คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยสำนักเลขาธิการป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน รายงานสรุปผลความก้าวหน้าการให้ความ
ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและดินถล่มภาคเหนือ 5 จังหวัด และสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม - 4 กันยายน 2549 (ข้อมูล
ถึงวันที่ 4 กันยายน 2549) ดังนี้
1. สรุปผลความก้าวหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและดินถล่มภาคเหนือของกระทรวงมหาดไทย (จนถึงวันที่ 4 กันยายน
2549)
1.1 ความก้าวหน้าสร้างบ้านถาวร
บ้านพัง การสร้างบ้าน (หลัง) ราษฎรขอรับเงินชดเชย ความก้าวหน้าในการสร้างบ้าน (หลัง)
ที่ จังหวัด ทั้งหลัง (หลัง) ในที่ดินรัฐ ที่ราษฎรเอง สร้างเอง (หลัง) มูลนิธิชัยพัฒนา มูลนิธิไทยคม
กำลังสร้าง สร้างเสร็จ กำลังสร้าง สร้างเสร็จ
1 อุตรดิตถ์ 493 238 203 50 220 30 325 25
2 แพร่ 138 112 - 26 - - 71 23
3 สุโขทัย 90 90 - - - - 71 19
รวมทั้งหมด 721 440 203 76 220 30 467 67
หมายเหตุ
1) ที่ อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ บ้านพังทั้งหลังเสียชีวิตทั้งครอบครัว จำนวน 2 หลัง ไม่มีการสร้างบ้านใหม่
2) มูลนิธิชัยพัฒนา จะดำเนินการสร้างบ้านพักถาวรให้แก่ราษฎรที่ประสบภัยในพื้นที่ อ.เมืองฯ จ.อุตรดิตถ์ ทั้งหมด จำนวน
161 หลัง และสร้างบ้านให้แก่ราษฎรในที่ดินของตนเองที่ไม่ต้องการอพยพมาอยู่ในพื้นที่รองรับที่ทางราชการจัดให้ ซึ่งเป็นผู้ประสบภัยในพื้นที่
อ.ลับแล จำนวน 37 หลัง อ.ท่าปลา จำนวน 52 หลัง รวมยอดดำเนินการ 250 หลัง
3) มูลนิธิไทยคม จะดำเนินการสร้างบ้านถาวรให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ จำนวน 350 หลัง สุโขทัย
จำนวน 90 หลัง และแพร่ จำนวน 94 หลัง รวมยอดดำเนินการ 534 หลัง
4) พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ จะสร้างบ้านถาวรที่ อ.เมืองฯ จ.แพร่ จำนวน 18 หลัง
1.2 การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย
1.2.1) ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546
(ข้อมูล ณ วันที่ 4 กันยายน 2549 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
(1) ด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นเงิน 105,408,986 บาท แยกได้ดังนี้
- ค่าด้านการจัดการศพ จำนวน 88 ราย (ครบ 100 %) เป็นเงิน 1,920,000 บาท
- ค่าช่วยเหลือญาติผู้สูญหาย จำนวน 29 ราย (ครบ 100 % )
เป็นเงิน 810,000 บาท
- ค่าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ 1,107 ราย (ครบ 100 %) เป็นเงิน 2,321,000 บาท
- ค่าที่อยู่อาศัย จำนวน 5,002 ราย (คิดเป็น 100 % )
เป็นเงิน 51,730,121 บาท
- ค่าเครื่องมือ/ทุนประกอบอาชีพ จำนวน 862 ราย เป็นเงิน 4,439,270 บาท
- ค่าเครื่องนุ่งห่ม จำนวน 9,027 ราย เป็นเงิน 5,066,650 บาท
- ค่าอาหารจัดเลี้ยง จำนวน 237,491 ราย เป็นเงิน 19,072,053 บาท
- ค่าอื่นๆ เป็นเงิน 20,049,892 บาท
(2) ด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นเงิน 67,987,094 บาท
(3) ด้านการปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นเงิน 38,782,142 บาท
สรุปให้ความช่วยเหลือไปแล้ว 244,530 คน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 212,178,222 บาท
