เรื่อง การรักษาเสถียรภาพกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและความก้าวหน้าช่วยเหลือประชาชนโดยใช้น้ำมันราคาถูก
จากโรงกลั่นในบางสาขาอาชีพที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานการรักษาเสถียรภาพกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและความก้าวหน้าช่วยเหลือประชาชนโดยใช้น้ำมันราคาถูกจากโรงกลั่นในบางสาขาอาชีพที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง ดังนี้
1. การรักษาเสถียรภาพกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
1.1 เรื่องเดิม
ครม. เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2551 ได้มีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2551 ที่เห็นชอบมาตรการระยะสั้นในการแก้ไขผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง โดยมอบหมายให้กระทรวงพลังงานรับไปดำเนินการต่อไป ดังนี้
1) เนื่องจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงเดือนมีนาคม 2551 มีรายรับสูงกว่ารายจ่ายอยู่ในระดับ 33 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งในส่วนนี้ เตรียมไว้เพื่อส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลและไบโอดีเซล โดยสามารถนำรายได้จากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาใช้เพื่อบริหาร ซึ่งสามารถชะลอการขึ้นราคาน้ำมันดีเซลได้ 0.40 บาทต่อลิตร ทั้งนี้อยู่ในอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานที่จะดำเนินการได้
2) ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของน้ำมันดีเซลในส่วนที่เก็บไว้สำหรับโครงการระบบขนส่งรางคู่ลง 0.50 บาทต่อลิตร เป็นการชั่วคราวจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2551 ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ในวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (14 มีนาคม 2551) เป็นต้นไป
1.2 ผลการดำเนินงาน
การดำเนินการแก้ไขปัญหาตามข้อ 1.1 เป็นมาตรการชั่วคราวเท่านั้นในการแก้ไขปัญหาผลกระทบราคาน้ำมันแพง โดยการนำเงินทั้ง 2 กองทุนมาชะลอการปรับราคาของน้ำมันดีเซลได้ 0.90 บาทต่อลิตร กล่าวคือ 1) ได้มีการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯสำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลดลง 0.40 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2551 จนถึงปัจจุบัน และ 2) ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของน้ำมันดีเซลในส่วนที่เก็บไว้สำหรับโครงการระบบขนส่งรางคู่ลง 0.50 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2551 จนถึงปัจจุบัน
เนื่องจากในช่วงเดือนเมษายน จนถึงต้นเดือนกรกฎาคม 2551 ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทำให้ ครม.เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 มีมติเห็นชอบนโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน โดยเฉพาะมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพื่อทำให้ราคาขายปลีกไม่เพิ่มขึ้นตามตลาดโลกมากนัก ประกอบกับในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2551 ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวลดลงอีก ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลดลงมาอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ
ในส่วนของกองทุนน้ำมันฯนั้น ปัจจุบันสภาพคล่องสุทธิลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีสภาพคล่องสุทธิลดลงเหลือประมาณวันละ 1.7 ล้านบาท เนื่องจากรายรับจากปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินลดลง ในขณะรายจ่ายเพิ่มขึ้น จากการส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลและน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 มีปริมาณเพิ่มขึ้นตามลำดับ
1.3 มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2551
คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2551 ได้มีมติเห็นชอบ ดังนี้
1) ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 0.40 บาทต่อลิตรกลับไปอยู่ในอัตราเดิมคือจาก -0.30 บาทต่อลิตร เป็น 0.10 บาทต่อลิตร และปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี5 0.20 บาทต่อลิตร จาก -1.50 บาทต่อลิตร เป็น -1.30 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ ได้คำนึงถึงการกำหนดให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วกับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 5 มีส่วนต่างจาก 0.50 บาทต่อลิตร เป็น 0.70 บาทต่อลิตร เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
