คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สรุปสถานการณ์อุทกภัยและการดำเนินการให้ความช่วยเหลือของกระทรวงมหาดไทยในพื้นที่ภาคใต้ ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2548 จนถึงปัจจุบัน(วันที่ 28 พฤศจิกายน 2548) ดังนี้
1. การแจ้งเตือนภัย
สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายผลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้มีวิทยุแจ้งเตือนเกี่ยวกับสภาวะอากาศฝนตกหนักและคลื่นลมแรงจากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงให้จังหวัดภาคใต้ 14 จังหวัด และประจวบคีรีขันธ์ได้ทราบตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2548 และแจ้งเตือนภัยอย่างต่อเนื่อง รวม 6 ฉบับ (ระหว่างวันที่ 16-25 พฤศจิกายน 2548) โดยให้จังหวัดแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ระมัดระวังภัยจากภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งโดยเด็ดขาดและกำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อำเภอ/กิ่งอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จัดเจ้าหน้าที่อยู่ปฏิบัติงานติดตามสถานการณ์เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมงจากเวบไซต์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่เชื่อมโยงกับกรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อตรวจสอบสภาพกลุ่มฝนจากเรดาร์ของกรมอุตุนิยมวิทยาทุกชั่วโมงและสภาพน้ำท่าจากเวบไซต์กรมชลประทานทุกระยะ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบตามแผนป้องกันและบรรเทาอุทกภัยของจังหวัดและอำเภอ/กิ่งอำเภอที่กำหนด รวมทั้งได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตเตรียมพร้อมสนับสนุนให้แก่จังหวัดในพื้นที่
2. สรุปสถานการณ์อุทกภัย (วันที่ 23-28 พฤศจิกายน 2548)
2.1 พื้นที่ประสบภัย รวม 9 จังหวัด 55 อำเภอ 213 ตำบล 1,183 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี สงขลา นราธิวาส พัทลุง ยะลา ตรัง นครศรีธรรมราช ชุมพร และสตูล (โดยเฉพาะที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับความเสียหายมากที่สุด)
2.2 ความเสียหาย
1) ด้านชีวิต ประชาชนเดือดร้อน 91,582 ครัวเรือน 193,326 คน มีผู้เสียชีวิต 7 ราย (จ.นราธิวาส 1 ราย จ.นครศรีธรรมราช 4 ราย จ.พัทลุง 1 ราย จ.สงขลา 1 ราย)
2) ด้านทรัพย์สิน ในเบื้องต้นได้รับรายงานว่า บ้านเรือนราษฎรเสียหาย 304 หลัง ถนน 1,126 สาย สะพาน 55 แห่ง พื้นที่การเกษตรประมาณ 196,960 ไร่ บ่อปลา 61 บ่อ ประมง 7,000 ไร่
2.3 มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 80,281,950 บาท
3. สถานการณ์อุทกภัยปัจจุบัน
3.1 พื้นที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสงขลา นราธิวาส ยะลา สตูล ตรัง นครศรีธรรมราช และชุมพร
3.2 พื้นที่ที่ยังมีสถานการณ์แยกเป็นรายจังหวัด 2 จังหวัด 16 อำเภอ 68 ตำบล 147 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และพัทลุง
1) จังหวัดสุราษฎร์ธานี พื้นที่ประสบภัย 9 อำเภอ 25 ตำบล 106 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอเมือง พุนพิน ท่าฉาง ไชยา ท่าชนะ กาญจนดิษฐ์ ดอนสัก เกาะสมุย และเกาะพงัน สถานการณ์คลี่คลาย โดยมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มบางพื้นที่
สถานการณ์ปัจจุบัน ที่อำเภอเกาะสมุย ยังมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มของถนนสายชุมชนหาดละไม ระดับน้ำท่วมขังสูงประมาณ 0.30 เมตร ระยะทางยาว 100 เมตร และถนนชุมชนบ่อผุด ระดับน้ำท่วมขังสูงประมาณ 0.20 เมตร ระยะทางยาว 300 เมตร
2) จังหวัดพัทลุง พื้นที่ประสบภัย 7 อำเภอ 29 ตำบล 124 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอกงหรา เขาชัยสน บางแก้ว ปากพะยูน เมืองพัทลุง ควนขนุน และป่าบอน
