คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัย ในห้วงวันที่ 11-18 สิงหาคม 2551 สรุปสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นรวมทั้งผลการปฏิบัติงานช่วยเหลือประชาชน (ข้อมูลถึงวันที่ 18 สิงหาคม 2551) ดังนี้
1. สรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ (ระหว่างวันที่ 11-18 สิงหาคม 2551)
1.1 พื้นที่ประสบภัย รวม 7 จังหวัด 42 อำเภอ 298 ตำบล 2,245 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดน่าน เชียงราย นครพนม สกลนคร หนองคาย เพชรบูรณ์ และมุกดาหาร
1.2 ความเสียหาย
1) ผู้เสียชีวิต 4 คน (จังหวัดนครพนม 1 คน จังหวัดหนองคาย 3 คน) ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 91,669 ครัวเรือน 372,063 คน
2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 988 หลัง ถนน 717 สาย สะพาน 58 แห่ง พื้นที่การเกษตร 100,830 ไร่ สัตว์ปีก 2,454 ตัว ปศุสัตว์ 168 ตัว บ่อปลา/กุ้ง 1,543 บ่อ ทำนบ 36 แห่ง ฝาย 82 แห่ง ท่อระบายน้ำ 309 แห่ง วัด 16 แห่ง โรงเรียน 25 แห่ง สถานที่ราชการ 48 แห่ง
3) มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 223,530,060 บาท
1.3 สถานการณ์ปัจจุบัน ในขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่าน เพชรบูรณ์ และสกลนคร ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย หนองคาย นครพนม และมุกดาหาร ดังนี้
1. จังหวัดเชียงราย ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเอ่อล้นสูงกว่าตลิ่งตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2551 โดยระดับน้ำสูงสุดวัดได้ 10.68 เมตร (ระดับตลิ่ง 11.80 เมตรที่อำเภอเชียงแสน) ประกอบกับมีฝนตกหนักในพื้นที่ทำให้น้ำในลุ่มน้ำอิง ลุ่มน้ำกก และลุ่มน้ำเงา สาขาลุ่มแม่น้ำโขง มีปริมาณมากเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเชียงแสน อำเภอเวียงแก่น และอำเภอเชียงของ ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ของอำเภอเชียงของ 7 ตำบล ได้แก่ ตำบลศรีดอนชัย (หมู่ที่ 10,12,15,16) ตำบลครึ่ง (หมู่ที่ 1-11) ตำบลบุญเรือง (หมู่ที่ 1-10) ตำบลห้วยซ้อ (หมู่ที่ 1-23) ตำบลสถาน (หมู่ที่ 6,8) ตำบลเวียง (หมู่ที่ 9,12) และตำบลริมโขง (หมู่ที่ 2) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.35 ม. คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติใน 2-3 วัน
2. จังหวัดหนองคาย ระดับน้ำในแม่น้ำโขงมีปริมาณสูงเอ่อล้นตลิ่งตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2551 จนถึงปัจจุบัน โดยระดับน้ำสูงสุดวัดได้ 13.60 เมตร (ระดับตลิ่ง 12.20 เมตร) สูงกว่าตลิ่ง 1.40 เมตร เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2551 ประกอบกับมีฝนตกในพื้นที่ ทำให้ลำน้ำสาขาไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร ดังนี้
1) พื้นที่ประสบอุทกภัย ได้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 15 อำเภอ 78 ตำบล 819 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอเมืองหนองคาย อำเภอท่าบ่อ อำเภอศรีเชียงใหม่ อำเภอสังคม อำเภอบึงกาฬ อำเภอโซ่พิสัย อำเภอเซกา อำเภอบึงโขงหลง อำเภอศรีวิไล อำเภอรัตนวาปี อำเภอปากคาด อำเภอโพนพิสัย อำเภอบุ่งคล้า อำเภอเฝ้าไร่ และอำเภอพรเจริญ สำหรับอำเภอที่ได้รับความเสียหายมากได้แก่อำเภอที่อยู่ริมแม่น้ำโขง ได้แก่ อำเภอท่าบ่อ อำเภอศรีเชียงใหม่ อำเภอเมืองฯ อำเภอโพนพิสัย และอำเภอรัตนวาปี
2) ความเสียหายเบื้องต้น
(1) ราษฎรเดือดร้อน 53,843 ครัวเรือน 215,220 คนมี ผู้เสียชีวิต 3 คน คือ ด.ช.สหรัฐ พึ่งบุญลือ อายุ 8 ปี (ราษฎรบ้านตาลชุม อำเภอรัตนวาปี เสียชีวิตเนื่องจากลงเล่นน้ำ) นายไล อุมะมา อายุ 59 ปี (อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ที่ 5 บ้านขุมดำ อำเภอศรีเชียงใหม่ เสียชีวิตเนื่องจากไปหาปลาและจมน้ำเสียชีวิต เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2551) และนางสาวศิริลักษณ์ คำมงคุณ อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 4 ตำบลสีกาย อำเภอเมืองฯ
- ทุกพื้นที่ได้ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติแล้ว
(2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 988 หลัง รีสอร์ต 11 หลัง โรงงาน 1 แห่ง ถนน 226 สาย พื้นที่การเกษตร 128,524 ไร่ บ่อปลา 792 แห่ง บ่อน้ำ 10 แห่ง วัด 10 แห่ง โรงเรียน 7 แห่ง สถานที่ราชการ 7 แห่ง มูลค่าความเสียหาย อยู่ระหว่างการสำรวจ