2) เนื่องจากเงินสนับสนุนโครงการพัฒนาระบบขนส่ง จากเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานนี้เรียกเก็บจากน้ำมันดีเซลและเบนซินในอัตรา 0.50 บาทต่อลิตรนั้น ทางรัฐยังไม่มีนโยบายนำไปใช้จ่ายแต่อย่างใด กบง. จึงเห็นชอบยกเลิกการค่าใช้จ่ายสนับสนุนโครงการพัฒนาระบบขนส่ง จากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และให้โอนอัตราเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในส่วนนี้ทั้งหมดคืนให้แก่กองทุนน้ำมันฯ แต่เนื่องจากในการกำหนดอัตราเงินกองทุนดังกล่าวเป็นอำนาจของ กพช. จึงเห็นควรให้กระทรวงพลังงานนำเสนอต่อ กพช. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
2. ความก้าวหน้าช่วยเหลือประชาชนโดยใช้น้ำมันราคาถูกจากโรงกลั่น
2.1 เรื่องเดิม
ครม. ในการประชุมเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2551 มีมติรับทราบมติของ กบง.เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2551 ที่ได้เห็นชอบแนวทางในการช่วยเหลือกลุ่มต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง โดยพิจาณาการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้
1) ขั้นตอนการเสนอเรื่อง : ให้กลุ่มผู้เดือดร้อนทำหนังสือร้องขอความช่วยเหลือผ่านกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณากลั่นกรองและเสนอความเห็นต่อกระทรวงพลังงาน เพื่อนำเสนอต่อ กบง. พิจารณาต่อไป
2) เกณฑ์การพิจารณา : ผู้ที่สมควรได้รับความช่วยเหลือ ได้แก่ ผู้ประกอบกิจการที่รัฐบาลควบคุมรายได้ และไม่สามารถปรับราคาได้ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันแพงได้ และกลุ่มที่มีรายได้ต่ำ และได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
3) กระบวนการจัดสรร : ต้องแสดงวิธีการจัดสรรน้ำมันให้ชัดเจนว่า น้ำมันราคาถูกจะต้องส่งผ่านไปถึงผู้เดือดร้อนจริง ไม่รั่วไหลไปทางอื่น
2.2. ผลการดำเนินงาน
ปัจจุบันน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ได้รับความช่วยเหลือจากโรงกลั่นน้ำมันในเครือบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) จำนวน 122 ล้านลิตรต่อเดือน เป็นเวลา 6 เดือนนั้น ทางกระทรวงพลังงานโดย กบง. ได้นำมาจัดสรรเพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้เดือดร้อนกลุ่มต่างๆ โดยมีราคาต่ำกว่าราคาน้ำมันดีเซลปกติ 3 บาทต่อลิตร ตามหลักเกณฑ์ตามข้อ 2.1 แล้ว ดังนี้ คือ การจัดสรรให้รถโดยสารของ ขสมก. และรถร่วมไปแล้วจำนวน 30 ล้านลิตรต่อเดือน แล้วยังคงเหลือปริมาณน้ำมันดีเซล หมุนเร็วที่ได้รับความช่วยเหลืออีก 92 ล้านลิตรต่อเดือน ซึ่งสามารถนำมาจัดสรรให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนกลุ่มต่าง ๆ ได้อีก โดยเฉพาะหน่วยงานของรัฐที่มีความเดือดร้อน
2.3 มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2551
กบง. เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2551 ได้มีมติเห็นชอบเรื่องการขอสนับสนุนน้ำมันดีเซลราคาถูก ดังนี้
1) เห็นชอบให้จัดสรรน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ได้รับการช่วยเหลือจากโรงกลั่นโดยมีราคาต่ำกว่าราคาน้ำมันดีเซลปกติ 3 บาทต่อลิตร มาจำหน่ายให้ชาวประมงชายฝั่งจำนวน 15 ล้านลิตรต่อเดือน (แทนการจัดหาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในราคาต่ำกว่าราคาดีเซลปกติ 2 บาทต่อลิตรโดยใช้กองทุนน้ำมันฯ เป็นตัวบริหารและจัดการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2551) และเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งจำนวน 7 ล้านลิตรต่อเดือน รวมเป็น 22 ล้านลิตรต่อเดือน โดยให้มีมาตรการในการตรวจสอบและควบคุมเป็นไปตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนด
2) เห็นชอบให้มีการขยายหลักเกณฑ์การช่วยเหลือกลุ่มผู้เดือดร้อนต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2551 ให้ครอบคลุมถึงหน่วยงานของรัฐที่มีความเดือดร้อน โดยหน่วยงานของรัฐที่สมควรได้รับความช่วยเหลือ ได้แก่หน่วยงานที่ดำเนินโครงการหรือแผนงานที่เกี่ยวกับการบริการสาธารณะ ซึ่งหากไม่ดำเนินการจะส่งผลกระทบต่อการบริการประชาชนโดยตรง
3) เห็นชอบให้มีการจัดสรรน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ได้รับการช่วยเหลือจากโรงกลั่นให้หน่วยงานของรัฐ คือ กรมขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวีเป็นหน่วยงานนำร่อง เพื่อนำไปใช้ในการขุดลอกร่องน้ำ จำนวนประมาณ 1,500 ลิตรต่อเดือนและหากหน่วยงานราชการอื่นที่ได้รับความเดือดร้อนและมีแผนงานหรือโครงการในลักษณะดังกล่าวข้างต้น สามารถขอรับการสนับสนุนน้ำมันราคาถูกจาก กบง. ได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 5 สิงหาคม 2551--จบ--