สถานการณ์ปัจจุบัน ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ดังนี้
(1) อำเภอปากพะยูน ระดับน้ำได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ยังคงมีน้ำท่วมขังบางส่วนในพื้นที่ติดทะเลสาบสงขลา ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 — 0.20 เมตร
(2) อำเภอเมืองพัทลุง ระดับน้ำได้ลดลงในทุกตำบลอย่างต่อเนื่อง ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ติดทะเลสาบสงขลา น้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 เมตร
4. การให้ความช่วยเหลือ
4.1 จังหวัดและอำเภอ/กิ่งอำเภอที่ประสบสถานการณ์อุทกภัยได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยขึ้น พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ชุดเฝ้าระวังฯ ติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง และจัดชุดเคลื่อนที่เร็วไว้พร้อมปฏิบัติงาน ทั้งนี้เพื่อให้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ เป็นศูนย์กลางในการประสานการปฏิบัติบูรณาการหน่วยงานต่างๆ เข้าไปดำเนินการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ประสบภัย
4.2 ในพื้นที่ประสบสถานการณ์อุทกภัยรุนแรง ได้ดำเนินการ ดังนี้
1) จังหวัดสงขลา
- จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้แจกจ่ายข้าวกล่อง และน้ำดื่ม ช่วยเหลือผู้ประสบภัย 10,000 ชุด
- อพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงภัยไปอยู่ที่ปลอดภัยและนำกลับเข้าสู่เคหะสถานแล้ว
- ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 สงขลา นำเครื่องจักรกล ซ่อมแซมคอสะพานที่ขาด เพื่อให้สามารถสัญจรไป-มาได้ชั่วคราว
- จังหวัดได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำของเทศบาล ชลประทานและเร่งสูบน้ำในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังอย่างต่อเนื่อง
- โครงการชลประทานจังหวัดสงขลาได้ส่งเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือ รวม 19 เครื่อง แยกเป็นในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ 10 เครื่อง เทศบาลตำบลคอหงส์ 5 เครื่อง เทศบาลตำบลนาทวี 5 เครื่อง เทศบาลตำบลควนลัง 2 เครื่อง และได้ส่งรถขุดแบ็คโฮขุดเปิดคันคลองฝั่งขวาคลองระบายน้ำ ร.1 จำนวน 2 จุด เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 24 พฤศจิกายน 2548 เพื่อเปิดขยายทางระบายน้ำลงคลองอู่ตะเภา ทั้งนี้มีโครงการบรรเทาอุทกภัย เพื่อเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังได้เร็วขึ้น โดยไหลผ่านคลอง ร.3 ร.4 และ ร.5 ซึ่งช่วยระบายน้ำในพื้นที่เขาคอหงส์ และบริเวณคลองอู่ตะเภา ในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่และไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลาได้อย่างรวดเร็ว
2) จังหวัดสุราษฎร์ธานี
- ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 สุราษฎร์ธานี ได้นำรถบรรทุก รถเครน เครื่องมือซ่อมแซมสะพานและถนนที่ชำรุดและจัดเรือท้องแบน 11 ลำ และถุงยังชีพ 2,600 ชุด ไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย
- หน่วยพัฒนาเคลื่อนที่ 46 สุราษฎร์ธานีนำกำลังพล 20 นาย พร้อมรถบรรทุก เรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำ จำนวน 10 เครื่อง ให้การช่วยเหลือ
- อบจ.นำเครื่องจักร จำนวน 4 ชุด พร้อมเจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือ
- จังหวัดได้แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ใกล้ริมฝังแม่น้ำตาปีและคลองอิปันให้ระวังน้ำล้นตลิ่งในระยะ 1-2 วันข้างหน้านี้
- เนื่องจากสภาพอากาศปิด สั่งงดใช้สนามบินเกาะสมุยตั้งแต่วันที่ 24-25 พฤศจิกายน 2548 โดยเปิดใช้บริการได้ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ของวันที่ 26 พฤศจิกายน 2548
