คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอดังนี้
1. เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย กำหนดให้ขบวนรถเร็วที่เป็นรถเชิงพาณิชย์และมีการเก็บค่าธรรมเนียมรวม 8 ขบวน ให้ประชาชนสามารถใช้บริการชั้น 3 ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
2. เห็นชอบให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินชดเชยให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 28 ล้านบาท จากเดิมที่ได้รับเดือนละ 41.7 ล้านบาท เป็นจำนวนเดือนละ 69.7 ล้านบาท นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการได้จนสิ้นสุดมาตรการวันที่ 31 มกราคม 2552
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้รับรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2551 เป็นต้นมา ปรากฏว่าได้รับความนิยมและคำชมเชยจากประชาชนเป็นอย่างมาก โดยมีผู้ใช้บริการรถไฟชั้น 3 เชิงสังคมเพิ่มขึ้นจากเดิมวันละประมาณ 90,000 คน เป็น 120,000 คน และเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาในระยะเวลาเดียวกัน มีจำนวนเพิ่มขึ้นในอัตราถึงร้อยละ 30 รวมทั้งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการใช้บริการขบวนรถโดยสารในกลุ่มรถเชิงสังคม ประชาชนไม่สามารถเดินทางจากสถานีต้นทาง (กรุงเทพฯ) ต่อเนื่องไปยังสถานีปลายทางที่เป็นสถานีสุดท้ายในแต่ละเส้นทางได้ (สายเหนือที่สถานีเชียงใหม่ สายใต้ที่สถานีหาดใหญ่ และสายตะวันออกเฉียงเหนือที่สถานีอุบลราชธานี/หนองคาย) ผู้โดยสารที่มีความต้องการใช้บริการให้ถึงปลายทาง ต้องเปลี่ยนถ่ายขบวนรถ ทำให้ไม่ได้รับความสะดวก ดังนั้น เพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยสามารถเดินทางระยะไกลได้ตลอดเส้นทาง การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงเห็นสมควรกำหนดให้ขบวนรถเร็วที่เป็นรถเชิงพาณิชย์และมีการเก็บค่าธรรมเนียม ซึ่งเดินรถระหว่างกรุงเทพฯ - สถานีเชียงใหม่/อุบลราชธานี/หนองคาย และสุไหงโกลก รวม 8 ขบวน ให้ประชาชนสามารถใช้บริการชั้น 3 ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกเหนือจากการให้บริการรถไฟชั้น 3 เชิงสังคมจำนวน 164 ขบวนที่ให้บริการไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2551 แต่โดยที่การดำเนินการเพิ่มบริการรถไฟชั้น 3 ระยะทางไกลอีก 8 ขบวนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายดังกล่าวข้างต้น จะทำให้การรถไฟแห่งประเทศไทยขาดรายได้ค่าโดยสารและค่าธรรมเนียม การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงขอรับการชดเชยเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 28 ล้านบาท จากเดิมที่ได้รับเดือนละ 41.7 ล้านบาท เป็นจำนวนเดือนละ 69.7 ล้านบาท นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการได้จนสิ้นสุดมาตรการวันที่ 31 มกราคม 2552 และขอให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินชดเชยเพิ่มเติมให้การรถไฟแห่งประเทศไทย นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการให้บริการขบวนรถโดยสารระยะทางไกล ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยพร้อมจะดำเนินการได้ทันที
กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว เห็นชอบตามที่การรถไฟแห่งประเทศไทยเสนอ เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าว จะเป็นการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้ได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น สามารถลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อันเป็นไปตามเป้าหมายของ 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคนอย่างแท้จริง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 19 สิงหาคม 2551--จบ--
1. เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทย กำหนดให้ขบวนรถเร็วที่เป็นรถเชิงพาณิชย์และมีการเก็บค่าธรรมเนียมรวม 8 ขบวน ให้ประชาชนสามารถใช้บริการชั้น 3 ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
2. เห็นชอบให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินชดเชยให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 28 ล้านบาท จากเดิมที่ได้รับเดือนละ 41.7 ล้านบาท เป็นจำนวนเดือนละ 69.7 ล้านบาท นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการได้จนสิ้นสุดมาตรการวันที่ 31 มกราคม 2552
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้รับรายงานผลการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2551 เป็นต้นมา ปรากฏว่าได้รับความนิยมและคำชมเชยจากประชาชนเป็นอย่างมาก โดยมีผู้ใช้บริการรถไฟชั้น 3 เชิงสังคมเพิ่มขึ้นจากเดิมวันละประมาณ 90,000 คน เป็น 120,000 คน และเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมาในระยะเวลาเดียวกัน มีจำนวนเพิ่มขึ้นในอัตราถึงร้อยละ 30 รวมทั้งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระยะต่อไป
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการใช้บริการขบวนรถโดยสารในกลุ่มรถเชิงสังคม ประชาชนไม่สามารถเดินทางจากสถานีต้นทาง (กรุงเทพฯ) ต่อเนื่องไปยังสถานีปลายทางที่เป็นสถานีสุดท้ายในแต่ละเส้นทางได้ (สายเหนือที่สถานีเชียงใหม่ สายใต้ที่สถานีหาดใหญ่ และสายตะวันออกเฉียงเหนือที่สถานีอุบลราชธานี/หนองคาย) ผู้โดยสารที่มีความต้องการใช้บริการให้ถึงปลายทาง ต้องเปลี่ยนถ่ายขบวนรถ ทำให้ไม่ได้รับความสะดวก ดังนั้น เพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยสามารถเดินทางระยะไกลได้ตลอดเส้นทาง การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงเห็นสมควรกำหนดให้ขบวนรถเร็วที่เป็นรถเชิงพาณิชย์และมีการเก็บค่าธรรมเนียม ซึ่งเดินรถระหว่างกรุงเทพฯ - สถานีเชียงใหม่/อุบลราชธานี/หนองคาย และสุไหงโกลก รวม 8 ขบวน ให้ประชาชนสามารถใช้บริการชั้น 3 ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นอกเหนือจากการให้บริการรถไฟชั้น 3 เชิงสังคมจำนวน 164 ขบวนที่ให้บริการไปแล้วตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2551 แต่โดยที่การดำเนินการเพิ่มบริการรถไฟชั้น 3 ระยะทางไกลอีก 8 ขบวนโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายดังกล่าวข้างต้น จะทำให้การรถไฟแห่งประเทศไทยขาดรายได้ค่าโดยสารและค่าธรรมเนียม การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงขอรับการชดเชยเพิ่มขึ้นอีกเดือนละ 28 ล้านบาท จากเดิมที่ได้รับเดือนละ 41.7 ล้านบาท เป็นจำนวนเดือนละ 69.7 ล้านบาท นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการได้จนสิ้นสุดมาตรการวันที่ 31 มกราคม 2552 และขอให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงินชดเชยเพิ่มเติมให้การรถไฟแห่งประเทศไทย นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยดำเนินการให้บริการขบวนรถโดยสารระยะทางไกล ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทยพร้อมจะดำเนินการได้ทันที
กระทรวงคมนาคมพิจารณาแล้ว เห็นชอบตามที่การรถไฟแห่งประเทศไทยเสนอ เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าว จะเป็นการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้ได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น สามารถลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อันเป็นไปตามเป้าหมายของ 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยทุกคนอย่างแท้จริง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 19 สิงหาคม 2551--จบ--