คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามรายงานการพิจารณา เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาการผลิต การตลาดสุกรอย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รายงานผลการดำเนินงานตามข้อสังเกตคณะกรรมาธิการฯ ดังนี้
1.1 แต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาการผลิตสุกรและผลิตภัณฑ์ และยกร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ พ.ศ. ...
1.2 ขึ้นทะเบียนผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศ เพื่อให้การอบรมผู้เลี้ยงสุกรให้มีความรู้ และพัฒนาฟาร์มสุกรเข้าสู่มาตรฐานฟาร์ม
1.3 พัฒนาโรงฆ่าและมาตรฐาน โดยได้มีการขึ้นทะเบียนโรงฆ่าทั้งประเทศ และจัดทำเกณฑ์มาตรฐานโรงฆ่า
1.4 คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ได้อนุมัติเงิน 500 ล้านบาท จากงบด้านปัจจัยการผลิตให้กรมปศุสัตว์เพื่อจ่ายชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) ที่ปล่อยเงินกู้ให้กับเกษตรกรหรือผู้ประกอบการด้านปศุสัตว์
2. กระทรวงรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เสนอ แนวทางในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการผลิตสุกรเป็น 3 ระยะ ดังนี้
2.1 มาตราการระยะสั้น (1-2 ปี) ได้แก่
2.1.1 เร่งรัดและกำกับการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้ฟาร์มสุกรขนาดกลางและขนาดใหญ่ดำเนินการบำบัดน้ำเสียให้เป็นไปตามมาตรฐาน
2.1.2 ส่งเสริมและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีการผลิตที่สะอาดมาประยุกต์ใช้ในระบบการจัดการฟาร์ม
2.2 มาตรการระยะปานกลาง (3-5 ปี) ได้แก่
2.2.1 การบังคับใช้มาตรฐานเพื่อควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากการเลี้ยงสุกรให้ครอบคลุม การเลี้ยงสุกรทุกประเภท
2.2.2 ส่งเสริมให้ฟาร์มขนาดเล็กและขนาดกลางที่ไม่มีศักยภาพในการจัดให้มีระบบบำบัดน้ำเสีย/กำจัดของเสียของตนเองมีการรวมกลุ่มเพื่อจัดสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย/กำจัดของเสียรวม หรือรัฐจัดให้มีระบบรวมและให้บริการในการบำบัดน้ำเสีย/กำจัดของเสียโดยเก็บค่าธรรมเนียมการให้บริการ
2.2.3 ส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุนและดำเนินการทั้งการจัดสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย/กำจัดของเสียรวมและการจัดสร้างโรงฆ่าสัตว์ที่ทันสมัย
2.2.4 จัดสรรงบประมาณจากแหล่งเงินทุนต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการจัดสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย/กำจัดของเสียและกำหนดให้การจัดการสิ่งแวดล้อมเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการพิจารณาให้สินเชื่อแก่เกษตรกรในการลงทุนเลี้ยงสุกร
2.2.5 กำหนดเกณฑ์คุณภาพฟาร์มสุกรมาตรฐาน
2.2.6 สนับสนุนการปรับปรุงโรงฆ่าสัตว์ของเทศบาลหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีมาตรฐาน
2.2.7 จัดทำระบบฐานข้อมูลฟาร์มสุกรที่เป็นระบบเดียว
2.2.8 ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
2.3 มาตรการระยะยาว ได้แก่
2.3.1 กำหนดเขตการเลี้ยงสุกรหรือนิคมการเลี้ยงสุกร เพื่อให้การบริการจัดการด้านการผลิตและด้านสิ่งแวดล้อมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
2.3.2 ศึกษาวิจัยเพื่อนำเศษเหลือจากฟาร์มสุกรมาใช้ให้เป็นประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง
3. กระทรวงพาณิชย์รายงานผลความคืบหน้าของการดำเนินการดังนี้
3.1 บริหารจัดการให้เกิดดุลยภาพในตลาด ผลผลิตสอดคล้องกับความต้องการ โดย