1.2.2) การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ประเภทผู้ประกอบการรายย่อย (ข้อมูล ณ วันที่ 4 กันยายน 2549
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น)
(1) จังหวัดแพร่ จ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว จำนวน 291 ราย เป็นเงิน 3,186,605 บาท
(2) จังหวัดสุโขทัย จ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว จำนวน 806 ราย เป็นเงิน 9,428,775 บาท
(3) จังหวัดอุตรดิตถ์ จ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว จำนวน 3,474 ราย เป็นเงิน 42,551,890 บาท
รวมจ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว จำนวน 4,571 ราย ( คิดเป็น 99.15 %) เป็นเงิน 55,167,270 บาท
คงค้างจ่าย จำนวน 39 ราย เนื่องจากไปทำงานนอกพื้นที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นติดตามตัวเพื่อจ่ายเงินให้ต่อไป
2. สรุปสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลร่องความกดอากาศต่ำ (ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม— 4 กันยายน 2549)
2.1 ระหว่างวันที่ 27 — 31 สิงหาคม 2549 ร่องความกดอากาศต่ำหรือร่องฝนกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ ทำให้มีฝนตกหนัก
มากในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ สุโขทัย พิษณุโลก ตาก เป็นเหตุทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำปิง แม่น้ำกวง แม่น้ำทา แม่น้ำยม
และแม่น้ำวัง มีระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในหลายพื้นที่
2.2 พื้นที่ประสบภัย รวม 15 จังหวัด 28 อำเภอ 2 กิ่งฯ 91 ตำบล ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน สุโขทัย พิษณุโลก
แพร่ กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ ลำพูน ลำปาง ตาก เพชรบูรณ์ พิจิตร พะเยา จันทบุรี และพังงา
2.3 ความเสียหาย
1) ผู้เสียชีวิต 4 คน จังหวัดลำปาง 1 คน (อำเภอแม่เมาะ) จังหวัดสุโขทัย 3 คน (อำเภอเมืองฯ 1 คน
อำเภอสวรรคโลก 2 คน)
2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 14 หลัง ( จ.ลำพูน ) ความเสียหายด้านอื่นๆ อยู่ระหว่างการสำรวจ
2.4 สถานการณ์ปัจจุบัน ( ข้อมูล ณ วันที่ 4 กันยายน 2549 )
2.4.1 พื้นที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร
พิจิตร พังงา แพร่ เชียงใหม่ พะเยา และจันทบุรี โดยทุกหน่วยงานยังคงปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค
น้ำดื่ม การฟื้นฟู ล้างทำความสะอาด โรงเรียน โรงพยาบาล สถานีอนามัย และการซ่อมแซมถนน สะพาน ที่ชำรุดเสียหายเบื้องต้นแล้ว
2.4.2 พื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดลำปาง ลำพูน สุโขทัย พิษณุโลก และตาก ดังนี้
1. จังหวัดสุโขทัย ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 5 อำเภอ ดังนี้
1) อำเภอเมือง ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตร 7 ตำบล ได้แก่ ตำบลปากแคว (หมู่ที่ 1-9)
ตำบลตาลเตี้ย (หมู่ที่1- 4) ตำบลยางซ้าย (หมู่ที่ 2,9,11,12) ตำบลวังทองแดง (หมู่ที่ 1,3,5,6) ตำบลบ้านสวน (หมู่ที่ 1-4,6,9,11,12)
และตำบลบ้านหลุม (หมู่ที่ 1,4,9) เขตเทศบาลตำบลบ้านสวน (หมู่ที่ 2,3) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 เมตร ระดับน้ำลดลง
2) อำเภอศรีสำโรง ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร 6 ตำบล ได้แก่ ตำบลสามเรือน ตำบลวัดเกาะ