3) การให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นของ 15 อำเภอ ดังนี้
(1) อำเภอเมืองหนองคาย มีพื้นที่ประสบภัย 16 ตำบล 181 หมู่บ้าน 2,426 ครัวเรือน ได้รับการสนับสนุนเรือท้องแบน 4 ลำ ถุงยังชีพ 1,840 ชุด ยารักษาโรค 966 ชุด กระสอบทราย 1,000 กระสอบ
(2) อำเภอท่าบ่อ มีพื้นที่ประสบภัย 5 ตำบล 41 หมู่บ้าน 2,000 ครัวเรือน ได้รับการสนับสนุนเรือท้องแบน 6 ลำ ถุงยังชีพ 4,173 ชุด น้ำดื่ม 20,500 ลิตร ยารักษาโรค 550 ชุด
(3) อำเภอศรีเชียงใหม่ มีพื้นที่ประสบภัย 4 ตำบล 43 หมู่บ้าน 5,297 ครัวเรือน ได้รับการสนับสนุนเรือท้องแบน 10 ลำ ถุงยังชีพ จำนวน 17,090 ชุด น้ำดื่ม 30,300 ลิตร ยารักษาโรค 4,500 ชุด
(4) อำเภอสังคม มีพื้นที่ประสบภัย 4 ตำบล 17 หมู่บ้าน 983 ครัวเรือน ได้รับการสนับสนุน ถุงยังชีพ 580 ชุด น้ำดื่ม 580 ลิตร ยารักษาโรค 890 ชุด
(5) อำเภอบึงกาฬ มีพื้นที่ประสบภัย 12 ตำบล 116 หมู่บ้าน 8,865 ครัวเรือน ยารักษาโรค 1,071 ชุด
(6) อำเภอโซ่พิสัย มีพื้นที่ประสบภัย 1 ตำบล สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
(7) อำเภอเซกา มีพื้นที่ประสบภัย 9 ตำบล 19 หมู่บ้าน 20,526 ครัวเรือน ได้รับการสนับสนุนสะพานแบร์ลี่ ขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 15 เมตร
(8) อำเภอบึงโขงหลง มีพื้นที่ประสบภัย 36 หมู่บ้าน 2,000 ครัวเรือน ได้รับการสนับสนุนเรือ 2 ลำ และถุงยังชีพ 2,000 ชุด
(9) อำเภอศรีวิไล มีพื้นที่ประสบภัย 2 ตำบล 25 หมู่บ้าน 100 ครัวเรือน ได้รับการสนับสนุนถุงยังชีพ 100 ชุด
(10) อำเภอรัตนวาปี มีพื้นที่ประสบภัย 3 ตำบล 34 หมู่บ้าน 2,000 ครัวเรือน ได้รับสนับสนุนถุงยังชีพ 325 ชุด
(11) อำเภอปากคาด มีพื้นที่ประสบภัย 4 ตำบล 44 หมู่บ้าน 5 หมู่บ้าน 700 ครัวเรือน ได้รับการสนับสนุนถุงยังชีพ 700 ชุด ยารักษาโรค 53 ชุด
(12) อำเภอโพนพิสัย มีพื้นที่ประสบภัย 4 ตำบล 20 หมู่บ้าน 3,000 ครัวเรือน ได้รับการสนับสนุนถุงยังชีพ 2,000 ชุด
(13) อำเภอบุ่งคล้า มีพื้นที่ประสบภัย 2 ตำบล 16 หมู่บ้าน อำเภอกำลังเร่งดำเนินการช่วยเหลือ
(14) อำเภอเฝ้าไร่ มีพื้นที่ประสบภัย 5 ตำบล 32 หมู่บ้าน 5,946 ครัวเรือน อำเภอกำลังเร่งดำเนินการช่วยเหลือ
(15) อำเภอพรเจริญ มีพื้นที่ประสบภัย 7 ตำบล 58 หมู่บ้าน อำเภอกำลังเร่งดำเนินการช่วยเหลือ
4) สรุปการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น
(1) จังหวัดหนองคาย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดหนองคายที่ทำการปกครองอำเภอที่ประสบภัย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงพยาบาลในพื้นที่ เหล่ากาชาดจังหวัด มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 25 หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตหนองคาย แขวงการทาง ทางหลวงชนบทจังหวัด ปศุสัตว์จังหวัด วีอาร์กู้ภัยหนองคาย และมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ได้ส่งเรือท้องแบน (ปภ.)26 ลำ กระสอบทราย 1,000 กระสอบ ถุงยังชีพ 26,008 ชุด รถผลิตน้ำดื่ม (ปภ.) 2 คัน รถบรรทุกน้ำ (ปภ.) 7 คัน รถบรรทุกหกล้อ 5 คัน รถบรรทุกติดตั้งเครน 2 คัน รถบรรทุกสี่ล้อยกสูง (ปภ.) 2 คัน รถบรรทุกยีเอ็มซี 4 คัน เรือเร็ว 3 ลำ ไปช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัย
(2) ปศุสัตว์จังหวัดสนับสนุนหญ้าแห้ง 22,000 กก. กรมชลประทาน ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 12 เครื่อง
อนึ่ง ในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย บริเวณชุมชนจอมมณี หนองบัว สะเงียว มีชัย วัดธาตุ โพธิ์ศรี สระแก้ว วัดธาตุ วังน้อย ชัยพร หายโศก ศรีชุ่มชื่น ศรีสะเกษ-สีเมือง ศรีคูณเมือง-ลำดวน หอก่อง ยอดแก้ว สระแก้ว ป่าหลวง และชุมชนป่าพร้าว ระดับน้ำสูง 0.40-0.80 ม.โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ 3 จุด รวม 12 เครื่อง และวางกระสอบทรายกั้นน้ำบริเวณถนนริมโขง ยาวประมาณ 3 กม.
3. จังหวัดนครพนม ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง และน้ำในแม่น้ำโขงมีปริมาณสูงขึ้นเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร พื้นที่การเกษตรพื้นที่ 5 อำเภอ 18 ตำบล 240 หมู่บ้าน (มีผู้เสียชีวิต 1 คน ที่อำเภอโพนสวรรค์) ได้แก่
1) อำเภอท่าอุเทน น้ำจากแม่น้ำโขงเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลท่าอุเทน (หมู่ที่ 3) ตำบลโนนตาล (หมู่ที่ 10,11) และตำบลชัยบุรี (หมู่ที่ 2) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.60 ม.