- จังหวัด ประสานกับกองทัพเรือ สนับสนุนการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้า บนเกาะเต่า อำเภอเกาะพงัน พร้อมจัดเรือเฝ้าระวังไว้คอยช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่อาจติดค้างอยู่บนเกาะต่าง ๆ บริเวณหมู่เกาะอ่างทอง และได้จัดส่งเครื่องสูบน้ำ จำนวน 10 เครื่อง พร้อมกำลังพลจากจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี และ หน่วยงานอื่น ๆ จำนวน 280 นาย ยานพาหนะและเครื่องมือไปสนับสนุนช่วยเหลือที่อำเภอเกาะสมุยตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2548
3) จังหวัดพัทลุง
- สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แจกถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบภัย ใน 7 อำเภอ จำนวน 31,000 ถุง
- สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยค่ายอภัยบริรักษ์ และหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 43 สนับสนุน เรือท้องแบน จำนวน 27 ลำ
- ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยค่ายอภัยบริรักษ์ และหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 43 สนับสนุน รถบรรทุกจีเอ็มซี บรรเทาความเดือดร้อนในการสัญจรแก่ประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย
4) จังหวัดชุมพร
- จังหวัด/สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อำเภอ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แจกจ่ายถุงยังชีพ จำนวน 2,327 ถุง ข้าวกล่อง จำนวน 2,500 กล่อง น้ำดื่ม จำนวน 3,500 ขวด
- กองร้อย อส.จ.ชุมพร ตชด.41 และศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลภาคใต้ตอนบน จังหวัดชุมพร สนับสนุนเรือท้องแบน จำนวน 4 ลำ เรือยาง จำนวน 2 ลำ
- จังหวัดได้ระดมเจ้าหน้าที่เร่งสำรวจความเสียหายพื้นที่ทางการเกษตร สิ่งก่อสร้าง เพื่อทำการบูรณะซ่อมแซมต่อไป
5) จังหวัดนครศรีธรรมราช
- สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ได้นำเรือท้องแบน 24 ลำ ร่วมกับอำเภอ และอบต. เข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย พร้อมแจกจ่ายข้าวกล่องและเครื่องอุปโภคบริโภค น้ำดื่ม 24,000 ชุด
- กรมชลประทาน นำเครื่องสูบน้ำ จำนวน 10 เครื่อง เร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่เทศบาลนครนครศรีธรรมราช
5. การตรวจสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ของนายกรัฐมนตรี
5.1 เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2548 เวลา 17.30 น. นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาและประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์และแก้ไขปัญหาอุทกภัย ที่เกิดขึ้น ณ โรงแรม เจ บี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยนายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการ ดังนี้
1) เนื่องจากขณะนี้เป็นเพียงต้นฤดูฝนของภาคใต้เท่านั้นซึ่งจะสิ้นสุดหลังกลางเดือนมกราคมไปแล้ว จึงให้กรมชลประทานคอยเฝ้าระวังติดตามสภาวะอากาศอย่างใกล้ชิดและพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำ คลองระบายน้ำ หรือแก้มลิงให้เหมาะสมเพื่อรองรับน้ำได้อย่างพอเพียง
2) ปัญหาคลองระบายน้ำ ร.1 ตามโครงการพระราชดำริ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภาและในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ที่ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ เนื่องจากติดปัญหาการเวนคืนที่ดิน 10 กว่าราย ทำให้ไม่สามารถผันน้ำลงสู่ทะเลสาบสงขลาได้ และน้ำเอ่อล้นตลิ่งท่วมขังบ้านเรือนราษฎรกว่า 2,000 ครัวเรือน นั้น ให้กรมชลประทานร่วมกับจังหวัดสงขลาเร่งชี้แจงเจ้าของที่ดินให้เห็นถึงประโยชน์แก่ส่วนรวม
3) ให้กรมชลประทานสนับสนุนเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 10 เครื่องไปติดตั้งเพื่อเร่งสูบระบายน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชโดยด่วน
4) การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ( CEO ) บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ระดมทรัพยากรเครื่องมืออุปกรณ์เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่าให้ประชาชนเดือดร้อน ซึ่งในภาพรวม ได้กล่าวชมเชยผู้ว่าราชการจังหวัดภาคใต้สามารถใช้ความเป็น CEO ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี
5) เนื่องจากภาคใต้มักประสบอุทกภัยเป็นประจำทุกปี จึงให้ทุกจังหวัดนำบทเรียนที่เกิดขึ้นโดยสำรวจและ MARK ว่าจุดใดที่เป็นปัญหาไว้ เช่น จุดที่ช่องทางระบายน้ำไม่เพียงพอต่อการระบายน้ำ ถนนสายใดของหน่วยใดขวางทางน้ำจำเป็นต้องเจาะช่องระบายน้ำ เพื่อจักได้แก้ไขปัญหาในอนาคต รวมทั้งสำรวจว่าพื้นที่ใดควรสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดกลางหรือขนาดเล็กเพื่อกักเก็บน้ำ ทั้งนี้ให้สำรวจและจัดทำแผนงาน/โครงการเป็นกลุ่มจังหวัดตามสภาพลุ่มน้ำ เสนอให้กระทรวงมหาดไทยที่ได้ตั้งคณะกรรมการไว้แล้ว เพื่อกลั่นกรองความเหมาะสมเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อจะได้สนับสนุนงบประมาณในการแก้ไขปัญหาต่อไป
6) เรื่องระบบการแจ้งเตือนภัย มอบให้ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กรมชลประทาน และกรมอุตุนิยมวิทยา วางระบบแจ้งเตือนภัยที่ชัดเจน สามารถชี้เป้าพื้นที่ที่คาดว่า จะประสบภัยได้ถูกต้อง รวมทั้งขอความร่วมมือสถานีโทรทัศน์ทุกช่องออกตัววิ่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนทราบ นอกเหนือจากการแจ้งเตือนภัยในระดับท้องถิ่นที่ดำเนินการอยู่แล้ว
5.2 ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2548 นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปที่ โรงเรียนบ้านบางแฟบ ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นสถานที่ประสบอุทกภัย เนื่องจากน้ำจากคลอง ร.1 ล้นตลิ่งเอ่อท่วมบ้านเรือนราษฎร พร้อมแจกถุงยังชีพ จำนวน 500 ชุด ให้แก่ผู้ประสบภัย จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเยี่ยมราษฎรที่ประสบอุทกภัยที่มัสยิดบ้านบางม่วง ตำบลฝาละมี อำเภอปากพยูน จังหวัดพัทลุง พร้อมกับมอบถุงยังชีพ จำนวน 500 ชุด ให้แก่ผู้ประสบภัย
6. การตรวจสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2548 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พลอากาศเอก คงศักดิ์ วันทนา) พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจสถานการณ์อุทกภัยที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และได้ประชุมมอบนโยบายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งการระบายน้ำออกจากพื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมขังในบริเวณชุมชนบ้านเฉวงและบ้านบ่อผุด ซึ่งหากไม่มีฝนตกคาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติในวันนี้ (28 พฤศจิกายน 2548) ในการนี้ได้ตรวจสภาพความเสียหายถนนรอบเกาะ รวมทั้งได้มอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัย จำนวน 300 ชุด ที่ชุมชนบ้านเฉวง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ด้วย
อนึ่ง เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2548 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พลอากาศเอก คงศักดิ์ วันทนา) พร้อมด้วยอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายอนุชา โมกขะเวส) และคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมประชาชนที่ประสบภัยหนาวในพื้นที่อำเภอพญาเม็งรายและกิ่งอำเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย พร้อมมอบผ้าห่มกันหนาวให้กับประชาชนที่ประสบภัย จำนวน 3,000 ผืน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 29 พฤศจิกายน 2548--จบ--
