1. ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทเชี่ยวชาญเฉพาะ ระดับ 10 (กระทรวงคมนาคม)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้แต่งตั้งนายศรศักดิ์ แสนสมบัติ ผู้อำนวยการสำนัก (วิศวกรโยธา 9) สำนักทางหลวงชนบทที่ 12 กรมทางหลวงชนบท ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางบก (นักวิชาการขนส่ง 10 ชช.) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2550 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
2. แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงสาธารณสุข)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ให้แต่งตั้งนางโฉมสุดา สังขมณี นักวิชาการสาธารณสุข 9 ชช. ด้านวิจัย กรมควบคุมโรค ซึ่งเป็นผู้ที่มีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ และต้องพ้นจากราชการเมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ดำรงตำแหน่ง นักวิชาการสาธารณสุข 10 ชช. ด้านวิจัย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2551 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ และให้ข้าราชการดังกล่าวพ้นจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 เนื่องจากครบเกษียณอายุราชการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
3. การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (กขต.) เพิ่มเติม
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 177/2551 เรื่อง แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้เพิ่มเติม
ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 144/2551 ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2551 แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (กขต.) นั้น
เพื่อให้การดำเนินงานของคณะกรรมการ กขต. สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากขึ้นอาศัยอำนาจตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2551 ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2520 จึงแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้เพิ่มเติม ดังนี้
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กรรมการ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2551 เป็นต้นไป
4. การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอให้แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ดำรงตำแหน่งระดับ 10 จำนวน 3 ราย ดังนี้
1. นายกฤต ไกรจิตติ อธิบดี (นักบริหาร 10) กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ดำรงตำแหน่ง อธิบดี (นักบริหาร 10) กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
2. นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง (เจ้าหน้าที่การทูต 10) สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง อธิบดี (นักบริหาร 10) กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย
3. นายธนาธิป อุปัติศฤงค์ อธิบดี (นักบริหาร 10) กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง (เจ้าหน้าที่การทูต 10) สำนักงานปลัดกระทรวง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
5. แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้แต่งตั้ง นายอภิสิทธิ์ เตชะนิธิสวัสดิ์ นายกสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร แทน นายวันชัย แสงสุขเอี่ยม กรรมการบริหารสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย กรรมการอื่นซึ่งลาออก ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2551 เป็นต้นไป
6. ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 (กระทรวงยุติธรรม)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอให้แต่งตั้งข้าราชการดำรงตำแหน่งระดับ 10 จำนวน 3 ราย ดังนี้
1. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดี (นักบริหาร 9) กรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปดำรงตำแหน่ง เลขาธิการ (นักบริหาร 10) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
2. นายเกษม เยาวรัตน์ รองอธิบดี (นักบริหาร 9) กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ 10) สำนักงานปลัดกระทรวง
3. นายภิญโญ ทองชัย รองอธิบดี (นักบริหาร 9) กรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ 10) สำนักงานปลัดกระทรวง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
7. การรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
คณะรัฐมนตรีอนุมัติเป็นหลักการตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ในการมอบหมายให้รองนายก รัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในกรณีที่ไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 เพิ่มเติมจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2551 อีก 2 คน ตามลำดับ ดังนี้ 1. รองนายก รัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี) 2. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ศึกษาธิการ (นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์)
8. แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายปกศักดิ์ นิลอุบล)
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอการแต่งตั้งนายปกศักดิ์ นิลอุบล เป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
9. การเลื่อนและแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ (นักบริหาร 11)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอให้แต่งตั้ง นายบัณฑูร สุภัควณิช รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ (นักบริหาร 10) ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ (นักบริหาร 11) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
10. แต่งตั้งประธานที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 182 / 2551 เรื่อง แต่งตั้งประธานที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ดังนี้
เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินสามารถดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กฎหมาย และนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงไว้ต่อรัฐสภา เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด จำเป็นต้องอาศัยข้อมูล ความเห็น และหลักวิชาการหลายสาขา รวมทั้งจำเป็นต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ มาช่วยเหลือให้คำแนะนำต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (6) และ (9) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งแต่งตั้ง นายวีรพงษ์ รามางกูร เป็นประธานที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ โดยให้มีหน้าที่ให้คำปรึกษา แนะนำ และเสนอข้อคิดเห็นด้านเศรษฐกิจต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี และอาจเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรี เป็นกรณี ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2551 เป็นต้นไป
11. แต่งตั้งคณะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 183 / 2551 เรื่อง แต่งตั้งคณะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ดังนี้
ตามที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และนโยบายเศรษฐกิจในการบริหารจัดการเศรษฐกิจให้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีความสมดุลและเข้มแข็ง ทั้งในภาคเศรษฐกิจภายในประเทศและต่างประเทศ มีภูมิคุ้มกันต่อความเสี่ยงต่างๆ ที่มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกทั้งด้านการค้าและการลงทุน รวมทั้งการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน นั้น ในการนี้ จำเป็นที่จะต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์เหมาะสม เพื่อให้คำปรึกษาและเสนอแนะข้อคิดเห็นต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชนโดยรวม
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (6) และ (9) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
1. องค์ประกอบ
1.1 นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานที่ปรึกษา
1.2 นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ที่ปรึกษา
1.3 นายคณิต แสงสุพรรณ ที่ปรึกษาและเลขานุการ
1.4 นายปรเมธี วิมลศิริ ที่ปรึกษาและผู้ช่วยเลขานุการ
2. อำนาจหน้าที่
ให้คณะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
2.1 ให้คำปรึกษาและเสนอแนะข้อคิดเห็นในการเร่งรัดการฟื้นฟูเศรษฐกิจตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลและนโยบายเศรษฐกิจ ทั้งด้านการเงินการคลัง สถาบันการเงินและการลงทุน
2.2 ให้คำปรึกษาและเสนอแนะข้อคิดเห็นในการวางแผนแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศในระดับมหภาค
2.3 ให้คำปรึกษาและเสนอแนะข้อคิดเห็นในการกำหนดมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐนำไปปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน
2.4 เชิญผู้ทรงคุณวุฒิหรือเจ้าหน้าที่ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมกับคณะที่ปรึกษา หรือให้ข้อมูลรายละเอียดหรือจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานได้ตามที่เห็นสมควร
2.5 แต่งตั้งคณะอนุที่ปรึกษาหรือคณะทำงาน เพื่อช่วยเหลือปฏิบัติงานได้ตามความจำเป็น
2.6 ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย
3. ให้กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือสนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะที่ปรึกษาตามที่ร้องขอ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2551 เป็นต้นไป
12. การมอบหมายและมอบอำนาจให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี เพิ่มเติม
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 184/2551 เรื่อง การมอบหมายและมอบอำนาจให้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี เพิ่มเติม
ตามที่ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 19/2551 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2551 มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 29/2551 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2551 มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ ไว้แล้ว นั้น
โดยที่ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2551 ความเป็นรัฐมนตรีของ นายจักรภพ เพ็ญแข จึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2551 ตามมาตรา 182 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
เพื่อให้การปฏิบัติราชการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และต่อเนื่อง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 มาตรา 38 มาตรา 41 มาตรา 42 มาตรา 48 และมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงมอบหมายและมอบอำนาจให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายชูศักดิ์ ศิรินิล) สั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีเพิ่มเติม สำหรับส่วนราชการในส่วนที่ 9 ข้อ 8.1 และกำกับ ดูแลรัฐวิสาหกิจในข้อ 8.2 ของคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 19/2551 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2551 และปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการและรองประธานกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีในส่วนที่ 8 ข้อ 8 ของคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 29/2551 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2551 รวมทั้งปฏิบัติหน้าที่ประธาน อ.ก.พ.สำนักนายกรัฐมนตรี สืบเนื่องต่อไปแทนนายจักรภพ เพ็ญแข
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
13. การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 2 คณะ ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทาน
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 172/2551 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและโครงการอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 173/2551 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำแผนการผันน้ำเพื่อเพิ่มน้ำต้นทุนของประเทศ
คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 172/2551 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและโครงการอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ
ตามที่คณะรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2551 ได้มีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทาน เพื่อทำหน้าที่กำหนดและขับเคลื่อนนโยบายการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การขยายพื้นที่ชลประทาน และเพิ่มประสิทธิภาพระบบชลประทานไปสู่การปฏิบัติ นั้น
เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและจังหวัดชัยภูมิเกิดผลเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ คณะรัฐมนตรีจึงแต่งตั้ง “คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและโครงการอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ” ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทาน โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ดังนี้
1. องค์ประกอบ
รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เป็นประธานอนุกรรมการ อนุกรรมการประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง(นายอรรคพล สรสุชาติ) ผู้แทนกองทัพบก
พลเอกนิพัฒน์ บุณยรัตพันธุ์ นายเมธี เอื้ออภิญญกุล นายจเด็จ อินสว่าง โดยมีอธิบดีกรมชลประทาน เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ ผู้อำนวยการสำนักโครงการขนาดใหญ่ กรมชลประทาน และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นอนุกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
2. อำนาจหน้าที่
1. พิจารณาจัดทำแผนดำเนินการและแผนงบประมาณ เสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทาน
2. ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและจังหวัดชัยภูมิให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามแผนดำเนินการที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทาน
3. แต่งตั้งคณะปฏิบัติการ คณะทำงาน บุคคลหรือเจ้าหน้าที่ เพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานได้ตามความจำเป็น
4. ปฏิบัติงานอื่นใดตามที่คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทานมอบหมาย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 173/2551 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำแผนการผันน้ำเพื่อเพิ่มน้ำต้นทุนของประเทศ
ตามที่คณะรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2551 ได้มีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทาน เพื่อทำหน้าที่กำหนดและขับเคลื่อนนโยบายการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การขยายพื้นที่ชลประทาน และเพิ่มประสิทธิภาพระบบชลประทานไปสู่การปฏิบัติ นั้น
เพื่อให้เกิดการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการจัดทำแผนการผันน้ำเพื่อเพิ่มเติมน้ำของประเทศ รวมทั้งการกำหนดมาตรการและโครงการผันน้ำที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละภาค คณะรัฐมนตรีจึงแต่งตั้ง “คณะอนุกรรมการจัดทำแผนการผันน้ำเพื่อเพิ่มน้ำต้นทุนของประเทศ” ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทาน โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ดังนี้
1. องค์ประกอบ
รองนายกรัฐมนตรี (นายสหัส บัณฑิตกุล) เป็นที่ปรึกษาอนุกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานอนุกรรมการ อนุกรรมการประกอบด้วย ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมชลประทาน อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาค ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ
ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย นายเจษฎา แก้วกัลยา นายชัยยุทธ์ สุขศรี นายคำพล พัวพาณิชย์ โดยมี อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ ผู้แทนกรมชลประทาน และผู้แทนกรมทรัพยากรน้ำ เป็นอนุกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
2. อำนาจหน้าที่
1. ทบทวนผลการศึกษาแนวทางการผันน้ำต่าง ๆ ของประเทศ และพิจารณากำหนดทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับการผันน้ำในแต่ละภาค โดยคำนึงถึงความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และลักษณะภูมิประเทศ
2. จัดทำข้อเสนอแนวผันน้ำต่าง ๆ ที่สมควรให้มีการลงทุน รวมทั้งขอบเขตการดำเนินการ ปัจจัย และเงื่อนไขต่างๆ ที่ต้องมีการเตรียมความพร้อมเพื่อการดำเนินการ รวมถึงการกำหนดผู้ร่วมรับผิดชอบโครงการตั้งแต่ต้นจนแล้วเสร็จ และรูปแบบการบริหารจัดการโครงการ
3. แต่งตั้งคณะทำงานหรือบุคคล เพื่อช่วยปฏิบัติงานตามความเหมาะสม
4. ปฏิบัติงานอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทานมอบหมาย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
14. การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหาร 11)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) เสนอให้แต่งตั้งนายนัที เปรมรัศมี รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหาร 10) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่ง ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหาร 11) แทนนายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหาร 11) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะครบเกษียณอายุราชการเมื่อสิ้นปี งบประมาณ พ.ศ. 2551 และต้องพ้นจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ตำแหน่งดังกล่าวว่างลง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 5 สิงหาคม 2551--จบ--
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ให้แต่งตั้งนายศรศักดิ์ แสนสมบัติ ผู้อำนวยการสำนัก (วิศวกรโยธา 9) สำนักทางหลวงชนบทที่ 12 กรมทางหลวงชนบท ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางบก (นักวิชาการขนส่ง 10 ชช.) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2550 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