จากโรงกลั่นในบางสาขาอาชีพที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานการรักษาเสถียรภาพกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและความก้าวหน้าช่วยเหลือประชาชนโดยใช้น้ำมันราคาถูกจากโรงกลั่นในบางสาขาอาชีพที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง ดังนี้
1. การรักษาเสถียรภาพกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
1.1 เรื่องเดิม
ครม. เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2551 ได้มีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2551 ที่เห็นชอบมาตรการระยะสั้นในการแก้ไขผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง โดยมอบหมายให้กระทรวงพลังงานรับไปดำเนินการต่อไป ดังนี้
1) เนื่องจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงเดือนมีนาคม 2551 มีรายรับสูงกว่ารายจ่ายอยู่ในระดับ 33 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งในส่วนนี้ เตรียมไว้เพื่อส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลและไบโอดีเซล โดยสามารถนำรายได้จากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาใช้เพื่อบริหาร ซึ่งสามารถชะลอการขึ้นราคาน้ำมันดีเซลได้ 0.40 บาทต่อลิตร ทั้งนี้อยู่ในอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานที่จะดำเนินการได้
2) ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของน้ำมันดีเซลในส่วนที่เก็บไว้สำหรับโครงการระบบขนส่งรางคู่ลง 0.50 บาทต่อลิตร เป็นการชั่วคราวจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2551 ทั้งนี้ ให้มีผลบังคับใช้ในวันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (14 มีนาคม 2551) เป็นต้นไป
1.2 ผลการดำเนินงาน
การดำเนินการแก้ไขปัญหาตามข้อ 1.1 เป็นมาตรการชั่วคราวเท่านั้นในการแก้ไขปัญหาผลกระทบราคาน้ำมันแพง โดยการนำเงินทั้ง 2 กองทุนมาชะลอการปรับราคาของน้ำมันดีเซลได้ 0.90 บาทต่อลิตร กล่าวคือ 1) ได้มีการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯสำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลดลง 0.40 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 13 มีนาคม 2551 จนถึงปัจจุบัน และ 2) ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานของน้ำมันดีเซลในส่วนที่เก็บไว้สำหรับโครงการระบบขนส่งรางคู่ลง 0.50 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2551 จนถึงปัจจุบัน
เนื่องจากในช่วงเดือนเมษายน จนถึงต้นเดือนกรกฎาคม 2551 ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนทำให้ ครม.เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 มีมติเห็นชอบนโยบาย 6 มาตรการ 6 เดือนฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคน โดยเฉพาะมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันเพื่อทำให้ราคาขายปลีกไม่เพิ่มขึ้นตามตลาดโลกมากนัก ประกอบกับในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม 2551 ราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ปรับตัวลดลงอีก ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลดลงมาอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ
ในส่วนของกองทุนน้ำมันฯนั้น ปัจจุบันสภาพคล่องสุทธิลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีสภาพคล่องสุทธิลดลงเหลือประมาณวันละ 1.7 ล้านบาท เนื่องจากรายรับจากปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินลดลง ในขณะรายจ่ายเพิ่มขึ้น จากการส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอลและน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 5 มีปริมาณเพิ่มขึ้นตามลำดับ
1.3 มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2551
คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2551 ได้มีมติเห็นชอบ ดังนี้
1) ปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ของน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว 0.40 บาทต่อลิตรกลับไปอยู่ในอัตราเดิมคือจาก -0.30 บาทต่อลิตร เป็น 0.10 บาทต่อลิตร และปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี5 0.20 บาทต่อลิตร จาก -1.50 บาทต่อลิตร เป็น -1.30 บาทต่อลิตร ทั้งนี้ ได้คำนึงถึงการกำหนดให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็วกับราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 5 มีส่วนต่างจาก 0.50 บาทต่อลิตร เป็น 0.70 บาทต่อลิตร เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน
2) เนื่องจากเงินสนับสนุนโครงการพัฒนาระบบขนส่ง จากเงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานนี้เรียกเก็บจากน้ำมันดีเซลและเบนซินในอัตรา 0.50 บาทต่อลิตรนั้น ทางรัฐยังไม่มีนโยบายนำไปใช้จ่ายแต่อย่างใด กบง. จึงเห็นชอบยกเลิกการค่าใช้จ่ายสนับสนุนโครงการพัฒนาระบบขนส่ง จากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และให้โอนอัตราเงินส่งเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในส่วนนี้ทั้งหมดคืนให้แก่กองทุนน้ำมันฯ แต่เนื่องจากในการกำหนดอัตราเงินกองทุนดังกล่าวเป็นอำนาจของ กพช. จึงเห็นควรให้กระทรวงพลังงานนำเสนอต่อ กพช. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
2. ความก้าวหน้าช่วยเหลือประชาชนโดยใช้น้ำมันราคาถูกจากโรงกลั่น
2.1 เรื่องเดิม
ครม. ในการประชุมเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2551 มีมติรับทราบมติของ กบง.เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2551 ที่ได้เห็นชอบแนวทางในการช่วยเหลือกลุ่มต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง โดยพิจาณาการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้
1) ขั้นตอนการเสนอเรื่อง : ให้กลุ่มผู้เดือดร้อนทำหนังสือร้องขอความช่วยเหลือผ่านกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณากลั่นกรองและเสนอความเห็นต่อกระทรวงพลังงาน เพื่อนำเสนอต่อ กบง. พิจารณาต่อไป
2) เกณฑ์การพิจารณา : ผู้ที่สมควรได้รับความช่วยเหลือ ได้แก่ ผู้ประกอบกิจการที่รัฐบาลควบคุมรายได้ และไม่สามารถปรับราคาได้ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันแพงได้ และกลุ่มที่มีรายได้ต่ำ และได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
3) กระบวนการจัดสรร : ต้องแสดงวิธีการจัดสรรน้ำมันให้ชัดเจนว่า น้ำมันราคาถูกจะต้องส่งผ่านไปถึงผู้เดือดร้อนจริง ไม่รั่วไหลไปทางอื่น
2.2. ผลการดำเนินงาน
ปัจจุบันน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ได้รับความช่วยเหลือจากโรงกลั่นน้ำมันในเครือบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) จำนวน 122 ล้านลิตรต่อเดือน เป็นเวลา 6 เดือนนั้น ทางกระทรวงพลังงานโดย กบง. ได้นำมาจัดสรรเพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้เดือดร้อนกลุ่มต่างๆ โดยมีราคาต่ำกว่าราคาน้ำมันดีเซลปกติ 3 บาทต่อลิตร ตามหลักเกณฑ์ตามข้อ 2.1 แล้ว ดังนี้ คือ การจัดสรรให้รถโดยสารของ ขสมก. และรถร่วมไปแล้วจำนวน 30 ล้านลิตรต่อเดือน แล้วยังคงเหลือปริมาณน้ำมันดีเซล หมุนเร็วที่ได้รับความช่วยเหลืออีก 92 ล้านลิตรต่อเดือน ซึ่งสามารถนำมาจัดสรรให้กับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนกลุ่มต่าง ๆ ได้อีก โดยเฉพาะหน่วยงานของรัฐที่มีความเดือดร้อน
2.3 มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2551
กบง. เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2551 ได้มีมติเห็นชอบเรื่องการขอสนับสนุนน้ำมันดีเซลราคาถูก ดังนี้
1) เห็นชอบให้จัดสรรน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ได้รับการช่วยเหลือจากโรงกลั่นโดยมีราคาต่ำกว่าราคาน้ำมันดีเซลปกติ 3 บาทต่อลิตร มาจำหน่ายให้ชาวประมงชายฝั่งจำนวน 15 ล้านลิตรต่อเดือน (แทนการจัดหาน้ำมันดีเซลหมุนเร็วในราคาต่ำกว่าราคาดีเซลปกติ 2 บาทต่อลิตรโดยใช้กองทุนน้ำมันฯ เป็นตัวบริหารและจัดการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2551) และเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงกุ้งจำนวน 7 ล้านลิตรต่อเดือน รวมเป็น 22 ล้านลิตรต่อเดือน โดยให้มีมาตรการในการตรวจสอบและควบคุมเป็นไปตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำหนด
2) เห็นชอบให้มีการขยายหลักเกณฑ์การช่วยเหลือกลุ่มผู้เดือดร้อนต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพง ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2551 ให้ครอบคลุมถึงหน่วยงานของรัฐที่มีความเดือดร้อน โดยหน่วยงานของรัฐที่สมควรได้รับความช่วยเหลือ ได้แก่หน่วยงานที่ดำเนินโครงการหรือแผนงานที่เกี่ยวกับการบริการสาธารณะ ซึ่งหากไม่ดำเนินการจะส่งผลกระทบต่อการบริการประชาชนโดยตรง
3) เห็นชอบให้มีการจัดสรรน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ได้รับการช่วยเหลือจากโรงกลั่นให้หน่วยงานของรัฐ คือ กรมขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวีเป็นหน่วยงานนำร่อง เพื่อนำไปใช้ในการขุดลอกร่องน้ำ จำนวนประมาณ 1,500 ลิตรต่อเดือนและหากหน่วยงานราชการอื่นที่ได้รับความเดือดร้อนและมีแผนงานหรือโครงการในลักษณะดังกล่าวข้างต้น สามารถขอรับการสนับสนุนน้ำมันราคาถูกจาก กบง. ได้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 5 สิงหาคม 2551--จบ--