2) อำเภอนาทม เกิดฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรใน 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลนาทม ตำบลดอนเตย ตำบลหนองชน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.30 ม.
3) อำเภอศรีสงคราม เกิดฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตรใน 8 ตำบล ได้แก่ ตำบลศรีสงคราม ตำบลนาคำ ตำบลหาดแพง ตำบลโพนสว่าง ตำบลบ้านเอื้อง ตำบลบ้านข่า ตำบลสามผง และตำบลท่าบ่อสงคราม ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 ม.
4) อำเภอบ้านแพง เกิดฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรในตำบลนาเข (หมู่ที่ 1,2,4) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 ม.
5) อำเภอโพนสวรรค์ เกิดฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมใน 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลบ้านค้อ ตำบลโพนจาน และตำบลนาขมิ้น ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.30 ม. มีผู้เสียชีวิต 1 คน คือ นางไซย ปากดี อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 194 หมู่ที่ 17 บ้านห้วยไห ตำบลบ้านค้อ
สำหรับในเขตเทศบาลเมืองนครพนมยังไม่มีสถานการณ์อุทกภัย มีเพียงน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัด อำเภอ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มอบถุงยังชีพ 5,000 ชุด เรือท้องแบน 14 ลำ เหล่ากาชาดจังหวัดสนับสนุนชุดยาเวชภัณฑ์ 2,000 ชุด กรมชลประทานติดตั้งเครื่องสูบน้ำ จำนวน 3 เครื่อง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกไปสำรวจและให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว
4. จังหวัดมุกดาหาร เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ประกอบกับน้ำในแม่น้ำโขงที่ไหลมาจากจังหวัดนครพนมมีปริมาณสูงขึ้น เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ 2 อำเภอ 5 ตำบล 18 หมู่บ้าน ดังนี้
1) อำเภอเมือง มีพื้นที่ประสบภัย 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลทรายใหญ่ (หมู่ที่ 7) และตำบลนาสีนวน (หมู่ที่ 1-5,8,10) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.25-0.40 ม.
2) อำเภอหว้านใหญ่ มีพื้นที่ประสบภัย 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลบางทรายน้อย (1,2,5,9,11) ตำบลชะโนด (หมู่ที่ 3,4) และตำบลหว้านใหญ่ (หมู่ที่2,6,7) มีราษฎรได้รับความเดือดร้อน 61 ครัวเรือน 180 คน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.25-0.40 ม.
การให้ความช่วยเหลือ จังหวัด อำเภอ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมุกดาหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้นำถุงยังชีพ 300 ถุง น้ำดื่ม 1,000 ขวด เรือท้องแบน 3 ลำ ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว
ระดับน้ำในแม่น้ำโขง เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2551 เวลา 06.00 น.
- สถานีอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงรายวัดระดับน้ำได้ 7.25 เมตร (ระดับตลิ่ง 11.80 ม.) ต่ำกว่าตลิ่ง 4.55 ม. มีแนวโน้มลดลง
- สถานีอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย วัดระดับน้ำได้ 14.32 เมตร (ระดับตลิ่ง 17.40 ม.) ต่ำกว่าตลิ่ง 3.08 ม. มีแนวโน้มลดลง
- สถานีอำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย วัดระดับน้ำได้ 12.88 เมตร (ระดับตลิ่ง 12.20 ม.) สูงกว่าตลิ่ง 0.68 ม. มีแนวโน้มลดลง
- สถานีอำเภอเมือง จังหวัดนครพนม วัดระดับน้ำได้ 12.63 เมตร (ระดับตลิ่ง 12.45 ม.) สูงกว่าตลิ่ง 0.18 ม. มีแนวโน้มลดลง
- สถานีอำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร วัดระดับน้ำได้ 12.71 เมตร (ระดับตลิ่ง 12.60 ม.) สูงกว่าตลิ่ง 0.11 ม. มีแนวโน้มลดลง
1.4 การสนับสนุนให้ความช่วยเหลือแก่จังหวัดที่ประสบอุทกภัยของหน่วยงาน
1) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 6 (ขอนแก่น) เขต 7 (สกลนคร) ได้ระดมกำลัง เครื่องจักรกล ยานพาหนะ เครื่องมืออุปกรณ์ และเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯเขตต่าง ๆ เข้าไปช่วยเหลือและฟื้นฟูบูรณะในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย จำนวน 60 คน พร้อมเครื่องจักรกล ยานพาหนะ และเครื่องมืออุปกรณ์ 12 คัน/เครื่อง เรือท้องแบน 43 ลำ สะพานแบร์ลี่ ขนาด 15 เมตร รถผลิตน้ำดื่ม 2 คัน
2) กรมชลประทาน ได้เตรียมความพร้อมเครื่องสูบน้ำเพื่อช่วยเหลืออุทกภัยตามจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ จำนวน 1,200 เครื่อง ปัจจุบันได้ส่งเครื่องสูบน้ำให้การช่วยเหลือในพื้นที่ประสบอุทกภัย ได้แก่ จังหวัดสกลนคร 5 เครื่อง นครพนม 3 เครื่อง เชียงราย 5 เครื่อง และจังหวัดหนองคาย 12 เครื่อง
1.5 สิ่งของพระราชทาน
1) เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2551 มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ นำโดยประธานกรรมการบริหาร (นายดิสธร วัชโรทัย) และเลขาธิการฯ (นายประสงค์ พิฑูรกิจจา) ได้เดินทางไปมอบสิ่งของพระราชทานเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดหนองคาย ที่อำเภอเมืองหนองคาย จำนวน 500 ชุด และอำเภอท่าบ่อ จำนวน 500 ชุด
2) เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2551 มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ นำโดยประธานกรรมการบริหาร (นายดิสธร วัชโรทัย) และคณะฯ เดินทางไปมอบสิ่งของพระราชทานเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ที่อำเภอเชียงแสน 1,000 ชุด และที่อำเภอเชียงของ 1,000 ชุด และเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2551 คณะฯ เดินทางไปมอบสิ่งของพระราชทานเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม 500 ชุด
3) เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2551 มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก นำโดยนายแพทย์ ดำรงเหรียญประยูร และ นายแพทย์พิชิต สุวรรณปกรณ์ รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ได้นำสิ่งของ พระราชทานเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย 1,600 ชุด สำหรับประชาชน และอีกจำนวน 25 ชุด สำหรับพระภิกษุ โดยนำไปมอบให้ที่ อำเภอศรีเชียงใหม่ ตำบลบ้านหม้อ จำนวน 810 ชุด และให้ความช่วยเหลือราษฎรและพระภิกษุสงฆ์ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อำเภอท่าบ่อ ตำบลกองนาง จำนวน 815 ชุด
4) เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2551 พลอากาศเอก ทรงศักดิ์ ตะวันแจ้ง ผู้แทนพระองค์ สมเด็จพระบรม-โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมคณะฯ เดินทางไปมอบสิ่งของพระราชทานเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย 2,000 ชุด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย (นายเจด็จ มุสิกวงศ์) เป็นผู้แทนรับมอบสิ่งของพระราชทาน เพื่อนำไปมอบให้แก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่อไป
1.6 การตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
1) เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2551 รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) ปลัดกระทรวงมหาดไทย (นายพงศ์โพยม วาศภูติ) รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายฉัตรชัย พรหมเลิศ) พร้อมคณะเดินทางไปตรวจสถานการณ์อุทกภัยที่บ้านปงของ หมู่ที่ 5 ตำบลแม่เงิน อำเภอเชียงแสน และบ้านศรีดอนชัย หมู่ที่ 15 ตำบลศรีดอนชัย อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย พร้อมมอบถุงยังชีพ จำนวน 600 ชุด ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย (นายไตรสิทธิ์ สินสมบูรณ์ทอง) รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายกเทศมนตรีนครเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจเยี่ยม
จากนั้นในช่วงเย็นได้เดินทางไปตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัย ที่บ้านพวงพยอม เขตเทศบาลเมืองน่าน จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำประสบอุทกภัยเป็นประจำ (โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน (นายสมพงษ์ อนุยุทธพงศ์) รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นายกเทศมนตรีเมืองน่าน หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจเยี่ยม) ปัจจุบันจังหวัดได้ดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยให้โครงการชลประทานน่าน ติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยะยาวเทศบาลเมืองน่าน ได้ร้องขอรับการสนับสนุนงบประมาณ สร้างเขื่อนริมตลิ่ง เพื่อแก้ไขปัญหาในฤดูน้ำหลาก ทั้งนี้เทศบาลเมืองน่าน ได้ออกแบบการก่อสร้างไว้แล้วภายในวงเงิน 25.9 ล้านบาท ซึ่งจะได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
2) เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2551 รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) ปลัดกระทรวงมหาดไทย (นายพงศ์โพยม วาศภูติ) รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายฉัตรชัย พรหมเลิศ) พร้อมคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย ที่ว่าการอำเภอปัว และที่องค์การบริหารส่วนตำบลศรีภูมิ อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน เพื่อมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบอุทกภัย จำนวน 600 ชุด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน (นายสมพงษ์ อนุยุทธพงศ์) รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นายอำเภอ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับการตรวจเยี่ยม
3) เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2551 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายประสงค์ โฆษิตานนท์) รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายฉัตรชัย พรหมเลิศ) พร้อมคณะฯ เดินทางไปตรวจสถานการณ์อุทกภัย พร้อมกับมอบถุงยังชีพแก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัยในเขตพื้นที่จังหวัดหนองคาย ดังนี้
- ที่บ้านเดื่อ ตำบลบ้านเดื่อ อำเภอเมืองหนองคาย จำนวน 600 ชุด
- ที่วัดกลาง บ้านหนองกุ้งเหนือ ตำบลกุดบง อำเภอโพนพิสัย จำนวน 500 ชุด
- ที่บ้านตาลชุม ตำบลรัตนวาปี อำเภอรัตนวาปี จำนวน 500 ชุด
2. การคาดหมายลักษณะอากาศระหว่างวันที่ 17 - 23 สิงหาคม 2551