1. การแจ้งเตือนภัย
สำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายผลเรือน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้มีวิทยุแจ้งเตือนเกี่ยวกับสภาวะอากาศฝนตกหนักและคลื่นลมแรงจากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงให้จังหวัดภาคใต้ 14 จังหวัด และประจวบคีรีขันธ์ได้ทราบตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน 2548 และแจ้งเตือนภัยอย่างต่อเนื่อง รวม 6 ฉบับ (ระหว่างวันที่ 16-25 พฤศจิกายน 2548) โดยให้จังหวัดแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยให้ระมัดระวังภัยจากภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งโดยเด็ดขาดและกำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง อำเภอ/กิ่งอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จัดเจ้าหน้าที่อยู่ปฏิบัติงานติดตามสถานการณ์เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมงจากเวบไซต์ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยที่เชื่อมโยงกับกรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อตรวจสอบสภาพกลุ่มฝนจากเรดาร์ของกรมอุตุนิยมวิทยาทุกชั่วโมงและสภาพน้ำท่าจากเวบไซต์กรมชลประทานทุกระยะ เพื่อเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่รับผิดชอบตามแผนป้องกันและบรรเทาอุทกภัยของจังหวัดและอำเภอ/กิ่งอำเภอที่กำหนด รวมทั้งได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตเตรียมพร้อมสนับสนุนให้แก่จังหวัดในพื้นที่
2. สรุปสถานการณ์อุทกภัย (วันที่ 23-28 พฤศจิกายน 2548)
2.1 พื้นที่ประสบภัย รวม 9 จังหวัด 55 อำเภอ 213 ตำบล 1,183 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี สงขลา นราธิวาส พัทลุง ยะลา ตรัง นครศรีธรรมราช ชุมพร และสตูล (โดยเฉพาะที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับความเสียหายมากที่สุด)
2.2 ความเสียหาย
1) ด้านชีวิต ประชาชนเดือดร้อน 91,582 ครัวเรือน 193,326 คน มีผู้เสียชีวิต 7 ราย (จ.นราธิวาส 1 ราย จ.นครศรีธรรมราช 4 ราย จ.พัทลุง 1 ราย จ.สงขลา 1 ราย)
2) ด้านทรัพย์สิน ในเบื้องต้นได้รับรายงานว่า บ้านเรือนราษฎรเสียหาย 304 หลัง ถนน 1,126 สาย สะพาน 55 แห่ง พื้นที่การเกษตรประมาณ 196,960 ไร่ บ่อปลา 61 บ่อ ประมง 7,000 ไร่
2.3 มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 80,281,950 บาท
3. สถานการณ์อุทกภัยปัจจุบัน
3.1 พื้นที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสงขลา นราธิวาส ยะลา สตูล ตรัง นครศรีธรรมราช และชุมพร
3.2 พื้นที่ที่ยังมีสถานการณ์แยกเป็นรายจังหวัด 2 จังหวัด 16 อำเภอ 68 ตำบล 147 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และพัทลุง
1) จังหวัดสุราษฎร์ธานี พื้นที่ประสบภัย 9 อำเภอ 25 ตำบล 106 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอเมือง พุนพิน ท่าฉาง ไชยา ท่าชนะ กาญจนดิษฐ์ ดอนสัก เกาะสมุย และเกาะพงัน สถานการณ์คลี่คลาย โดยมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มบางพื้นที่
สถานการณ์ปัจจุบัน ที่อำเภอเกาะสมุย ยังมีน้ำท่วมขังในที่ลุ่มของถนนสายชุมชนหาดละไม ระดับน้ำท่วมขังสูงประมาณ 0.30 เมตร ระยะทางยาว 100 เมตร และถนนชุมชนบ่อผุด ระดับน้ำท่วมขังสูงประมาณ 0.20 เมตร ระยะทางยาว 300 เมตร
2) จังหวัดพัทลุง พื้นที่ประสบภัย 7 อำเภอ 29 ตำบล 124 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอกงหรา เขาชัยสน บางแก้ว ปากพะยูน เมืองพัทลุง ควนขนุน และป่าบอน
สถานการณ์ปัจจุบัน ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ 2 อำเภอ ดังนี้
