คณะรัฐมนตรีอนุมัติในหลักการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับ UNEP (United Nations Environment Programme) จัดทำโครงการ Environment Office House และ Ecocity ในประเทศไทย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ร่วมกันจัดทำรายละเอียดของโครงการดังกล่าว โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และสำนักงบประมาณ และประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีคณะที่ 2.2 (ฝ่ายการเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายจาตุรนต์ ฉายแสง) เป็นประธาน ไปประกอบการพิจารณา ดังนี้
1. การสร้างอาคารตามโครงการ Environment Office House ควรยึดหลักการผู้ใช้เป็นผู้จ่ายในทำนองเดียวกับอาคาร ESCAP โดยฝ่ายไทยจัดหาพื้นที่ให้เช่าในอัตราต่ำ เพื่อเป็นการร่วมดำเนินงานที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนระหว่างประเทศบนพื้นฐานการสร้างความเป็นหุ้นส่วน (Partnership) ที่พึงปฏิบัติระหว่างรัฐบาลไทย และองค์กรระหว่างประเทศที่เหมาะสม
2. ส่วนการคัดเลือกพื้นที่เพื่อทำ Ecocity ควรพิจารณาโดยรอบคอบทั้งในด้านของขนาดและลักษณะของพื้นที่เพื่อให้สามารถเป็นตัวอย่างสะท้อนสภาพชุมชนดั้งเดิมและชุมชนที่ก่อตั้งใหม่ได้ในขณะเดียวกันเพื่อจะเป็นต้นแบบที่ดีได้ต่อไป
3. ทั้งนี้ ควรพิจารณาคัดเลือกวัสดุที่ใช้ในกิจกรรมของเมืองที่จะไม่ก่อให้เกิดมลพิษด้วย
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานว่า Mr. Surendra Shrestha ผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ของโครงการสิ่งแวดล้อมสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme:UNEP) ได้แสดงความประสงค์ที่จะสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นเมืองหลวงด้านสิ่งแวดล้อมของอาเซียน (Environment Capital of ASEAN) ประกอบด้วยโครงการใหม่ที่สำคัญ 2 โครงการ คือ
1. โครงการ Environment Office House มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักและส่งเสริมการสร้างอาคารที่ใช้เทคโนโลยีและวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอาคารหลังนี้จะเป็นที่ตั้งขององค์กรระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อมที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยให้อยู่ในที่เดียวกัน เพื่อส่งเสริมการประสานงานในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. โครงการ Ecocity มีหลักการพื้นฐานมาจากการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาเมืองควบคู่กับการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อยกระดับคุณภาพสังคมในเขตเมือง สอดคล้องกับกรอบความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืนของอาเซียนในเรื่อง สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน (Environmental Sustainable City) ซึ่ง UNEP ได้เสนอให้มีโครงการนำร่องที่ประกอบด้วย Eco-housing ในขั้นต้นจำนวนไม่มาก เพื่อใช้เป็นตัวอย่างสำหรับการนำไปปรับใช้สำหรับโครงการระยะยาวต่อไป
สาระสำคัญของ 2 โครงการ มีดังนี้
1. โครงการ Environment Office House
บทบาทของประเทศไทย UNEP เสนอขอให้ประเทศไทยบริจาคที่ดิน และเงินสมทบเบื้องต้นในการก่อสร้างอาคารซึ่งใช้เทคโนโลยีและวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ข้อเสนอในเบื้องต้นยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณการของพื้นที่ใช้สอย สถานที่ เทคโนโลยี และวัสดุ แต่ได้ให้ตัวอย่างงบประมาณของสำนักงาน IGES ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีพื้นที่อาคารมากกว่า Environment Office House หลังจากได้รับอนุมัติโครงการแล้ว จะมีการทำข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับ UNEP ในภายหลัง โดยจะยึดหลักการเดียวกับการทำข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์การสหประชาชาติสำหรับอาคารของ ESCAP โดยมีหลักการเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างและกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ดังนี้
1.1 จำนวนเงินสมทบในการก่อสร้างไม่ได้กำหนดเป็นเงื่อนไขไว้ในข้อตกลง ขึ้นกับรัฐบาลไทยว่าจะบริจาคหรือไม่ เป็นจำนวนเท่าใด
1.2 กรรมสิทธิ์ในที่ดินจะเป็นของรัฐบาลไทย โดยจะมีการทำสัญญาเช่า และมีการจ่ายค่าเช่า ในส่วนของสิ่งก่อสร้างและอุปกรณ์ต่าง ๆ UNEP จะมอบให้รัฐบาลไทยในกรณีที่ UNEP ไม่ต้องการใช้ที่ดินและสิ่งก่อสร้างในพื้นที่ดังกล่าว
1.3 ค่าบำรุงรักษาทั้งหมด UNEP จะเป็นผู้รับผิดชอบ
บทบาทของ UNEP ได้ให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการสนับสนุนทางการเงิน โดยจะระดมทุนสมทบจากองค์กรต่าง ๆ ด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งมีสำนักงานอยู่ในประเทศไทย
2. โครงการ Ecocity
บทบาทของประเทศไทย การเลือกสรรพื้นที่โครงการนำร่องเพื่อดำเนินการในระยะต้น ซึ่งควรเป็นชุมชนขนาดเล็ก