3.1.1 ประสานองค์กรผู้เลี้ยงและผู้ค้าสุกรร่วมกำหนดแผนการผลิตเพื่อให้ปริมาณสุกรที่ออกสู่ตลาดมีความสม่ำเสมอ สอดคล้องกับความต้องการ
3.1.2 เชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างเกษตรกรกับผู้บริโภคหรือผู้ใช้โดยตรง
3.1.3 ร่วมกับห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ 8 แห่ง จัดมุมจำหน่ายเนื้อสุกรธงฟ้าในช่วงที่เกิดภาวะผลผลิตสุกรขาดแคลน หรือมีมากเกินความต้องการ
3.2 นำเสนอคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) พิจารณากำหนดให้สุกรเป็นสินค้าควบคุม ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 พร้อมมอบกระทรวงพาณิชย์ให้มีอำนาจออกประกาศกำหนดมาตรการทางกฎหมาย
3.3 จัดระเบียบการค้าภายในประเทศ
3.4 ในระยะยาว ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ทำหน้าที่กำหนดแนวทางการพัฒนาการผลิต การตลาด การแก้ไขปัญหาอุปสรรคในเรื่องเกี่ยวกับสุกรและผลิตภัณฑ์ทั้งระบบ รวมทั้งประสานการจัดทำแผนและโครงการร่วมมือระหว่างรัฐและภาคเอกชน
4. กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการผลิตการตลาดสุกรอย่างยั่งยืน ดังต่อไปนี้
4.1 ควบคุมการผลิตและจำหน่าย โดยดำเนินงาน “โครงการตลาดสด น่าซื้อ” ศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของเนื้อสุกร และจัดทำคำแนะนำการบริโภคเนื้อสัตว์
4.2 ปรับปรุงแก้ไข กฎหมาย กฎระเบียบ ให้เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ พร้อมกับการคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศ
4.3 ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจัดการทางด้านสุขลักษณะและสิ่งแวดล้อมในฟาร์มสุกร จังหวัดนครปฐม ร่วมกับคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย เมื่อปี 2548 และได้นำผลการศึกษามาจัดทำหลักเกณฑ์มาตรฐานฟาร์มสุกรนำเสนอให้คณะอนุกรรมการจัดทำหลักเกณพ์มาตรฐานกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 มีนาคม 2549--จบ--
1. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รายงานผลการดำเนินงานตามข้อสังเกตคณะกรรมาธิการฯ ดังนี้
1.1 แต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาการผลิตสุกรและผลิตภัณฑ์ และยกร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ พ.ศ. ...
1.2 ขึ้นทะเบียนผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศ เพื่อให้การอบรมผู้เลี้ยงสุกรให้มีความรู้ และพัฒนาฟาร์มสุกรเข้าสู่มาตรฐานฟาร์ม
1.3 พัฒนาโรงฆ่าและมาตรฐาน โดยได้มีการขึ้นทะเบียนโรงฆ่าทั้งประเทศ และจัดทำเกณฑ์มาตรฐานโรงฆ่า
1.4 คณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ได้อนุมัติเงิน 500 ล้านบาท จากงบด้านปัจจัยการผลิตให้กรมปศุสัตว์เพื่อจ่ายชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ธพว.) ที่ปล่อยเงินกู้ให้กับเกษตรกรหรือผู้ประกอบการด้านปศุสัตว์
2. กระทรวงรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เสนอ แนวทางในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการผลิตสุกรเป็น 3 ระยะ ดังนี้
2.1 มาตราการระยะสั้น (1-2 ปี) ได้แก่
2.1.1 เร่งรัดและกำกับการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้ฟาร์มสุกรขนาดกลางและขนาดใหญ่ดำเนินการบำบัดน้ำเสียให้เป็นไปตามมาตรฐาน
2.1.2 ส่งเสริมและสนับสนุนการนำเทคโนโลยีการผลิตที่สะอาดมาประยุกต์ใช้ในระบบการจัดการฟาร์ม
2.2 มาตรการระยะปานกลาง (3-5 ปี) ได้แก่
2.2.1 การบังคับใช้มาตรฐานเพื่อควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากการเลี้ยงสุกรให้ครอบคลุม การเลี้ยงสุกรทุกประเภท