ตำบลบ้านนา ตำบลวังทอง ตำบลวังใหญ่ และตำบลทับผึ้ง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.30 เมตร
3) อำเภอกงไกรลาศ ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตร 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลท่าฉนวน (หมู่ที่ 1,3,4,5,6,
7,8,9,10,11,12) ตำบลบ้านกร่าง (หมู่ที่ 3-5) ตำบลกง (หมู่ที่ 1,2,5,6,12) ตำบลป่าแฝก (หมู่ที่ 2,3-9) และตำบลหนองตูม (หมู่ที่ 2-6)
ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-1.00 เมตร เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำ
4) อำเภอสวรรคโลก ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 8 ตำบล ได้แก่ ตำบลปากกุมเกาะ (หมู่ที่ 1-4,9)
ตำบลในเมือง (หมู่ที่ 3,4,9) ตำบลวังไม้ขอน (หมู่ที่ 1,2) ตำบลวังพิณพาทย์ (หมู่ที่ 1-3) ตำบลย่านยาว (หมู่ที่ 1-6,8,10,11)
ตำบลคลองกระจง (หมู่ที่ 1-9) ตำบลท่าทอง (หมู่ที่ 2,3,4,6,7) ตำบลเมืองบางยม (หมู่ที่ 1-5) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.80 เมตร
5) อำเภอศรีสัชนาลัย น้ำท่วมขังในพื้นที่ตำบลบ้านวังวน (หมู่ที่ 1) ตำบลแม่สิน ตำบลบ้านตึก ตำบลป่างิ้ว
ตำบลแม่สำ ตำบลสารจิตร ตำบลหนองอ้อ ตำบลดงคู่ ตำบลบ้านแก่ง และตำบลหาดเสี้ยว ระดับน้ำลดลง ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ทางการเกษตร
บางพื้นที่
การให้ความช่วยเหลือ
1) ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ได้ระดมเครื่องสูบน้ำจากหน่วยงานในภาครัฐ และ ภาคเอกชน เร่งสูบน้ำ
ออกจากพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง และได้มีการเปิดประตูระบายน้ำ 7 ช่องทาง ที่ตำบลยางซ้าย อำเภอเมืองฯ เพื่อเร่งการระบายน้ำ และวางกระสอบทราย
เป็นแนวป้องกัน ระดมเครื่องจักรกล ในการกำจัดขยะและวัชพืชที่กีดขวางทางน้ำไหล เพื่อให้การระบายน้ำไหลคล่องตัวขึ้น รวมทั้งนำถุงยังชีพ
จำนาน 3,340 ชุด เรือท้องแบน 2 ลำ ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
2) ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
จังหวัดสุโขทัย มอบถุงยังชีพ จำนวน 3,000 ถุง เรือท้องแบน จำนวน 7 ลำ รถบรรทุก จำนวน 1 คัน รถบรรทุกน้ำขนาด 6,000 ลิตร
จำนวน 1 คัน ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย
3) กำลังพลจากกองกำกับการ 6 ต.ช.ด. กองบังคับการฝึกพิเศษ จัดชุดร่วมปฏิบัติการในพื้นที่
ระดับน้ำในแม่น้ำยม เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 4 ก.ย. 2549 ที่สะพานบ้านน้ำโค้ง (สถานี Y.1C)
อำเภอเมืองฯ จังหวัดแพร่ ระดับน้ำสูง 5.28 ม. (ระดับตลิ่ง 8.20 เมตร) ต่ำกว่าตลิ่ง 2.92 เมตร ที่ (สถานี Y.33) อำเภอศรีสำโรง
จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำสูง 11.05 เมตร (ระดับตลิ่ง 10.00 เมตร) สูงกว่าตลิ่ง 1.05 เมตร และที่ (สถานี Y.4) อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุโขทัย
ระดับน้ำสูง 6.67 เมตร (ระดับตลิ่ง 7.45 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 0.78 เมตร ที่ฝายยางบ้านกง อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำสูง
10.06 เมตร(ระดับตลิ่ง 9.00 เมตร) สูงกว่าตลิ่ง 1.06 เมตร
2. จังหวัดพิษณุโลก เกิดฝนตกหนักทำให้ปริมาณน้ำในลำคลองชมพู และแม่น้ำวังทอง เอ่อล้นตลิ่ง เข้าท่วมบ้านเรือน