(1) อำเภอปากพะยูน ระดับน้ำได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง ยังคงมีน้ำท่วมขังบางส่วนในพื้นที่ติดทะเลสาบสงขลา ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10 — 0.20 เมตร
(2) อำเภอเมืองพัทลุง ระดับน้ำได้ลดลงในทุกตำบลอย่างต่อเนื่อง ยังคงมีน้ำท่วมในพื้นที่ติดทะเลสาบสงขลา น้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 เมตร
4. การให้ความช่วยเหลือ
4.1 จังหวัดและอำเภอ/กิ่งอำเภอที่ประสบสถานการณ์อุทกภัยได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยขึ้น พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ชุดเฝ้าระวังฯ ติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง และจัดชุดเคลื่อนที่เร็วไว้พร้อมปฏิบัติงาน ทั้งนี้เพื่อให้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจฯ เป็นศูนย์กลางในการประสานการปฏิบัติบูรณาการหน่วยงานต่างๆ เข้าไปดำเนินการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่ประสบภัย
4.2 ในพื้นที่ประสบสถานการณ์อุทกภัยรุนแรง ได้ดำเนินการ ดังนี้
1) จังหวัดสงขลา
- จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้แจกจ่ายข้าวกล่อง และน้ำดื่ม ช่วยเหลือผู้ประสบภัย 10,000 ชุด
- อพยพประชาชนจากพื้นที่เสี่ยงภัยไปอยู่ที่ปลอดภัยและนำกลับเข้าสู่เคหะสถานแล้ว
- ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 สงขลา นำเครื่องจักรกล ซ่อมแซมคอสะพานที่ขาด เพื่อให้สามารถสัญจรไป-มาได้ชั่วคราว
- จังหวัดได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำของเทศบาล ชลประทานและเร่งสูบน้ำในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังอย่างต่อเนื่อง
- โครงการชลประทานจังหวัดสงขลาได้ส่งเครื่องสูบน้ำเข้าช่วยเหลือ รวม 19 เครื่อง แยกเป็นในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ 10 เครื่อง เทศบาลตำบลคอหงส์ 5 เครื่อง เทศบาลตำบลนาทวี 5 เครื่อง เทศบาลตำบลควนลัง 2 เครื่อง และได้ส่งรถขุดแบ็คโฮขุดเปิดคันคลองฝั่งขวาคลองระบายน้ำ ร.1 จำนวน 2 จุด เมื่อเวลา 15.00 น. ของวันที่ 24 พฤศจิกายน 2548 เพื่อเปิดขยายทางระบายน้ำลงคลองอู่ตะเภา ทั้งนี้มีโครงการบรรเทาอุทกภัย เพื่อเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังได้เร็วขึ้น โดยไหลผ่านคลอง ร.3 ร.4 และ ร.5 ซึ่งช่วยระบายน้ำในพื้นที่เขาคอหงส์ และบริเวณคลองอู่ตะเภา ในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่และไหลลงสู่ทะเลสาบสงขลาได้อย่างรวดเร็ว
2) จังหวัดสุราษฎร์ธานี
- ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 สุราษฎร์ธานี ได้นำรถบรรทุก รถเครน เครื่องมือซ่อมแซมสะพานและถนนที่ชำรุดและจัดเรือท้องแบน 11 ลำ และถุงยังชีพ 2,600 ชุด ไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัย
- หน่วยพัฒนาเคลื่อนที่ 46 สุราษฎร์ธานีนำกำลังพล 20 นาย พร้อมรถบรรทุก เรือท้องแบน เครื่องสูบน้ำ จำนวน 10 เครื่อง ให้การช่วยเหลือ
- อบจ.นำเครื่องจักร จำนวน 4 ชุด พร้อมเจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือ
- จังหวัดได้แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ใกล้ริมฝังแม่น้ำตาปีและคลองอิปันให้ระวังน้ำล้นตลิ่งในระยะ 1-2 วันข้างหน้านี้
- เนื่องจากสภาพอากาศปิด สั่งงดใช้สนามบินเกาะสมุยตั้งแต่วันที่ 24-25 พฤศจิกายน 2548 โดยเปิดใช้บริการได้ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ของวันที่ 26 พฤศจิกายน 2548
- จังหวัด ประสานกับกองทัพเรือ สนับสนุนการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้า บนเกาะเต่า อำเภอเกาะพงัน พร้อมจัดเรือเฝ้าระวังไว้คอยช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่อาจติดค้างอยู่บนเกาะต่าง ๆ บริเวณหมู่เกาะอ่างทอง และได้จัดส่งเครื่องสูบน้ำ จำนวน 10 เครื่อง พร้อมกำลังพลจากจังหวัดทหารบกสุราษฎร์ธานี และ หน่วยงานอื่น ๆ จำนวน 280 นาย ยานพาหนะและเครื่องมือไปสนับสนุนช่วยเหลือที่อำเภอเกาะสมุยตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2548
