางเอกชน หรือให้แก่องค์การ หรือสถานสาธารณกุศลตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา หรือให้แก่ส่วนราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย หรือภัยธรรมชาติ ให้หน่วยงานที่รับเงินบริจาคออกหนังสือรับรองหรือใบเสร็จรับเงินระบุข้อความที่มีสาระสำคัญว่า “เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติภัยใน 6 จังหวัดภาคใต้”
2.3 กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลบริจาคผ่านทางบัญชีธนาคารให้แก่ธนาคารหรือเอกชน ซึ่งธนาคารหรือเอกชนนั้นต้องนำเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคทั้งหมดไปช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติโดยตรง โดยธนาคารหรือเอกชนนั้นต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งดำเนินการในลักษณะเป็นสื่อกลางในการรับบริจาคอย่างเปิดเผย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติภัย ทั้งนี้ ธนาคารหรือเอกชนผู้รับบริจาคต้องจัดส่งเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้ให้แก่กรมสรรพากรภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2548สำเนาบัญชีการรับเงินบริจาค ซึ่งต้องแยกออกจากบัญชีการดำเนินงานตามปกติ สำเนาบัญชีแสดงรายการจ่ายค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติสำเนารายชื่อผู้บริจาคสำเนาใบนำฝากหรือใบรับเงินชั่วคราวที่ออกให้แก่ผู้บริจาค
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 11 มกราคม 2548--จบ--
1. กรณีบุคคลธรรมดา
(1) บุคคลธรรมดาบริจาคเงินให้แก่สถานพยาบาลและสถานศึกษาของทางราชการและเอกชน หรือให้แก่องค์กร หรือสถานสาธารณกุศลตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา หรือให้แก่ส่วนราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย หรือภัยธรรมชาติ บุคคลธรรมดาสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้เท่าจำนวนเงินที่บริจาค แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินที่เหลือจากการคำนวณเงินได้พึงประเมินที่ได้หักค่าใช้จ่ายและหักค่าลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว ทั้งนี้ ให้หน่วยงานที่รับเงินบริจาคออกหนังสือรับรองหรือใบเสร็จรับเงินระบุข้อความที่มีสาระสำคัญว่า “เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติภัยใน 6 จังหวัดภาคใต้”
(2) บุคคลธรรมดาบริจาคเงินให้แก่หน่วยงานตาม (1) โดยบริจาคผ่านทางบัญชีธนาคารให้แก่ธนาคารหรือเอกชนใดเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติใน 6 จังหวัดภาคใต้ บุคคลธรรมดาสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้เท่าจำนวนเงินที่บริจาค แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินที่เหลือจากการคำนวณเงินได้พึงประเมินที่ได้หักค่าใช้จ่ายและหักค่าลดหย่อนอื่น ๆ แล้ว ทั้งนี้ ให้บุคคลธรรมดาที่บริจาคเงินเก็บหลักฐานใบนำฝากหรือใบรับชั่วคราวเพื่อให้ธนาคารหรือเอกชนส่งผ่านไปยังหน่วยราชการที่รับเงินบริจาคดังกล่าวเป็นผู้ออกหนังสือรับรองหรือใบเสร็จรับเงินระบุข้อความที่มีสาระสำคัญว่า “เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติภัยใน 6 จังหวัดภาคใต้”
2. กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
2.1 การบริจาค
(1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลบริจาคเงินเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์สามารถหักเป็นรายจ่ายในการเสียภาษีได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
(2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลบริจาคทรัพย์สินเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ สามารถหักเป็นรายจ่ายในการเสียภาษีได้ไม่เกินมูลค่าต้นทุนที่เหลืออยู่ของทรัพย์สินนั้น ทั้งนี้ รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ให้หักเป็นรายจ่ายได้เท่าที่ได้จ่ายจริงแต่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
(3) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลบริจาคสินค้าเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ สามารถหักเป็นรายจ่ายในการเสียภาษีได้ไม่เกินมูลค่าต้นทุนของสินค้านั้น ทั้งนี้ รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ให้หักเป็นรายจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ
2.2 กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลบริจาคให้แก่สถานพยาบาลหรือสถานศึกษาของทางราชการและสถานพยาบาลหรือสถานศึกษาของทางเอกชน หรือให้แก่องค์การ หรือสถานสาธารณกุศลตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา หรือให้แก่ส่วนราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย อัคคีภัย หรือภัยธรรมชาติ ให้หน่วยงานที่รับเงินบริจาคออกหนังสือรับรองหรือใบเสร็จรับเงินระบุข้อความที่มีสาระสำคัญว่า “เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติภัยใน 6 จังหวัดภาคใต้”
2.3 กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลบริจาคผ่านทางบัญชีธนาคารให้แก่ธนาคารหรือเอกชน ซึ่งธนาคารหรือเอกชนนั้นต้องนำเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับบริจาคทั้งหมดไปช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติโดยตรง โดยธนาคารหรือเอกชนนั้นต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งดำเนินการในลักษณะเป็นสื่อกลางในการรับบริจาคอย่างเปิดเผย เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติภัย ทั้งนี้ ธนาคารหรือเอกชนผู้รับบริจาคต้องจัดส่งเอกสารหลักฐานดังต่อไปนี้ให้แก่กรมสรรพากรภายในวันที่ 31 พฤษภาคม 2548สำเนาบัญชีการรับเงินบริจาค ซึ่งต้องแยกออกจากบัญชีการดำเนินงานตามปกติ สำเนาบัญชีแสดงรายการจ่ายค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือผู้ประสบธรณีพิบัติสำเนารายชื่อผู้บริจาคสำเนาใบนำฝากหรือใบรับเงินชั่วคราวที่ออกให้แก่ผู้บริจาค
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 11 มกราคม 2548--จบ--