ราษฎร และพื้นที่ทางการเกษตร จำนวน 8 อำเภอ ดังนี้
1) อำเภอวังทอง น้ำในคลองชมพูได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรใน 8 ตำบล 75 หมู่บ้าน ได้แก่
ตำบลท่าหมื่นราม (หมู่ที่ 1,2,6,9,14) ตำบลพันชาลี (หมู่ที่ 1-17) ตำบลวังทอง (หมู่ที่ 1,2,7,12,13,14) ตำบลวังพิกุล (หมู่ที่ 4,5)
ตำบลแม่ระกา (หมู่ที่ 1-15) ตำบลวังนกแอ่น (หมู่ที่ 1) ตำบลดินทอง (หมู่ที่ 6) และตำบลหนองพระ (หมู่ที่ 1,3,6,8) ระดับน้ำสูงประมาณ
0.10-0.20 เมตร
2) อำเภอบางกระทุ่ม ยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลวัดตายม (หมู่ที่ 1,2,3,5,7,8,)
และที่ตำบลเนินกุ่ม (หมู่ที่ 1) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 เมตร
3) อำเภอบางระกำ มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลคุยม่วง (หมู่ที่ 6,8,9) ตำบลชุมแสง
(หมู่ที่ 1,2,3,5,8,9) ตำบลนางงาม (หมู่ที่ 1,2,3) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 เมตร
4) อำเภอพรหมพิราม ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลตลุกเทียม (หมู่ที่ 1,4,6) ตำบลหอกลอง
(หมู่ที่ 5,6,7) และตำบลวงฆ้อง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.30 เมตร
5) อำเภอเนินมะปราง ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ หมู่ที่ 5 ตำบลชมพู ระดับน้ำสูง 0.30-0.50 เมตร
6) อำเภอนครไทย น้ำในลำคลองแควน้อยได้เอ่อล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนราษฎรในท้องที่ ตำบลนาบัว (หมู่ที่ 2,3,
4,5,7) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.30 เมตร
7) อำเภอชาติตระการ ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ทางการเกษตรของตำบลท่าสะแก (หมู่ที่ 1-9) ตำบลบ่อภาค
ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.30 เมตร
8) อำเภอวัดโบสถ์ ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ทางการเกษตร 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลหินลาด (หมู่ที่ 7,8)
ตำบลคันโช้ง (หมู่ที่ 1,2) ตำบลบ้านท้อแท้ (หมู่ที่ 3) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 เมตร
การให้ความช่วยเหลือ
1) จังหวัดได้ส่งเรือท้องแบน จำนวน 12 ลำ กระสอบทราย 3,300 ถุง เสาเข็ม 200 ต้น ถุงยังชีพ
300 ชุด ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย
2) จังหวัดและอำเภอ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยเหลืออพยพสัตว์เลี้ยง ขนย้ายทรัพย์สินไปไว้ในที่สูง
3) สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้นำกระสอบทรายมาปิดแทน
พนังกั้นน้ำความยาว 5 เมตร ที่อบต.วังพิกุล อำเภอวังทอง ซึ่งถูกน้ำพัดพังเสียหาย เทศบาลตำบลวัดโบสถ์ ได้นำกระสอบทราย 15,000 ถุง
มาวางเป็นแนวป้องกันน้ำท่วม
4) อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้เร่งสูบน้ำในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง
5) สำนักงานก่อสร้างเขื่อนที่ 2 (เขื่อนแควน้อย) สนับสนุนรถบรรทุก จำนวน 4 คัน
3. จังหวัดลำพูน ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง น้ำในแม่น้ำกวงได้ล้นตลิ่ง เข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร ในพื้นที่ตำบลเวียงยอง (หมู่ที่ 1-4,6-8)