2.1 กรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายลักษณะอากาศว่าในช่วงวันที่ 17-18 สิงหาคม 2551 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับในช่วงวันที่ 19-23 สิงหาคม 2551 จะปรากฎร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และจะมีกำลังค่อนข้างแรง ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักเกิดขึ้นได้ส่วนมากในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงขอให้ประชาชนที่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้ลุ่มแม่น้ำโขงและลุ่มน้ำสาขาต่างๆ รวมทั้งพื้นที่ที่ทำการเกษตรในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออาทิ เช่น อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ระวังอันตรายจากสภาวะน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมฉับพลัน และประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคเหนือ อาทิเช่น จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน เพชรบูรณ์ระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย
2.2 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งเตือนให้จังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่มจากสภาวะฝนตกหนักที่อาจจะเกิดขึ้น โดยให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และจังหวัดที่อาจจะได้รับผลกระทบ แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณที่ราบลุ่มริมน้ำ ที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่เสี่ยงภัย ให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในระยะนี้ และให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้ให้พร้อมเพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยเมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นได้อย่างทันต่อเหตุการณ์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 19 สิงหาคม 2551--จบ--
1. สรุปสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือ (ระหว่างวันที่ 11-18 สิงหาคม 2551)
1.1 พื้นที่ประสบภัย รวม 7 จังหวัด 42 อำเภอ 298 ตำบล 2,245 หมู่บ้าน ได้แก่ จังหวัดน่าน เชียงราย นครพนม สกลนคร หนองคาย เพชรบูรณ์ และมุกดาหาร
1.2 ความเสียหาย
1) ผู้เสียชีวิต 4 คน (จังหวัดนครพนม 1 คน จังหวัดหนองคาย 3 คน) ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 91,669 ครัวเรือน 372,063 คน
2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 988 หลัง ถนน 717 สาย สะพาน 58 แห่ง พื้นที่การเกษตร 100,830 ไร่ สัตว์ปีก 2,454 ตัว ปศุสัตว์ 168 ตัว บ่อปลา/กุ้ง 1,543 บ่อ ทำนบ 36 แห่ง ฝาย 82 แห่ง ท่อระบายน้ำ 309 แห่ง วัด 16 แห่ง โรงเรียน 25 แห่ง สถานที่ราชการ 48 แห่ง
3) มูลค่าความเสียหายเบื้องต้น 223,530,060 บาท
1.3 สถานการณ์ปัจจุบัน ในขณะนี้สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดน่าน เพชรบูรณ์ และสกลนคร ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย หนองคาย นครพนม และมุกดาหาร ดังนี้
1. จังหวัดเชียงราย ระดับน้ำในแม่น้ำโขงเอ่อล้นสูงกว่าตลิ่งตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม 2551 โดยระดับน้ำสูงสุดวัดได้ 10.68 เมตร (ระดับตลิ่ง 11.80 เมตรที่อำเภอเชียงแสน) ประกอบกับมีฝนตกหนักในพื้นที่ทำให้น้ำในลุ่มน้ำอิง ลุ่มน้ำกก และลุ่มน้ำเงา สาขาลุ่มแม่น้ำโขง มีปริมาณมากเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเชียงแสน อำเภอเวียงแก่น และอำเภอเชียงของ ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ของอำเภอเชียงของ 7 ตำบล ได้แก่ ตำบลศรีดอนชัย (หมู่ที่ 10,12,15,16) ตำบลครึ่ง (หมู่ที่ 1-11) ตำบลบุญเรือง (หมู่ที่ 1-10) ตำบลห้วยซ้อ (หมู่ที่ 1-23) ตำบลสถาน (หมู่ที่ 6,8) ตำบลเวียง (หมู่ที่ 9,12) และตำบลริมโขง (หมู่ที่ 2) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.35 ม. คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติใน 2-3 วัน
2. จังหวัดหนองคาย ระดับน้ำในแม่น้ำโขงมีปริมาณสูงเอ่อล้นตลิ่งตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2551 จนถึงปัจจุบัน โดยระดับน้ำสูงสุดวัดได้ 13.60 เมตร (ระดับตลิ่ง 12.20 เมตร) สูงกว่าตลิ่ง 1.40 เมตร เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2551 ประกอบกับมีฝนตกในพื้นที่ ทำให้ลำน้ำสาขาไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร ดังนี้
1) พื้นที่ประสบอุทกภัย ได้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ 15 อำเภอ 78 ตำบล 819 หมู่บ้าน ได้แก่ อำเภอเมืองหนองคาย อำเภอท่าบ่อ อำเภอศรีเชียงใหม่ อำเภอสังคม อำเภอบึงกาฬ อำเภอโซ่พิสัย อำเภอเซกา อำเภอบึงโขงหลง อำเภอศรีวิไล อำเภอรัตนวาปี อำเภอปากคาด อำเภอโพนพิสัย อำเภอบุ่งคล้า อำเภอเฝ้าไร่ และอำเภอพรเจริญ สำหรับอำเภอที่ได้รับความเสียหายมากได้แก่อำเภอที่อยู่ริมแม่น้ำโขง ได้แก่ อำเภอท่าบ่อ อำเภอศรีเชียงใหม่ อำเภอเมืองฯ อำเภอโพนพิสัย และอำเภอรัตนวาปี
2) ความเสียหายเบื้องต้น
(1) ราษฎรเดือดร้อน 53,843 ครัวเรือน 215,220 คนมี ผู้เสียชีวิต 3 คน คือ ด.ช.สหรัฐ พึ่งบุญลือ อายุ 8 ปี (ราษฎรบ้านตาลชุม อำเภอรัตนวาปี เสียชีวิตเนื่องจากลงเล่นน้ำ) นายไล อุมะมา อายุ 59 ปี (อยู่บ้านเลขที่ 64 หมู่ที่ 5 บ้านขุมดำ อำเภอศรีเชียงใหม่ เสียชีวิตเนื่องจากไปหาปลาและจมน้ำเสียชีวิต เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2551) และนางสาวศิริลักษณ์ คำมงคุณ อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 4 ตำบลสีกาย อำเภอเมืองฯ