3) จังหวัดพัทลุง
- สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้แจกถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบภัย ใน 7 อำเภอ จำนวน 31,000 ถุง
- สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด องค์การบริหารส่วนจังหวัด ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยค่ายอภัยบริรักษ์ และหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 43 สนับสนุน เรือท้องแบน จำนวน 27 ลำ
- ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยค่ายอภัยบริรักษ์ และหน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 43 สนับสนุน รถบรรทุกจีเอ็มซี บรรเทาความเดือดร้อนในการสัญจรแก่ประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย
4) จังหวัดชุมพร
- จังหวัด/สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด อำเภอ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แจกจ่ายถุงยังชีพ จำนวน 2,327 ถุง ข้าวกล่อง จำนวน 2,500 กล่อง น้ำดื่ม จำนวน 3,500 ขวด
- กองร้อย อส.จ.ชุมพร ตชด.41 และศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงทะเลภาคใต้ตอนบน จังหวัดชุมพร สนับสนุนเรือท้องแบน จำนวน 4 ลำ เรือยาง จำนวน 2 ลำ
- จังหวัดได้ระดมเจ้าหน้าที่เร่งสำรวจความเสียหายพื้นที่ทางการเกษตร สิ่งก่อสร้าง เพื่อทำการบูรณะซ่อมแซมต่อไป
5) จังหวัดนครศรีธรรมราช
- สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ได้นำเรือท้องแบน 24 ลำ ร่วมกับอำเภอ และอบต. เข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัย พร้อมแจกจ่ายข้าวกล่องและเครื่องอุปโภคบริโภค น้ำดื่ม 24,000 ชุด
- กรมชลประทาน นำเครื่องสูบน้ำ จำนวน 10 เครื่อง เร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่เทศบาลนครนครศรีธรรมราช
5. การตรวจสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ของนายกรัฐมนตรี
5.1 เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2548 เวลา 17.30 น. นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาและประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสงขลา พัทลุง นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์และแก้ไขปัญหาอุทกภัย ที่เกิดขึ้น ณ โรงแรม เจ บี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยนายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการ ดังนี้
1) เนื่องจากขณะนี้เป็นเพียงต้นฤดูฝนของภาคใต้เท่านั้นซึ่งจะสิ้นสุดหลังกลางเดือนมกราคมไปแล้ว จึงให้กรมชลประทานคอยเฝ้าระวังติดตามสภาวะอากาศอย่างใกล้ชิดและพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำ คลองระบายน้ำ หรือแก้มลิงให้เหมาะสมเพื่อรองรับน้ำได้อย่างพอเพียง
2) ปัญหาคลองระบายน้ำ ร.1 ตามโครงการพระราชดำริ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยในลุ่มน้ำคลองอู่ตะเภาและในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ที่ยังไม่แล้วเสร็จสมบูรณ์ เนื่องจากติดปัญหาการเวนคืนที่ดิน 10 กว่าราย ทำให้ไม่สามารถผันน้ำลงสู่ทะเลสาบสงขลาได้ และน้ำเอ่อล้นตลิ่งท่วมขังบ้านเรือนราษฎรกว่า 2,000 ครัวเรือน นั้น ให้กรมชลประทานร่วมกับจังหวัดสงขลาเร่งชี้แจงเจ้าของที่ดินให้เห็นถึงประโยชน์แก่ส่วนรวม
3) ให้กรมชลประทานสนับสนุนเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ 10 เครื่องไปติดตั้งเพื่อเร่งสูบระบายน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่เขตเทศบาลนครนครศรีธรรมราชโดยด่วน
4) การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ( CEO ) บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ระดมทรัพยากรเครื่องมืออุปกรณ์เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่าให้ประชาชนเดือดร้อน ซึ่งในภาพรวม ได้กล่าวชมเชยผู้ว่าราชการจังหวัดภาคใต้สามารถใช้ความเป็น CEO ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี
5) เนื่องจากภาคใต้มักประสบอุทกภัยเป็นประจำทุกปี จึงให้ทุกจังหวัดนำบทเรียนที่เกิดขึ้นโดยสำรวจและ MARK ว่าจุดใดที่เป็นปัญหาไว้ เช่น จุดที่ช่องทางระบายน้ำไม่เพียงพอต่อการระบายน้ำ ถนนสายใดของหน่วยใดขวางทางน้ำจำเป็นต้องเจาะช่องระบายน้ำ เพื่อจักได้แก้ไขปัญหาในอนาคต รวมทั้งสำรวจว่าพื้นที่ใดควรสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดกลางหรือขนาดเล็กเพื่อกักเก็บน้ำ ทั้งนี้ให้สำรวจและจัดทำแผนงาน/โครงการเป็นกลุ่มจังหวัดตามสภาพลุ่มน้ำ เสนอให้กระทรวงมหาดไทยที่ได้ตั้งคณะกรรมการไว้แล้ว เพื่อกลั่นกรองความเหมาะสมเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อจะได้สนับสนุนงบประมาณในการแก้ไขปัญหาต่อไป
6) เรื่องระบบการแจ้งเตือนภัย มอบให้ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กรมชลประทาน และกรมอุตุนิยมวิทยา วางระบบแจ้งเตือนภัยที่ชัดเจน สามารถชี้เป้าพื้นที่ที่คาดว่า จะประสบภัยได้ถูกต้อง รวมทั้งขอความร่วมมือสถานีโทรทัศน์ทุกช่องออกตัววิ่งอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนทราบ นอกเหนือจากการแจ้งเตือนภัยในระดับท้องถิ่นที่ดำเนินการอยู่แล้ว
5.2 ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2548 นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปที่ โรงเรียนบ้านบางแฟบ ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งเป็นสถานที่ประสบอุทกภัย เนื่องจากน้ำจากคลอง ร.1 ล้นตลิ่งเอ่อท่วมบ้านเรือนราษฎร พร้อมแจกถุงยังชีพ จำนวน 500 ชุด ให้แก่ผู้ประสบภัย จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเยี่ยมราษฎรที่ประสบอุทกภัยที่มัสยิดบ้านบางม่วง ตำบลฝาละมี อำเภอปากพยูน จังหวัดพัทลุง พร้อมกับมอบถุงยังชีพ จำนวน 500 ชุด ให้แก่ผู้ประสบภัย
6. การตรวจสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2548 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พลอากาศเอก คงศักดิ์ วันทนา) พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจสถานการณ์อุทกภัยที่อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และได้ประชุมมอบนโยบายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเร่งการระบายน้ำออกจากพื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมขังในบริเวณชุมชนบ้านเฉวงและบ้านบ่อผุด ซึ่งหากไม่มีฝนตกคาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติในวันนี้ (28 พฤศจิกายน 2548) ในการนี้ได้ตรวจสภาพความเสียหายถนนรอบเกาะ รวมทั้งได้มอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบภัย จำนวน 300 ชุด ที่ชุมชนบ้านเฉวง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ด้วย
อนึ่ง เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2548 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พลอากาศเอก คงศักดิ์ วันทนา) พร้อมด้วยอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายอนุชา โมกขะเวส) และคณะ ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมประชาชนที่ประสบภัยหนาวในพื้นที่อำเภอพญาเม็งรายและกิ่งอำเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย พร้อมมอบผ้าห่มกันหนาวให้กับประชาชนที่ประสบภัย จำนวน 3,000 ผืน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 29 พฤศจิกายน 2548--จบ--