คณะรัฐมนตรีรับทราบเรื่องการทำลายลำไยอบแห้งปี 2545 ตามที่คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เสนอ ดังนี้
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2548 เรื่อง การเจรจาจำหน่ายลำไยอบแห้ง ปี 2546 — 2547 ให้กระทรวงพาณิชย์ชะลอการเจรจาจำหน่ายลำไยอบแห้งเพื่อแลกเปลี่ยนกับรถจักรดีเซลไฟฟ้าจากจีน โดยให้กระทรวงกลาโหมไปเจรจากับจีนเพื่อจัดหายุทโธปกรณ์โดยแลกเปลี่ยนกับลำไยอบแห้ง ปี 2546 — 2547 แทน สำหรับลำไยอบแห้ง ปี 2545 ให้ทำลายทั้งหมด นั้น คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร รายงานว่า เพื่อพิจารณาดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว คชก. ได้มีมติเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2548 ให้มีคณะอนุกรรมการทำลายลำไยอบแห้งปี 2545 โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นอนุกรรมการและมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ คชก. ประสานหารือสำนักนายกรัฐมนตรี กรมบัญชีกลาง และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีปฏิบัติในการทำลายลำไยอบแห้ง แล้วรายงานประธานกรรมการ คชก. ทราบต่อไป ทั้งนี้ ฝ่ายเลขานุการ คชก. ได้รายงานผลการหารือร่วมกับผู้แทนกรมบัญชีกลาง และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีปฏิบัติในการทำลายลำไยอบแห้ง ปี 2545 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2548 สรุปได้ดังนี้
1. การทำลายลำไยอบแห้งปี 2545 ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมตินั้น องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) สามารถใช้ระเบียบเกี่ยวกับการพัสดุของแต่ละหน่วยงานที่ได้กำหนดไว้แล้ว หรือประยุกต์ใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรรีว่าด้วยการพัสดุเพื่อดำเนินการทำลายได้ โดยปกติเมื่อเกิดความเสียหายกับทรัพย์สินของทางราชการ อคส.และ อ.ต.ก. จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดชอบทางแพ่งตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ซึ่งสามารถดำเนินการควบคู่ไปกับการทำลายได้ โดยให้มีการประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงไว้ด้วย ทั้งนี้ การทำลายดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามมติของคณะรัฐมนตรี เนื่องจากลำไยอบแห้งได้มีคุณภาพเสื่อมตามสภาพการจัดเก็บมาเป็นเวลานานกว่า 30 เดือนแล้ว
2. เนื่องจากในการดำเนินการรับจำนำลำไยอบแห้ง ปี 2545 ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เข้าร่วมโครงการที่กระทำการทุจริตรวม 10 ราย ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการของพนักงานสอบสวน 8 ราย และอยู่ระหว่างการดำเนินการของ ป.ป.ช. 2 ราย หากพนักงานสอบสวนได้มีการบันทึกข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานไว้จบสิ้นกระบวนการแล้ว การทำลายลำไยอบแห้งก็จะไม่กระทบต่อกระบวนการสอบสวน เนื่องจากไม่เป็นการทำลายพยานหลักฐานแต่ประการใด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 8 มีนาคม 2548--จบ--
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2548 เรื่อง การเจรจาจำหน่ายลำไยอบแห้ง ปี 2546 — 2547 ให้กระทรวงพาณิชย์ชะลอการเจรจาจำหน่ายลำไยอบแห้งเพื่อแลกเปลี่ยนกับรถจักรดีเซลไฟฟ้าจากจีน โดยให้กระทรวงกลาโหมไปเจรจากับจีนเพื่อจัดหายุทโธปกรณ์โดยแลกเปลี่ยนกับลำไยอบแห้ง ปี 2546 — 2547 แทน สำหรับลำไยอบแห้ง ปี 2545 ให้ทำลายทั้งหมด นั้น คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร รายงานว่า เพื่อพิจารณาดำเนินการตามนัยมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว คชก. ได้มีมติเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2548 ให้มีคณะอนุกรรมการทำลายลำไยอบแห้งปี 2545 โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นอนุกรรมการและมอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการ คชก. ประสานหารือสำนักนายกรัฐมนตรี กรมบัญชีกลาง และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีปฏิบัติในการทำลายลำไยอบแห้ง แล้วรายงานประธานกรรมการ คชก. ทราบต่อไป ทั้งนี้ ฝ่ายเลขานุการ คชก. ได้รายงานผลการหารือร่วมกับผู้แทนกรมบัญชีกลาง และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีปฏิบัติในการทำลายลำไยอบแห้ง ปี 2545 เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2548 สรุปได้ดังนี้
1. การทำลายลำไยอบแห้งปี 2545 ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมตินั้น องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) สามารถใช้ระเบียบเกี่ยวกับการพัสดุของแต่ละหน่วยงานที่ได้กำหนดไว้แล้ว หรือประยุกต์ใช้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรรีว่าด้วยการพัสดุเพื่อดำเนินการทำลายได้ โดยปกติเมื่อเกิดความเสียหายกับทรัพย์สินของทางราชการ อคส.และ อ.ต.ก. จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดชอบทางแพ่งตามกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ซึ่งสามารถดำเนินการควบคู่ไปกับการทำลายได้ โดยให้มีการประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงไว้ด้วย ทั้งนี้ การทำลายดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามมติของคณะรัฐมนตรี เนื่องจากลำไยอบแห้งได้มีคุณภาพเสื่อมตามสภาพการจัดเก็บมาเป็นเวลานานกว่า 30 เดือนแล้ว
2. เนื่องจากในการดำเนินการรับจำนำลำไยอบแห้ง ปี 2545 ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เข้าร่วมโครงการที่กระทำการทุจริตรวม 10 ราย ขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการของพนักงานสอบสวน 8 ราย และอยู่ระหว่างการดำเนินการของ ป.ป.ช. 2 ราย หากพนักงานสอบสวนได้มีการบันทึกข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานไว้จบสิ้นกระบวนการแล้ว การทำลายลำไยอบแห้งก็จะไม่กระทบต่อกระบวนการสอบสวน เนื่องจากไม่เป็นการทำลายพยานหลักฐานแต่ประการใด
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 8 มีนาคม 2548--จบ--