2.2.2 ส่งเสริมให้ฟาร์มขนาดเล็กและขนาดกลางที่ไม่มีศักยภาพในการจัดให้มีระบบบำบัดน้ำเสีย/กำจัดของเสียของตนเองมีการรวมกลุ่มเพื่อจัดสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย/กำจัดของเสียรวม หรือรัฐจัดให้มีระบบรวมและให้บริการในการบำบัดน้ำเสีย/กำจัดของเสียโดยเก็บค่าธรรมเนียมการให้บริการ
2.2.3 ส่งเสริมให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุนและดำเนินการทั้งการจัดสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย/กำจัดของเสียรวมและการจัดสร้างโรงฆ่าสัตว์ที่ทันสมัย
2.2.4 จัดสรรงบประมาณจากแหล่งเงินทุนต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการจัดสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย/กำจัดของเสียและกำหนดให้การจัดการสิ่งแวดล้อมเป็นเงื่อนไขหนึ่งในการพิจารณาให้สินเชื่อแก่เกษตรกรในการลงทุนเลี้ยงสุกร
2.2.5 กำหนดเกณฑ์คุณภาพฟาร์มสุกรมาตรฐาน
2.2.6 สนับสนุนการปรับปรุงโรงฆ่าสัตว์ของเทศบาลหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีมาตรฐาน
2.2.7 จัดทำระบบฐานข้อมูลฟาร์มสุกรที่เป็นระบบเดียว
2.2.8 ปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
2.3 มาตรการระยะยาว ได้แก่
2.3.1 กำหนดเขตการเลี้ยงสุกรหรือนิคมการเลี้ยงสุกร เพื่อให้การบริการจัดการด้านการผลิตและด้านสิ่งแวดล้อมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
2.3.2 ศึกษาวิจัยเพื่อนำเศษเหลือจากฟาร์มสุกรมาใช้ให้เป็นประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง
3. กระทรวงพาณิชย์รายงานผลความคืบหน้าของการดำเนินการดังนี้
3.1 บริหารจัดการให้เกิดดุลยภาพในตลาด ผลผลิตสอดคล้องกับความต้องการ โดย
3.1.1 ประสานองค์กรผู้เลี้ยงและผู้ค้าสุกรร่วมกำหนดแผนการผลิตเพื่อให้ปริมาณสุกรที่ออกสู่ตลาดมีความสม่ำเสมอ สอดคล้องกับความต้องการ
3.1.2 เชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างเกษตรกรกับผู้บริโภคหรือผู้ใช้โดยตรง
3.1.3 ร่วมกับห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ 8 แห่ง จัดมุมจำหน่ายเนื้อสุกรธงฟ้าในช่วงที่เกิดภาวะผลผลิตสุกรขาดแคลน หรือมีมากเกินความต้องการ
3.2 นำเสนอคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) พิจารณากำหนดให้สุกรเป็นสินค้าควบคุม ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 พร้อมมอบกระทรวงพาณิชย์ให้มีอำนาจออกประกาศกำหนดมาตรการทางกฎหมาย
3.3 จัดระเบียบการค้าภายในประเทศ
3.4 ในระยะยาว ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ทำหน้าที่กำหนดแนวทางการพัฒนาการผลิต การตลาด การแก้ไขปัญหาอุปสรรคในเรื่องเกี่ยวกับสุกรและผลิตภัณฑ์ทั้งระบบ รวมทั้งประสานการจัดทำแผนและโครงการร่วมมือระหว่างรัฐและภาคเอกชน
4. กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการผลิตการตลาดสุกรอย่างยั่งยืน ดังต่อไปนี้
4.1 ควบคุมการผลิตและจำหน่าย โดยดำเนินงาน “โครงการตลาดสด น่าซื้อ” ศึกษาคุณค่าทางโภชนาการของเนื้อสุกร และจัดทำคำแนะนำการบริโภคเนื้อสัตว์
4.2 ปรับปรุงแก้ไข กฎหมาย กฎระเบียบ ให้เอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ พร้อมกับการคุ้มครองผู้บริโภคในประเทศ
4.3 ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจัดการทางด้านสุขลักษณะและสิ่งแวดล้อมในฟาร์มสุกร จังหวัดนครปฐม ร่วมกับคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย เมื่อปี 2548 และได้นำผลการศึกษามาจัดทำหลักเกณฑ์มาตรฐานฟาร์มสุกรนำเสนอให้คณะอนุกรรมการจัดทำหลักเกณพ์มาตรฐานกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 มีนาคม 2549--จบ--