ระดับน้ำประมาณ 0.20 เมตร และท่วมขังในพื้นที่ทางการเกษตรของตำบลบ้านแป้น (หมู่ที่ 1,2,3,9) และตำบลอุโมงค์ (หมู่ที่ 4,8,11)
ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20 เมตร
2) อำเภอแม่ทา ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลทาปลาดุก (หมู่ที่ 1-4) ตำบลทากาศ
(หมู่ที่ 4-6,11) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 เมตร บ้านเรือนราษฎรที่ตำบลทาปลาดุก ซึ่งอยู่บริเวณริมแม่น้ำทาถูกน้ำกัดเซาะตลิ่ง ทำให้
บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 14 หลังคาเรือน ระดับน้ำลดลงคาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติใน 1-2 วันนี้ ระดับน้ำในแม่น้ำแม่กวง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 4 ก.ย. 2549 ที่สะพานท่าสิงห์พิทักษ์ (P.5) อำเภอเมืองลำพูน ระดับน้ำสูง 6.20 เมตร (ระดับตลิ่ง 5 เมตร) สูงกว่าตลิ่ง 1.20 เมตร
4. จังหวัดลำปาง ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตรของอำเภอเถิน จำนวน 3 ตำบล ได้แก่ตำบลล้อมแรด
(หมู่ที่ 1-6,9-11,14) ตำบลเถินบุรี (หมู่ที่ 7) ตำบลแม่ขอด บ้านแม่เตี๋ยะ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 เมตร ระดับน้ำลดลงใกล้เข้าสู่ภาวะ
ปกติ
การให้ความช่วยเหลือ จังหวัด/อำเภอ/กิ่งอำเภอ/องค์การบริหารส่วนตำบล พร้อมโครงการชลประทาน
จังหวัดนำเครื่องสูบน้ำ เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง และให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว
5. จังหวัดตาก น้ำในแม่น้ำวังได้เอ่อเข้าท่วมพื้นที่อำเภอสามเงา ที่ตำบลวังหมัน ตำบลวังจันทร์ และตำบล-
ยกกระบัตร ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำจากอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง ถนนภายในหมู่บ้านได้รับความเสียหายไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ระดับน้ำสูงประมาณ
0.20-0.50 เมตร
การป้องกันและให้ความช่วยเหลือ จังหวัดได้แจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมความพร้อมในการ
อพยพ หากมีสถานการณ์ที่รุนแรง และระดมสรรพกำลัง กำลังพล เครื่องจักรกลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัด เตรียมความพร้อม และเร่งให้
ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว
อนึ่ง เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2549 เวลา 20.30 น. ขบวนรถด่วนที่ 52 สายเชียงใหม่-ลำปาง-กรุงเทพฯ
วิ่งถึงระหว่างสถานีแก่งหลวง กับสถานีปากปาน จังหวัดแพร่ ได้เกิดดินโคลนถล่มทับเส้นทางรถไฟเป็นเหตุให้รถจักรดีเซล รถโบกี้สัมภาระ และ
รถโบกี้นั่ง-นอนตกราง รวมทั้งทำให้รถจักรดีเซลที่ลากจูงขบวนรถด่วนที่ 52 พลัดตกลงในแม่น้ำยม ซึ่งมีนายสาธิต เอี่ยมเสือ (พขร.) และ
นายอนุชา อนุรักษ์ (ช่างเครื่อง) สูญหาย ในขณะนี้พบศพ 1 ราย คือ นายสาธิต เอี่ยมเสือ และอยู่ระหว่างการค้นหาอีก 1 ราย นอกจากนี้มี
ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 4 คน ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเด่นชัย
2.5 การให้ความช่วยเหลือของกระทรวงมหาดไทย
1) อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายอนุชา โมกขะเวส) ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
เขต 8 กำแพงเพชร เขต 9 พิษณุโลก เขต 10 ลำปาง นำเรือท้องแบน ถุงยังชีพไปสนับสนุนจังหวัดที่ประสบภัยในเขตพื้นที่รับผิดชอบแล้ว
2) การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในภาวะฉุกเฉินเร่งด่วน ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ใช้จ่ายเงินทดรองราชการ (งบ 50 ล้านบาท)
เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในด้านเครื่องอุปโภคบริโภค ค่าซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย ค่าจัดการศพ ซ่อมแซมสิ่งสาธารณประโยชน์ รวมทั้ง
พื้นที่การเกษตรและปศุสัตว์ บ่อปลาที่เสียหาย
2.6 สิ่งของพระราชทาน
1) เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2549 มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำโดย นายดิสธร วัชโรทัย
รองเลขาธิการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้นำเครื่องอุปโภคบริโภคมอบให้ราษฎรที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่อำเภอดอกคำใต้
และอำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา จำนวน 1,000 ชุด
2) เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2549 มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำโดย นายดิสธร วัชโรทัย
รองเลขาธิการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้มอบถุงพระราชทาน เครื่องอุปโภคบริโภคมอบให้ราษฎรที่ประสบอุทกภัย
ที่วัดหนองฝาด ม.4 ต.วัดเกาะ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย จำนวน 500 ชุด
3) ระหว่างวันที่ 1 - 6 กันยายน 2549 พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ องค์ประธานศูนย์ปฏิบัติการบิน
อาสาอนุรักษ์และกู้ภัยสิริภาจุฑาภรณ์ พร้อมคณะผู้ติดตามได้เสด็จไปทรงติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่บ้านนาตอง อำเภอเมืองแพร่
จังหวัดแพร่ เพื่อดูแลการก่อสร้าง “บ้านอาสากู้ภัย ร่วมใจสิริภาจุฑาภรณ์” หลังแรก โดยบ้านหลังแรกดังกล่าวสร้างประทานให้กับนางปิ่น แก้วมณี
อายุ 77 ปี ที่ประสบภัยบ้านเสียหายทั้งหลัง ทั้งนี้ บ้านอาสากู้ภัยร่วมใจสิริภาจุฑาภรณ์ จะดำเนินการก่อสร้างทั้งสิ้น 18 หลัง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 5 กันยายน 2549--จบ--
ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและดินถล่มภาคเหนือ 5 จังหวัด และสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม - 4 กันยายน 2549 (ข้อมูล
ถึงวันที่ 4 กันยายน 2549) ดังนี้
1. สรุปผลความก้าวหน้าการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและดินถล่มภาคเหนือของกระทรวงมหาดไทย (จนถึงวันที่ 4 กันยายน
2549)
1.1 ความก้าวหน้าสร้างบ้านถาวร
บ้านพัง การสร้างบ้าน (หลัง) ราษฎรขอรับเงินชดเชย ความก้าวหน้าในการสร้างบ้าน (หลัง)
ที่ จังหวัด ทั้งหลัง (หลัง) ในที่ดินรัฐ ที่ราษฎรเอง สร้างเอง (หลัง) มูลนิธิชัยพัฒนา มูลนิธิไทยคม
กำลังสร้าง สร้างเสร็จ กำลังสร้าง สร้างเสร็จ
1 อุตรดิตถ์ 493 238 203 50 220 30 325 25
2 แพร่ 138 112 - 26 - - 71 23
3 สุโขทัย 90 90 - - - - 71 19
รวมทั้งหมด 721 440 203 76 220 30 467 67
หมายเหตุ
1) ที่ อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ บ้านพังทั้งหลังเสียชีวิตทั้งครอบครัว จำนวน 2 หลัง ไม่มีการสร้างบ้านใหม่
2) มูลนิธิชัยพัฒนา จะดำเนินการสร้างบ้านพักถาวรให้แก่ราษฎรที่ประสบภัยในพื้นที่ อ.เมืองฯ จ.อุตรดิตถ์ ทั้งหมด จำนวน