- ทุกพื้นที่ได้ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติแล้ว
(2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายบางส่วน 988 หลัง รีสอร์ต 11 หลัง โรงงาน 1 แห่ง ถนน 226 สาย พื้นที่การเกษตร 128,524 ไร่ บ่อปลา 792 แห่ง บ่อน้ำ 10 แห่ง วัด 10 แห่ง โรงเรียน 7 แห่ง สถานที่ราชการ 7 แห่ง มูลค่าความเสียหาย อยู่ระหว่างการสำรวจ
3) การให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นของ 15 อำเภอ ดังนี้
(1) อำเภอเมืองหนองคาย มีพื้นที่ประสบภัย 16 ตำบล 181 หมู่บ้าน 2,426 ครัวเรือน ได้รับการสนับสนุนเรือท้องแบน 4 ลำ ถุงยังชีพ 1,840 ชุด ยารักษาโรค 966 ชุด กระสอบทราย 1,000 กระสอบ
(2) อำเภอท่าบ่อ มีพื้นที่ประสบภัย 5 ตำบล 41 หมู่บ้าน 2,000 ครัวเรือน ได้รับการสนับสนุนเรือท้องแบน 6 ลำ ถุงยังชีพ 4,173 ชุด น้ำดื่ม 20,500 ลิตร ยารักษาโรค 550 ชุด
(3) อำเภอศรีเชียงใหม่ มีพื้นที่ประสบภัย 4 ตำบล 43 หมู่บ้าน 5,297 ครัวเรือน ได้รับการสนับสนุนเรือท้องแบน 10 ลำ ถุงยังชีพ จำนวน 17,090 ชุด น้ำดื่ม 30,300 ลิตร ยารักษาโรค 4,500 ชุด
(4) อำเภอสังคม มีพื้นที่ประสบภัย 4 ตำบล 17 หมู่บ้าน 983 ครัวเรือน ได้รับการสนับสนุน ถุงยังชีพ 580 ชุด น้ำดื่ม 580 ลิตร ยารักษาโรค 890 ชุด
(5) อำเภอบึงกาฬ มีพื้นที่ประสบภัย 12 ตำบล 116 หมู่บ้าน 8,865 ครัวเรือน ยารักษาโรค 1,071 ชุด
(6) อำเภอโซ่พิสัย มีพื้นที่ประสบภัย 1 ตำบล สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
(7) อำเภอเซกา มีพื้นที่ประสบภัย 9 ตำบล 19 หมู่บ้าน 20,526 ครัวเรือน ได้รับการสนับสนุนสะพานแบร์ลี่ ขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 15 เมตร
(8) อำเภอบึงโขงหลง มีพื้นที่ประสบภัย 36 หมู่บ้าน 2,000 ครัวเรือน ได้รับการสนับสนุนเรือ 2 ลำ และถุงยังชีพ 2,000 ชุด
(9) อำเภอศรีวิไล มีพื้นที่ประสบภัย 2 ตำบล 25 หมู่บ้าน 100 ครัวเรือน ได้รับการสนับสนุนถุงยังชีพ 100 ชุด
(10) อำเภอรัตนวาปี มีพื้นที่ประสบภัย 3 ตำบล 34 หมู่บ้าน 2,000 ครัวเรือน ได้รับสนับสนุนถุงยังชีพ 325 ชุด
(11) อำเภอปากคาด มีพื้นที่ประสบภัย 4 ตำบล 44 หมู่บ้าน 5 หมู่บ้าน 700 ครัวเรือน ได้รับการสนับสนุนถุงยังชีพ 700 ชุด ยารักษาโรค 53 ชุด
(12) อำเภอโพนพิสัย มีพื้นที่ประสบภัย 4 ตำบล 20 หมู่บ้าน 3,000 ครัวเรือน ได้รับการสนับสนุนถุงยังชีพ 2,000 ชุด
(13) อำเภอบุ่งคล้า มีพื้นที่ประสบภัย 2 ตำบล 16 หมู่บ้าน อำเภอกำลังเร่งดำเนินการช่วยเหลือ
(14) อำเภอเฝ้าไร่ มีพื้นที่ประสบภัย 5 ตำบล 32 หมู่บ้าน 5,946 ครัวเรือน อำเภอกำลังเร่งดำเนินการช่วยเหลือ
(15) อำเภอพรเจริญ มีพื้นที่ประสบภัย 7 ตำบล 58 หมู่บ้าน อำเภอกำลังเร่งดำเนินการช่วยเหลือ
4) สรุปการให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น
(1) จังหวัดหนองคาย สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดหนองคายที่ทำการปกครองอำเภอที่ประสบภัย องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โรงพยาบาลในพื้นที่ เหล่ากาชาดจังหวัด มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด หน่วยพัฒนาการเคลื่อนที่ 25 หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตหนองคาย แขวงการทาง ทางหลวงชนบทจังหวัด ปศุสัตว์จังหวัด วีอาร์กู้ภัยหนองคาย และมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ได้ส่งเรือท้องแบน (ปภ.)26 ลำ กระสอบทราย 1,000 กระสอบ ถุงยังชีพ 26,008 ชุด รถผลิตน้ำดื่ม (ปภ.) 2 คัน รถบรรทุกน้ำ (ปภ.) 7 คัน รถบรรทุกหกล้อ 5 คัน รถบรรทุกติดตั้งเครน 2 คัน รถบรรทุกสี่ล้อยกสูง (ปภ.) 2 คัน รถบรรทุกยีเอ็มซี 4 คัน เรือเร็ว 3 ลำ ไปช่วยเหลือราษฎรผู้ประสบอุทกภัย
(2) ปศุสัตว์จังหวัดสนับสนุนหญ้าแห้ง 22,000 กก. กรมชลประทาน ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 12 เครื่อง
อนึ่ง ในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย บริเวณชุมชนจอมมณี หนองบัว สะเงียว มีชัย วัดธาตุ โพธิ์ศรี สระแก้ว วัดธาตุ วังน้อย ชัยพร หายโศก ศรีชุ่มชื่น ศรีสะเกษ-สีเมือง ศรีคูณเมือง-ลำดวน หอก่อง ยอดแก้ว สระแก้ว ป่าหลวง และชุมชนป่าพร้าว ระดับน้ำสูง 0.40-0.80 ม.โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ 3 จุด รวม 12 เครื่อง และวางกระสอบทรายกั้นน้ำบริเวณถนนริมโขง ยาวประมาณ 3 กม.
3. จังหวัดนครพนม ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง และน้ำในแม่น้ำโขงมีปริมาณสูงขึ้นเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร พื้นที่การเกษตรพื้นที่ 5 อำเภอ 18 ตำบล 240 หมู่บ้าน (มีผู้เสียชีวิต 1 คน ที่อำเภอโพนสวรรค์) ได้แก่
1) อำเภอท่าอุเทน น้ำจากแม่น้ำโขงเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลท่าอุเทน (หมู่ที่ 3) ตำบลโนนตาล (หมู่ที่ 10,11) และตำบลชัยบุรี (หมู่ที่ 2) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.60 ม.
2) อำเภอนาทม เกิดฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรใน 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลนาทม ตำบลดอนเตย ตำบลหนองชน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.30 ม.