2. แต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงสาธารณสุข)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ให้แต่งตั้งนางโฉมสุดา สังขมณี นักวิชาการสาธารณสุข 9 ชช. ด้านวิจัย กรมควบคุมโรค ซึ่งเป็นผู้ที่มีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ และต้องพ้นจากราชการเมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ดำรงตำแหน่ง นักวิชาการสาธารณสุข 10 ชช. ด้านวิจัย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2551 ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ และให้ข้าราชการดังกล่าวพ้นจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 เนื่องจากครบเกษียณอายุราชการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
3. การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (กขต.) เพิ่มเติม
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 177/2551 เรื่อง แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้เพิ่มเติม
ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 144/2551 ลงวันที่ 12 มิถุนายน 2551 แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (กขต.) นั้น
เพื่อให้การดำเนินงานของคณะกรรมการ กขต. สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากขึ้นอาศัยอำนาจตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2551 ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2520 จึงแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้เพิ่มเติม ดังนี้
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กรรมการ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม 2551 เป็นต้นไป
4. การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ (กระทรวงการต่างประเทศ)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอให้แต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ดำรงตำแหน่งระดับ 10 จำนวน 3 ราย ดังนี้
1. นายกฤต ไกรจิตติ อธิบดี (นักบริหาร 10) กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ดำรงตำแหน่ง อธิบดี (นักบริหาร 10) กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
2. นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง (เจ้าหน้าที่การทูต 10) สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง อธิบดี (นักบริหาร 10) กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย
3. นายธนาธิป อุปัติศฤงค์ อธิบดี (นักบริหาร 10) กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ดำรงตำแหน่ง เอกอัครราชทูตประจำกระทรวง (เจ้าหน้าที่การทูต 10) สำนักงานปลัดกระทรวง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
5. แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอให้แต่งตั้ง นายอภิสิทธิ์ เตชะนิธิสวัสดิ์ นายกสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร แทน นายวันชัย แสงสุขเอี่ยม กรรมการบริหารสมาคมการประมงนอกน่านน้ำไทย กรรมการอื่นซึ่งลาออก ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2551 เป็นต้นไป
6. ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 (กระทรวงยุติธรรม)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอให้แต่งตั้งข้าราชการดำรงตำแหน่งระดับ 10 จำนวน 3 ราย ดังนี้
1. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดี (นักบริหาร 9) กรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปดำรงตำแหน่ง เลขาธิการ (นักบริหาร 10) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
2. นายเกษม เยาวรัตน์ รองอธิบดี (นักบริหาร 9) กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ 10) สำนักงานปลัดกระทรวง
3. นายภิญโญ ทองชัย รองอธิบดี (นักบริหาร 9) กรมสอบสวนคดีพิเศษ ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการ 10) สำนักงานปลัดกระทรวง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
7. การรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
คณะรัฐมนตรีอนุมัติเป็นหลักการตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ในการมอบหมายให้รองนายก รัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในกรณีที่ไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 เพิ่มเติมจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2551 อีก 2 คน ตามลำดับ ดังนี้ 1. รองนายก รัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี) 2. รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวง ศึกษาธิการ (นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์)
8. แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายปกศักดิ์ นิลอุบล)
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอการแต่งตั้งนายปกศักดิ์ นิลอุบล เป็นข้าราชการการเมืองตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
9. การเลื่อนและแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ (นักบริหาร 11)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอให้แต่งตั้ง นายบัณฑูร สุภัควณิช รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ (นักบริหาร 10) ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ (นักบริหาร 11) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
10. แต่งตั้งประธานที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 182 / 2551 เรื่อง แต่งตั้งประธานที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ดังนี้
เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินสามารถดำเนินการตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย กฎหมาย และนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงไว้ต่อรัฐสภา เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด จำเป็นต้องอาศัยข้อมูล ความเห็น และหลักวิชาการหลายสาขา รวมทั้งจำเป็นต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ มาช่วยเหลือให้คำแนะนำต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (6) และ (9) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งแต่งตั้ง นายวีรพงษ์ รามางกูร เป็นประธานที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ โดยให้มีหน้าที่ให้คำปรึกษา แนะนำ และเสนอข้อคิดเห็นด้านเศรษฐกิจต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี และอาจเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรี เป็นกรณี ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2551 เป็นต้นไป
11. แต่งตั้งคณะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 183 / 2551 เรื่อง แต่งตั้งคณะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ดังนี้
ตามที่รัฐบาลมีนโยบายเร่งด่วนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และนโยบายเศรษฐกิจในการบริหารจัดการเศรษฐกิจให้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มีความสมดุลและเข้มแข็ง ทั้งในภาคเศรษฐกิจภายในประเทศและต่างประเทศ มีภูมิคุ้มกันต่อความเสี่ยงต่างๆ ที่มีความเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจโลกทั้งด้านการค้าและการลงทุน รวมทั้งการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน นั้น ในการนี้ จำเป็นที่จะต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์เหมาะสม เพื่อให้คำปรึกษาและเสนอแนะข้อคิดเห็นต่อนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชนโดยรวม
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (6) และ (9) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้
1. องค์ประกอบ
1.1 นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานที่ปรึกษา
1.2 นายณรงค์ชัย อัครเศรณี ที่ปรึกษา
1.3 นายคณิต แสงสุพรรณ ที่ปรึกษาและเลขานุการ
1.4 นายปรเมธี วิมลศิริ ที่ปรึกษาและผู้ช่วยเลขานุการ
2. อำนาจหน้าที่
ให้คณะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
2.1 ให้คำปรึกษาและเสนอแนะข้อคิดเห็นในการเร่งรัดการฟื้นฟูเศรษฐกิจตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลและนโยบายเศรษฐกิจ ทั้งด้านการเงินการคลัง สถาบันการเงินและการลงทุน
2.2 ให้คำปรึกษาและเสนอแนะข้อคิดเห็นในการวางแผนแนวทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศในระดับมหภาค
2.3 ให้คำปรึกษาและเสนอแนะข้อคิดเห็นในการกำหนดมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐนำไปปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน
2.4 เชิญผู้ทรงคุณวุฒิหรือเจ้าหน้าที่ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุมกับคณะที่ปรึกษา หรือให้ข้อมูลรายละเอียดหรือจัดทำเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานได้ตามที่เห็นสมควร
2.5 แต่งตั้งคณะอนุที่ปรึกษาหรือคณะทำงาน เพื่อช่วยเหลือปฏิบัติงานได้ตามความจำเป็น
2.6 ปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ตามที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย
3. ให้กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือสนับสนุนการปฏิบัติงานของคณะที่ปรึกษาตามที่ร้องขอ
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม 2551 เป็นต้นไป
12. การมอบหมายและมอบอำนาจให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี เพิ่มเติม
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 184/2551 เรื่อง การมอบหมายและมอบอำนาจให้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี เพิ่มเติม
ตามที่ได้มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 19/2551 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2551 มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 29/2551 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2551 มอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการ ไว้แล้ว นั้น
โดยที่ นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ลาออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2551 ความเป็นรัฐมนตรีของ นายจักรภพ เพ็ญแข จึงสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2551 ตามมาตรา 182 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
เพื่อให้การปฏิบัติราชการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และต่อเนื่อง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 10 มาตรา 38 มาตรา 41 มาตรา 42 มาตรา 48 และมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงมอบหมายและมอบอำนาจให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายชูศักดิ์ ศิรินิล) สั่งและปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีเพิ่มเติม สำหรับส่วนราชการในส่วนที่ 9 ข้อ 8.1 และกำกับ ดูแลรัฐวิสาหกิจในข้อ 8.2 ของคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 19/2551 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2551 และปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการและรองประธานกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายและระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีในส่วนที่ 8 ข้อ 8 ของคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 29/2551 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2551 รวมทั้งปฏิบัติหน้าที่ประธาน อ.ก.พ.สำนักนายกรัฐมนตรี สืบเนื่องต่อไปแทนนายจักรภพ เพ็ญแข
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
13. การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 2 คณะ ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทาน
คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 172/2551 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและโครงการอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ และคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 173/2551 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำแผนการผันน้ำเพื่อเพิ่มน้ำต้นทุนของประเทศ
คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 172/2551 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและโครงการอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ
ตามที่คณะรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2551 ได้มีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทาน เพื่อทำหน้าที่กำหนดและขับเคลื่อนนโยบายการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การขยายพื้นที่ชลประทาน และเพิ่มประสิทธิภาพระบบชลประทานไปสู่การปฏิบัติ นั้น
เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและจังหวัดชัยภูมิเกิดผลเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ คณะรัฐมนตรีจึงแต่งตั้ง “คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและโครงการอ่างเก็บน้ำโปร่งขุนเพชร จังหวัดชัยภูมิ” ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทาน โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ดังนี้
1. องค์ประกอบ
รองนายกรัฐมนตรี (พลตรี สนั่น ขจรประศาสน์) เป็นประธานอนุกรรมการ อนุกรรมการประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง(นายอรรคพล สรสุชาติ) ผู้แทนกองทัพบก
พลเอกนิพัฒน์ บุณยรัตพันธุ์ นายเมธี เอื้ออภิญญกุล นายจเด็จ อินสว่าง โดยมีอธิบดีกรมชลประทาน เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ ผู้อำนวยการสำนักโครงการขนาดใหญ่ กรมชลประทาน และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นอนุกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
2. อำนาจหน้าที่
1. พิจารณาจัดทำแผนดำเนินการและแผนงบประมาณ เสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทาน
2. ดำเนินการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำยมและจังหวัดชัยภูมิให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามแผนดำเนินการที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทาน
3. แต่งตั้งคณะปฏิบัติการ คณะทำงาน บุคคลหรือเจ้าหน้าที่ เพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานได้ตามความจำเป็น
4. ปฏิบัติงานอื่นใดตามที่คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทานมอบหมาย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 173/2551 เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำแผนการผันน้ำเพื่อเพิ่มน้ำต้นทุนของประเทศ
ตามที่คณะรัฐมนตรีในคราวประชุมเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2551 ได้มีมติเห็นชอบแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทาน เพื่อทำหน้าที่กำหนดและขับเคลื่อนนโยบายการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ การขยายพื้นที่ชลประทาน และเพิ่มประสิทธิภาพระบบชลประทานไปสู่การปฏิบัติ นั้น
เพื่อให้เกิดการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการจัดทำแผนการผันน้ำเพื่อเพิ่มเติมน้ำของประเทศ รวมทั้งการกำหนดมาตรการและโครงการผันน้ำที่เหมาะสมที่สุดในแต่ละภาค คณะรัฐมนตรีจึงแต่งตั้ง “คณะอนุกรรมการจัดทำแผนการผันน้ำเพื่อเพิ่มน้ำต้นทุนของประเทศ” ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทาน โดยมีองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ ดังนี้
1. องค์ประกอบ
รองนายกรัฐมนตรี (นายสหัส บัณฑิตกุล) เป็นที่ปรึกษาอนุกรรมการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานอนุกรรมการ อนุกรรมการประกอบด้วย ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมชลประทาน อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ผู้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ผู้ว่าการประปาส่วนภูมิภาค ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ
ผู้แทนกระทรวงมหาดไทย นายเจษฎา แก้วกัลยา นายชัยยุทธ์ สุขศรี นายคำพล พัวพาณิชย์ โดยมี อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เป็นอนุกรรมการและเลขานุการ ผู้แทนกรมชลประทาน และผู้แทนกรมทรัพยากรน้ำ เป็นอนุกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
2. อำนาจหน้าที่
1. ทบทวนผลการศึกษาแนวทางการผันน้ำต่าง ๆ ของประเทศ และพิจารณากำหนดทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับการผันน้ำในแต่ละภาค โดยคำนึงถึงความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และลักษณะภูมิประเทศ
2. จัดทำข้อเสนอแนวผันน้ำต่าง ๆ ที่สมควรให้มีการลงทุน รวมทั้งขอบเขตการดำเนินการ ปัจจัย และเงื่อนไขต่างๆ ที่ต้องมีการเตรียมความพร้อมเพื่อการดำเนินการ รวมถึงการกำหนดผู้ร่วมรับผิดชอบโครงการตั้งแต่ต้นจนแล้วเสร็จ และรูปแบบการบริหารจัดการโครงการ
3. แต่งตั้งคณะทำงานหรือบุคคล เพื่อช่วยปฏิบัติงานตามความเหมาะสม
4. ปฏิบัติงานอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและการชลประทานมอบหมาย
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 เป็นต้นไป
14. การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหาร 11)
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) เสนอให้แต่งตั้งนายนัที เปรมรัศมี รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหาร 10) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ดำรงตำแหน่ง ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหาร 11) แทนนายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหาร 11) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะครบเกษียณอายุราชการเมื่อสิ้นปี งบประมาณ พ.ศ. 2551 และต้องพ้นจากตำแหน่ง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้ตำแหน่งดังกล่าวว่างลง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 5 สิงหาคม 2551--จบ--