161 หลัง และสร้างบ้านให้แก่ราษฎรในที่ดินของตนเองที่ไม่ต้องการอพยพมาอยู่ในพื้นที่รองรับที่ทางราชการจัดให้ ซึ่งเป็นผู้ประสบภัยในพื้นที่
อ.ลับแล จำนวน 37 หลัง อ.ท่าปลา จำนวน 52 หลัง รวมยอดดำเนินการ 250 หลัง
3) มูลนิธิไทยคม จะดำเนินการสร้างบ้านถาวรให้แก่ราษฎรผู้ประสบภัยในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ จำนวน 350 หลัง สุโขทัย
จำนวน 90 หลัง และแพร่ จำนวน 94 หลัง รวมยอดดำเนินการ 534 หลัง
4) พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ จะสร้างบ้านถาวรที่ อ.เมืองฯ จ.แพร่ จำนวน 18 หลัง
1.2 การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือในความรับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย
1.2.1) ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546
(ข้อมูล ณ วันที่ 4 กันยายน 2549 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)
(1) ด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นเงิน 105,408,986 บาท แยกได้ดังนี้
- ค่าด้านการจัดการศพ จำนวน 88 ราย (ครบ 100 %) เป็นเงิน 1,920,000 บาท
- ค่าช่วยเหลือญาติผู้สูญหาย จำนวน 29 ราย (ครบ 100 % )
เป็นเงิน 810,000 บาท
- ค่าช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ 1,107 ราย (ครบ 100 %) เป็นเงิน 2,321,000 บาท
- ค่าที่อยู่อาศัย จำนวน 5,002 ราย (คิดเป็น 100 % )
เป็นเงิน 51,730,121 บาท
- ค่าเครื่องมือ/ทุนประกอบอาชีพ จำนวน 862 ราย เป็นเงิน 4,439,270 บาท
- ค่าเครื่องนุ่งห่ม จำนวน 9,027 ราย เป็นเงิน 5,066,650 บาท
- ค่าอาหารจัดเลี้ยง จำนวน 237,491 ราย เป็นเงิน 19,072,053 บาท
- ค่าอื่นๆ เป็นเงิน 20,049,892 บาท
(2) ด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นเงิน 67,987,094 บาท
(3) ด้านการปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย เป็นเงิน 38,782,142 บาท
สรุปให้ความช่วยเหลือไปแล้ว 244,530 คน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 212,178,222 บาท
1.2.2) การจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ประเภทผู้ประกอบการรายย่อย (ข้อมูล ณ วันที่ 4 กันยายน 2549
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น)
(1) จังหวัดแพร่ จ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว จำนวน 291 ราย เป็นเงิน 3,186,605 บาท
(2) จังหวัดสุโขทัย จ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว จำนวน 806 ราย เป็นเงิน 9,428,775 บาท
(3) จังหวัดอุตรดิตถ์ จ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว จำนวน 3,474 ราย เป็นเงิน 42,551,890 บาท
รวมจ่ายเงินช่วยเหลือแล้ว จำนวน 4,571 ราย ( คิดเป็น 99.15 %) เป็นเงิน 55,167,270 บาท
คงค้างจ่าย จำนวน 39 ราย เนื่องจากไปทำงานนอกพื้นที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นติดตามตัวเพื่อจ่ายเงินให้ต่อไป
2. สรุปสถานการณ์อุทกภัยจากอิทธิพลร่องความกดอากาศต่ำ (ระหว่างวันที่ 27 สิงหาคม— 4 กันยายน 2549)
2.1 ระหว่างวันที่ 27 — 31 สิงหาคม 2549 ร่องความกดอากาศต่ำหรือร่องฝนกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ ทำให้มีฝนตกหนัก
มากในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ สุโขทัย พิษณุโลก ตาก เป็นเหตุทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำปิง แม่น้ำกวง แม่น้ำทา แม่น้ำยม