3) อำเภอศรีสงคราม เกิดฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมขังบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตรใน 8 ตำบล ได้แก่ ตำบลศรีสงคราม ตำบลนาคำ ตำบลหาดแพง ตำบลโพนสว่าง ตำบลบ้านเอื้อง ตำบลบ้านข่า ตำบลสามผง และตำบลท่าบ่อสงคราม ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 ม.
4) อำเภอบ้านแพง เกิดฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่การเกษตรในตำบลนาเข (หมู่ที่ 1,2,4) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 ม.
5) อำเภอโพนสวรรค์ เกิดฝนตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมใน 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลบ้านค้อ ตำบลโพนจาน และตำบลนาขมิ้น ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.30 ม. มีผู้เสียชีวิต 1 คน คือ นางไซย ปากดี อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 194 หมู่ที่ 17 บ้านห้วยไห ตำบลบ้านค้อ
สำหรับในเขตเทศบาลเมืองนครพนมยังไม่มีสถานการณ์อุทกภัย มีเพียงน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ
การให้ความช่วยเหลือ
จังหวัด อำเภอ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มอบถุงยังชีพ 5,000 ชุด เรือท้องแบน 14 ลำ เหล่ากาชาดจังหวัดสนับสนุนชุดยาเวชภัณฑ์ 2,000 ชุด กรมชลประทานติดตั้งเครื่องสูบน้ำ จำนวน 3 เครื่อง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกไปสำรวจและให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว
4. จังหวัดมุกดาหาร เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ประกอบกับน้ำในแม่น้ำโขงที่ไหลมาจากจังหวัดนครพนมมีปริมาณสูงขึ้น เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร และพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ 2 อำเภอ 5 ตำบล 18 หมู่บ้าน ดังนี้
1) อำเภอเมือง มีพื้นที่ประสบภัย 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลทรายใหญ่ (หมู่ที่ 7) และตำบลนาสีนวน (หมู่ที่ 1-5,8,10) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.25-0.40 ม.
2) อำเภอหว้านใหญ่ มีพื้นที่ประสบภัย 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลบางทรายน้อย (1,2,5,9,11) ตำบลชะโนด (หมู่ที่ 3,4) และตำบลหว้านใหญ่ (หมู่ที่2,6,7) มีราษฎรได้รับความเดือดร้อน 61 ครัวเรือน 180 คน ระดับน้ำสูงประมาณ 0.25-0.40 ม.
การให้ความช่วยเหลือ จังหวัด อำเภอ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมุกดาหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้นำถุงยังชีพ 300 ถุง น้ำดื่ม 1,000 ขวด เรือท้องแบน 3 ลำ ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้นแล้ว
ระดับน้ำในแม่น้ำโขง เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2551 เวลา 06.00 น.
- สถานีอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงรายวัดระดับน้ำได้ 7.25 เมตร (ระดับตลิ่ง 11.80 ม.) ต่ำกว่าตลิ่ง 4.55 ม. มีแนวโน้มลดลง
- สถานีอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย วัดระดับน้ำได้ 14.32 เมตร (ระดับตลิ่ง 17.40 ม.) ต่ำกว่าตลิ่ง 3.08 ม. มีแนวโน้มลดลง
- สถานีอำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย วัดระดับน้ำได้ 12.88 เมตร (ระดับตลิ่ง 12.20 ม.) สูงกว่าตลิ่ง 0.68 ม. มีแนวโน้มลดลง
- สถานีอำเภอเมือง จังหวัดนครพนม วัดระดับน้ำได้ 12.63 เมตร (ระดับตลิ่ง 12.45 ม.) สูงกว่าตลิ่ง 0.18 ม. มีแนวโน้มลดลง
- สถานีอำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร วัดระดับน้ำได้ 12.71 เมตร (ระดับตลิ่ง 12.60 ม.) สูงกว่าตลิ่ง 0.11 ม. มีแนวโน้มลดลง
1.4 การสนับสนุนให้ความช่วยเหลือแก่จังหวัดที่ประสบอุทกภัยของหน่วยงาน
1) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 6 (ขอนแก่น) เขต 7 (สกลนคร) ได้ระดมกำลัง เครื่องจักรกล ยานพาหนะ เครื่องมืออุปกรณ์ และเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯเขตต่าง ๆ เข้าไปช่วยเหลือและฟื้นฟูบูรณะในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย จำนวน 60 คน พร้อมเครื่องจักรกล ยานพาหนะ และเครื่องมืออุปกรณ์ 12 คัน/เครื่อง เรือท้องแบน 43 ลำ สะพานแบร์ลี่ ขนาด 15 เมตร รถผลิตน้ำดื่ม 2 คัน
2) กรมชลประทาน ได้เตรียมความพร้อมเครื่องสูบน้ำเพื่อช่วยเหลืออุทกภัยตามจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ จำนวน 1,200 เครื่อง ปัจจุบันได้ส่งเครื่องสูบน้ำให้การช่วยเหลือในพื้นที่ประสบอุทกภัย ได้แก่ จังหวัดสกลนคร 5 เครื่อง นครพนม 3 เครื่อง เชียงราย 5 เครื่อง และจังหวัดหนองคาย 12 เครื่อง
1.5 สิ่งของพระราชทาน
1) เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2551 มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ นำโดยประธานกรรมการบริหาร (นายดิสธร วัชโรทัย) และเลขาธิการฯ (นายประสงค์ พิฑูรกิจจา) ได้เดินทางไปมอบสิ่งของพระราชทานเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดหนองคาย ที่อำเภอเมืองหนองคาย จำนวน 500 ชุด และอำเภอท่าบ่อ จำนวน 500 ชุด
2) เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2551 มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ นำโดยประธานกรรมการบริหาร (นายดิสธร วัชโรทัย) และคณะฯ เดินทางไปมอบสิ่งของพระราชทานเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ที่อำเภอเชียงแสน 1,000 ชุด และที่อำเภอเชียงของ 1,000 ชุด และเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2551 คณะฯ เดินทางไปมอบสิ่งของพระราชทานเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอศรีสงคราม จังหวัดนครพนม 500 ชุด
3) เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2551 มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก นำโดยนายแพทย์ ดำรงเหรียญประยูร และ นายแพทย์พิชิต สุวรรณปกรณ์ รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ได้นำสิ่งของ พระราชทานเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดหนองคาย 1,600 ชุด สำหรับประชาชน และอีกจำนวน 25 ชุด สำหรับพระภิกษุ โดยนำไปมอบให้ที่ อำเภอศรีเชียงใหม่ ตำบลบ้านหม้อ จำนวน 810 ชุด และให้ความช่วยเหลือราษฎรและพระภิกษุสงฆ์ที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ อำเภอท่าบ่อ ตำบลกองนาง จำนวน 815 ชุด
4) เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2551 พลอากาศเอก ทรงศักดิ์ ตะวันแจ้ง ผู้แทนพระองค์ สมเด็จพระบรม-โอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมคณะฯ เดินทางไปมอบสิ่งของพระราชทานเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย 2,000 ชุด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย (นายเจด็จ มุสิกวงศ์) เป็นผู้แทนรับมอบสิ่งของพระราชทาน เพื่อนำไปมอบให้แก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ต่อไป
1.6 การตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
1) เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2551 รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) ปลัดกระทรวงมหาดไทย (นายพงศ์โพยม วาศภูติ) รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายฉัตรชัย พรหมเลิศ) พร้อมคณะเดินทางไปตรวจสถานการณ์อุทกภัยที่บ้านปงของ หมู่ที่ 5 ตำบลแม่เงิน อำเภอเชียงแสน และบ้านศรีดอนชัย หมู่ที่ 15 ตำบลศรีดอนชัย อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย พร้อมมอบถุงยังชีพ จำนวน 600 ชุด ให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัย โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย (นายไตรสิทธิ์ สินสมบูรณ์ทอง) รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายกเทศมนตรีนครเชียงราย หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจเยี่ยม
จากนั้นในช่วงเย็นได้เดินทางไปตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัย ที่บ้านพวงพยอม เขตเทศบาลเมืองน่าน จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำประสบอุทกภัยเป็นประจำ (โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน (นายสมพงษ์ อนุยุทธพงศ์) รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นายกเทศมนตรีเมืองน่าน หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจเยี่ยม) ปัจจุบันจังหวัดได้ดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยให้โครงการชลประทานน่าน ติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง สำหรับการแก้ไขปัญหาในระยะยาวเทศบาลเมืองน่าน ได้ร้องขอรับการสนับสนุนงบประมาณ สร้างเขื่อนริมตลิ่ง เพื่อแก้ไขปัญหาในฤดูน้ำหลาก ทั้งนี้เทศบาลเมืองน่าน ได้ออกแบบการก่อสร้างไว้แล้วภายในวงเงิน 25.9 ล้านบาท ซึ่งจะได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
2) เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2551 รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ) ปลัดกระทรวงมหาดไทย (นายพงศ์โพยม วาศภูติ) รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายฉัตรชัย พรหมเลิศ) พร้อมคณะเดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย ที่ว่าการอำเภอปัว และที่องค์การบริหารส่วนตำบลศรีภูมิ อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน เพื่อมอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบอุทกภัย จำนวน 600 ชุด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน (นายสมพงษ์ อนุยุทธพงศ์) รองผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน นายอำเภอ และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับการตรวจเยี่ยม
3) เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2551 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายประสงค์ โฆษิตานนท์) รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายฉัตรชัย พรหมเลิศ) พร้อมคณะฯ เดินทางไปตรวจสถานการณ์อุทกภัย พร้อมกับมอบถุงยังชีพแก่ประชาชนที่ประสบอุทกภัยในเขตพื้นที่จังหวัดหนองคาย ดังนี้
- ที่บ้านเดื่อ ตำบลบ้านเดื่อ อำเภอเมืองหนองคาย จำนวน 600 ชุด
- ที่วัดกลาง บ้านหนองกุ้งเหนือ ตำบลกุดบง อำเภอโพนพิสัย จำนวน 500 ชุด
- ที่บ้านตาลชุม ตำบลรัตนวาปี อำเภอรัตนวาปี จำนวน 500 ชุด
2. การคาดหมายลักษณะอากาศระหว่างวันที่ 17 - 23 สิงหาคม 2551
2.1 กรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายลักษณะอากาศว่าในช่วงวันที่ 17-18 สิงหาคม 2551 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย ทำให้บริเวณประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับในช่วงวันที่ 19-23 สิงหาคม 2551 จะปรากฎร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และจะมีกำลังค่อนข้างแรง ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักเกิดขึ้นได้ส่วนมากในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงขอให้ประชาชนที่มีบ้านเรือนอยู่ใกล้ลุ่มแม่น้ำโขงและลุ่มน้ำสาขาต่างๆ รวมทั้งพื้นที่ที่ทำการเกษตรในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออาทิ เช่น อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี ระวังอันตรายจากสภาวะน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมฉับพลัน และประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคเหนือ อาทิเช่น จังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน เพชรบูรณ์ระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย
2.2 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้แจ้งเตือนให้จังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่มจากสภาวะฝนตกหนักที่อาจจะเกิดขึ้น โดยให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และจังหวัดที่อาจจะได้รับผลกระทบ แจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณที่ราบลุ่มริมน้ำ ที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่เสี่ยงภัย ให้ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในระยะนี้ และให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ไว้ให้พร้อมเพื่อสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยเมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นได้อย่างทันต่อเหตุการณ์
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดนายสมัคร สุนทรเวช (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 19 สิงหาคม 2551--จบ--