คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานสถานการณ์ภัยแล้งและมาตรการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ภัยแล้งต่อเนื่องตั้งแต่เดือนตุลาคม 2547 จนถึงปัจจุบัน ทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน สรุปได้ดังนี้
1. สถานการณ์ภัยแล้ง
ในเขตชลประทาน สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ (ปริมาตรความจุตั้งแต่ 100 ล้านลูกบาศก์เมตรขึ้นไป) ทั่วประเทศ จำนวน 30 แห่ง มีปริมาตรน้ำใช้การได้ร้อยละ 39 ของความจุที่ใช้การได้ หรือ 17,104 ล้านลูกบาศก์เมตร เพียงพอสำหรับการอุปโภคและบริโภคและการเกษตร ยกเว้นอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาตรน้ำน้อย จำนวน 5 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำเขื่อนจุฬาภรณ์ ลำตะคอง ลำพระเพลิง ทับเสลา กระเสียว อยู่ในเกณฑ์ร้อยละ 4, 7, 8, 7 และ 0 ของความจุที่ใช้การได้ตามลำดับ ซึ่งจะมีน้ำเพียงพอใช้เพื่ออุปโภคและบริโภคเท่านั้น
นอกเขตชลประทาน โดยทั่วไปมีปริมาณน้ำน้อย ทำให้ในหลายท้องที่ขาดน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภค
2. การให้ความช่วยเหลือเร่งด่วน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ระดมเครื่องสูบน้ำรถยนต์บรรทุกน้ำ และการทำฝนหลวงเพื่อให้ความช่วยเหลือ
1) กรมชลประทานได้ส่งเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือแล้ว จำนวน 895 เครื่อง แบ่งเป็น ภาคเหนือ 266 เครื่อง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 314 เครื่อง ภาคกลาง 191 เครื่อง ภาคตะวันออก 78 เครื่อง และภาคใต้ 46 เครื่อง นอกจากนี้ได้ส่งรถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 295 คัน ไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ
2) ในการจัดทำฝนหลวง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ตั้งฐานปฏิบัติการ จำนวน 9 ฐาน คือ จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี ระยอง สงขลา และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการจัดเครื่องบินเพิ่มเติมทันที จำนวน 10 ลำ และจะจัดเพิ่มอีก จำนวน 12 ลำ การปฏิบัติการครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายทั่วประเทศ เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2547 เป็นต้นมา ผลการดำเนินงานในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม จนถึงวันที่ 19 มีนาคม 2548 ปรากฏว่าขึ้นปฏิบัติการ 382 เที่ยว ทำให้ฝนตกในพื้นที่ 38 จังหวัด ได้แก่ ภาคเหนือ 11 จังหวัด (32.9 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด (10.5 มม.) ภาคกลาง 9 จังหวัด (11.5 มม.) ภาคตะวันออก 5 จังหวัด (29.8 มม.) และภาคใต้ 5 จังหวัด (43.1 มม.)
3. การบริหารเพื่อแก้ไขภัยแล้ง จัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง (Website http://drought.doae.go.th โทรศัพท์ 0-2281-9401 และ Call Center 1170) โดยมีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ เพื่อทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและการแก้ไข โดยให้มีการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ แหล่งน้ำตามหมู่บ้านต่าง ๆ ความเสียหายด้านการเกษตร และการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน
เพื่อให้การบริหารมีประสิทธิภาพสูงสุด กระทรวงฯ จึงได้ให้เกษตรตำบลทั่วประเทศ สำรวจข้อมูลด้านแหล่งน้ำทุกหมู่บ้าน เช่น อ่างเก็บน้ำ สระน้ำ บ่อน้ำ เป็นต้น ว่ามีปริมาณมากน้อยเพียงใด สามารถใช้ได้อีกประมาณกี่วัน โดยประมวลผลข้อมูลและแจกแจงหมู่บ้านเป็นสีเขียว เหลือง และแดง ซึ่งมีความหมาย คือ
สีแดง หมายถึง การขาดแคลนน้ำด้านอุปโภค-บริโภค
สีเหลือง หมายถึง การขาดแคลนน้ำด้านปศุสัตว์
สีเขียว หมายถึง การขาดแคลนน้ำด้านการเกษตร
ทั้งนี้ จะมีการรายงานความเคลื่อนไหวเป็นระยะ ๆ และมีการนำเสนอข้อมูลทางสารสนเทศภูมิศาสตร์เป็นรายหมู่บ้าน โดยประสานงานผ่านจังหวัดเพื่อข้อมูลจะได้ตรงกัน
ผลการสำรวจข้อมูล ณ วันที่ 21 มีนาคม 2548 พบว่า ได้รับรายงานแล้วทั้งสิ้น จำนวน 73,963 หมู่บ้าน แบ่งเป็น ขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค 14,732 หมู่บ้าน ขาดแคลนน้ำเพื่อการปศุสัตว์และการเกษตร 18,098 หมู่บ้านขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร 1,807 หมู่บ้าน พื้นที่ปกติ 20,010 หมู่บ้าน อยู่ระหว่างประมวลผลข้อมูล 19,316 หมู่บ้าน สำหรับหมู่บ้านที่มีความเดือดร้อนเรื่องน้ำ จะได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 มีนาคม 2548--จบ--
ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ภัยแล้งต่อเนื่องตั้งแต่เดือนตุลาคม 2547 จนถึงปัจจุบัน ทำให้เกษตรกรได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้มีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการแก้ไขปัญหาเร่งด่วน สรุปได้ดังนี้
1. สถานการณ์ภัยแล้ง
ในเขตชลประทาน สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ (ปริมาตรความจุตั้งแต่ 100 ล้านลูกบาศก์เมตรขึ้นไป) ทั่วประเทศ จำนวน 30 แห่ง มีปริมาตรน้ำใช้การได้ร้อยละ 39 ของความจุที่ใช้การได้ หรือ 17,104 ล้านลูกบาศก์เมตร เพียงพอสำหรับการอุปโภคและบริโภคและการเกษตร ยกเว้นอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาตรน้ำน้อย จำนวน 5 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำเขื่อนจุฬาภรณ์ ลำตะคอง ลำพระเพลิง ทับเสลา กระเสียว อยู่ในเกณฑ์ร้อยละ 4, 7, 8, 7 และ 0 ของความจุที่ใช้การได้ตามลำดับ ซึ่งจะมีน้ำเพียงพอใช้เพื่ออุปโภคและบริโภคเท่านั้น
นอกเขตชลประทาน โดยทั่วไปมีปริมาณน้ำน้อย ทำให้ในหลายท้องที่ขาดน้ำเพื่อการอุปโภคและบริโภค
2. การให้ความช่วยเหลือเร่งด่วน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ระดมเครื่องสูบน้ำรถยนต์บรรทุกน้ำ และการทำฝนหลวงเพื่อให้ความช่วยเหลือ
1) กรมชลประทานได้ส่งเครื่องสูบน้ำช่วยเหลือแล้ว จำนวน 895 เครื่อง แบ่งเป็น ภาคเหนือ 266 เครื่อง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 314 เครื่อง ภาคกลาง 191 เครื่อง ภาคตะวันออก 78 เครื่อง และภาคใต้ 46 เครื่อง นอกจากนี้ได้ส่งรถยนต์บรรทุกน้ำ จำนวน 295 คัน ไปยังจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ
2) ในการจัดทำฝนหลวง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ตั้งฐานปฏิบัติการ จำนวน 9 ฐาน คือ จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี ระยอง สงขลา และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการจัดเครื่องบินเพิ่มเติมทันที จำนวน 10 ลำ และจะจัดเพิ่มอีก จำนวน 12 ลำ การปฏิบัติการครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายทั่วประเทศ เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน 2547 เป็นต้นมา ผลการดำเนินงานในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม จนถึงวันที่ 19 มีนาคม 2548 ปรากฏว่าขึ้นปฏิบัติการ 382 เที่ยว ทำให้ฝนตกในพื้นที่ 38 จังหวัด ได้แก่ ภาคเหนือ 11 จังหวัด (32.9 มม.) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด (10.5 มม.) ภาคกลาง 9 จังหวัด (11.5 มม.) ภาคตะวันออก 5 จังหวัด (29.8 มม.) และภาคใต้ 5 จังหวัด (43.1 มม.)
3. การบริหารเพื่อแก้ไขภัยแล้ง จัดตั้ง ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง (Website http://drought.doae.go.th โทรศัพท์ 0-2281-9401 และ Call Center 1170) โดยมีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ เพื่อทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและการแก้ไข โดยให้มีการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ แหล่งน้ำตามหมู่บ้านต่าง ๆ ความเสียหายด้านการเกษตร และการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชน
เพื่อให้การบริหารมีประสิทธิภาพสูงสุด กระทรวงฯ จึงได้ให้เกษตรตำบลทั่วประเทศ สำรวจข้อมูลด้านแหล่งน้ำทุกหมู่บ้าน เช่น อ่างเก็บน้ำ สระน้ำ บ่อน้ำ เป็นต้น ว่ามีปริมาณมากน้อยเพียงใด สามารถใช้ได้อีกประมาณกี่วัน โดยประมวลผลข้อมูลและแจกแจงหมู่บ้านเป็นสีเขียว เหลือง และแดง ซึ่งมีความหมาย คือ
สีแดง หมายถึง การขาดแคลนน้ำด้านอุปโภค-บริโภค
สีเหลือง หมายถึง การขาดแคลนน้ำด้านปศุสัตว์
สีเขียว หมายถึง การขาดแคลนน้ำด้านการเกษตร
ทั้งนี้ จะมีการรายงานความเคลื่อนไหวเป็นระยะ ๆ และมีการนำเสนอข้อมูลทางสารสนเทศภูมิศาสตร์เป็นรายหมู่บ้าน โดยประสานงานผ่านจังหวัดเพื่อข้อมูลจะได้ตรงกัน
ผลการสำรวจข้อมูล ณ วันที่ 21 มีนาคม 2548 พบว่า ได้รับรายงานแล้วทั้งสิ้น จำนวน 73,963 หมู่บ้าน แบ่งเป็น ขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค 14,732 หมู่บ้าน ขาดแคลนน้ำเพื่อการปศุสัตว์และการเกษตร 18,098 หมู่บ้านขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร 1,807 หมู่บ้าน พื้นที่ปกติ 20,010 หมู่บ้าน อยู่ระหว่างประมวลผลข้อมูล 19,316 หมู่บ้าน สำหรับหมู่บ้านที่มีความเดือดร้อนเรื่องน้ำ จะได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขต่อไป
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) วันที่ 22 มีนาคม 2548--จบ--