บทบาทความ UNEP ให้ความช่วยเหลือทางวิชาการและรวมทั้งการสนับสนุนงบประมาณสำหรับโครงการนำร่องและให้คำปรึกษาทางวิชาการเพื่อจัดทำแผนสำหรับการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืนในระยะยาว รวมทั้งการจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อของบประมาณสนับสนุนจากแหล่งทุน เช่น GEF เป็นต้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 1 มีนาคม 2548--จบ--
1. การสร้างอาคารตามโครงการ Environment Office House ควรยึดหลักการผู้ใช้เป็นผู้จ่ายในทำนองเดียวกับอาคาร ESCAP โดยฝ่ายไทยจัดหาพื้นที่ให้เช่าในอัตราต่ำ เพื่อเป็นการร่วมดำเนินงานที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนระหว่างประเทศบนพื้นฐานการสร้างความเป็นหุ้นส่วน (Partnership) ที่พึงปฏิบัติระหว่างรัฐบาลไทย และองค์กรระหว่างประเทศที่เหมาะสม
2. ส่วนการคัดเลือกพื้นที่เพื่อทำ Ecocity ควรพิจารณาโดยรอบคอบทั้งในด้านของขนาดและลักษณะของพื้นที่เพื่อให้สามารถเป็นตัวอย่างสะท้อนสภาพชุมชนดั้งเดิมและชุมชนที่ก่อตั้งใหม่ได้ในขณะเดียวกันเพื่อจะเป็นต้นแบบที่ดีได้ต่อไป
3. ทั้งนี้ ควรพิจารณาคัดเลือกวัสดุที่ใช้ในกิจกรรมของเมืองที่จะไม่ก่อให้เกิดมลพิษด้วย
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รายงานว่า Mr. Surendra Shrestha ผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ของโครงการสิ่งแวดล้อมสหประชาชาติ (United Nations Environment Programme:UNEP) ได้แสดงความประสงค์ที่จะสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นเมืองหลวงด้านสิ่งแวดล้อมของอาเซียน (Environment Capital of ASEAN) ประกอบด้วยโครงการใหม่ที่สำคัญ 2 โครงการ คือ
1. โครงการ Environment Office House มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักและส่งเสริมการสร้างอาคารที่ใช้เทคโนโลยีและวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอาคารหลังนี้จะเป็นที่ตั้งขององค์กรระหว่างประเทศด้านสิ่งแวดล้อมที่ตั้งอยู่ในประเทศไทยให้อยู่ในที่เดียวกัน เพื่อส่งเสริมการประสานงานในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. โครงการ Ecocity มีหลักการพื้นฐานมาจากการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาเมืองควบคู่กับการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อยกระดับคุณภาพสังคมในเขตเมือง สอดคล้องกับกรอบความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืนของอาเซียนในเรื่อง สิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน (Environmental Sustainable City) ซึ่ง UNEP ได้เสนอให้มีโครงการนำร่องที่ประกอบด้วย Eco-housing ในขั้นต้นจำนวนไม่มาก เพื่อใช้เป็นตัวอย่างสำหรับการนำไปปรับใช้สำหรับโครงการระยะยาวต่อไป
สาระสำคัญของ 2 โครงการ มีดังนี้
1. โครงการ Environment Office House
บทบาทของประเทศไทย UNEP เสนอขอให้ประเทศไทยบริจาคที่ดิน และเงินสมทบเบื้องต้นในการก่อสร้างอาคารซึ่งใช้เทคโนโลยีและวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ข้อเสนอในเบื้องต้นยังไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณการของพื้นที่ใช้สอย สถานที่ เทคโนโลยี และวัสดุ แต่ได้ให้ตัวอย่างงบประมาณของสำนักงาน IGES ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีพื้นที่อาคารมากกว่า Environment Office House หลังจากได้รับอนุมัติโครงการแล้ว จะมีการทำข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับ UNEP ในภายหลัง โดยจะยึดหลักการเดียวกับการทำข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์การสหประชาชาติสำหรับอาคารของ ESCAP โดยมีหลักการเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างและกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ดังนี้
1.1 จำนวนเงินสมทบในการก่อสร้างไม่ได้กำหนดเป็นเงื่อนไขไว้ในข้อตกลง ขึ้นกับรัฐบาลไทยว่าจะบริจาคหรือไม่ เป็นจำนวนเท่าใด
1.2 กรรมสิทธิ์ในที่ดินจะเป็นของรัฐบาลไทย โดยจะมีการทำสัญญาเช่า และมีการจ่ายค่าเช่า ในส่วนของสิ่งก่อสร้างและอุปกรณ์ต่าง ๆ UNEP จะมอบให้รัฐบาลไทยในกรณีที่ UNEP ไม่ต้องการใช้ที่ดินและสิ่งก่อสร้างในพื้นที่ดังกล่าว
1.3 ค่าบำรุงรักษาทั้งหมด UNEP จะเป็นผู้รับผิดชอบ
บทบาทของ UNEP ได้ให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการสนับสนุนทางการเงิน โดยจะระดมทุนสมทบจากองค์กรต่าง ๆ ด้านสิ่งแวดล้อมซึ่งมีสำนักงานอยู่ในประเทศไทย
2. โครงการ Ecocity
บทบาทของประเทศไทย การเลือกสรรพื้นที่โครงการนำร่องเพื่อดำเนินการในระยะต้น ซึ่งควรเป็นชุมชนขนาดเล็ก
บทบาทความ UNEP ให้ความช่วยเหลือทางวิชาการและรวมทั้งการสนับสนุนงบประมาณสำหรับโครงการนำร่องและให้คำปรึกษาทางวิชาการเพื่อจัดทำแผนสำหรับการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองที่ยั่งยืนในระยะยาว รวมทั้งการจัดทำข้อเสนอโครงการเพื่อของบประมาณสนับสนุนจากแหล่งทุน เช่น GEF เป็นต้น
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 1 มีนาคม 2548--จบ--