และแม่น้ำวัง มีระดับน้ำสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมในหลายพื้นที่
2.2 พื้นที่ประสบภัย รวม 15 จังหวัด 28 อำเภอ 2 กิ่งฯ 91 ตำบล ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน สุโขทัย พิษณุโลก
แพร่ กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ ลำพูน ลำปาง ตาก เพชรบูรณ์ พิจิตร พะเยา จันทบุรี และพังงา
2.3 ความเสียหาย
1) ผู้เสียชีวิต 4 คน จังหวัดลำปาง 1 คน (อำเภอแม่เมาะ) จังหวัดสุโขทัย 3 คน (อำเภอเมืองฯ 1 คน
อำเภอสวรรคโลก 2 คน)
2) ด้านทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 14 หลัง ( จ.ลำพูน ) ความเสียหายด้านอื่นๆ อยู่ระหว่างการสำรวจ
2.4 สถานการณ์ปัจจุบัน ( ข้อมูล ณ วันที่ 4 กันยายน 2549 )
2.4.1 พื้นที่สถานการณ์อุทกภัยคลี่คลายแล้ว 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ กำแพงเพชร
พิจิตร พังงา แพร่ เชียงใหม่ พะเยา และจันทบุรี โดยทุกหน่วยงานยังคงปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัย แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภค
น้ำดื่ม การฟื้นฟู ล้างทำความสะอาด โรงเรียน โรงพยาบาล สถานีอนามัย และการซ่อมแซมถนน สะพาน ที่ชำรุดเสียหายเบื้องต้นแล้ว
2.4.2 พื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 5 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดลำปาง ลำพูน สุโขทัย พิษณุโลก และตาก ดังนี้
1. จังหวัดสุโขทัย ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 5 อำเภอ ดังนี้
1) อำเภอเมือง ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตร 7 ตำบล ได้แก่ ตำบลปากแคว (หมู่ที่ 1-9)
ตำบลตาลเตี้ย (หมู่ที่1- 4) ตำบลยางซ้าย (หมู่ที่ 2,9,11,12) ตำบลวังทองแดง (หมู่ที่ 1,3,5,6) ตำบลบ้านสวน (หมู่ที่ 1-4,6,9,11,12)
และตำบลบ้านหลุม (หมู่ที่ 1,4,9) เขตเทศบาลตำบลบ้านสวน (หมู่ที่ 2,3) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 เมตร ระดับน้ำลดลง
2) อำเภอศรีสำโรง ยังคงมีน้ำท่วมขังพื้นที่การเกษตร 6 ตำบล ได้แก่ ตำบลสามเรือน ตำบลวัดเกาะ
ตำบลบ้านนา ตำบลวังทอง ตำบลวังใหญ่ และตำบลทับผึ้ง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.30 เมตร
3) อำเภอกงไกรลาศ ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตร 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลท่าฉนวน (หมู่ที่ 1,3,4,5,6,
7,8,9,10,11,12) ตำบลบ้านกร่าง (หมู่ที่ 3-5) ตำบลกง (หมู่ที่ 1,2,5,6,12) ตำบลป่าแฝก (หมู่ที่ 2,3-9) และตำบลหนองตูม (หมู่ที่ 2-6)
ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-1.00 เมตร เนื่องจากเป็นพื้นที่รับน้ำ
4) อำเภอสวรรคโลก ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 8 ตำบล ได้แก่ ตำบลปากกุมเกาะ (หมู่ที่ 1-4,9)
ตำบลในเมือง (หมู่ที่ 3,4,9) ตำบลวังไม้ขอน (หมู่ที่ 1,2) ตำบลวังพิณพาทย์ (หมู่ที่ 1-3) ตำบลย่านยาว (หมู่ที่ 1-6,8,10,11)
ตำบลคลองกระจง (หมู่ที่ 1-9) ตำบลท่าทอง (หมู่ที่ 2,3,4,6,7) ตำบลเมืองบางยม (หมู่ที่ 1-5) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.50-0.80 เมตร
5) อำเภอศรีสัชนาลัย น้ำท่วมขังในพื้นที่ตำบลบ้านวังวน (หมู่ที่ 1) ตำบลแม่สิน ตำบลบ้านตึก ตำบลป่างิ้ว
ตำบลแม่สำ ตำบลสารจิตร ตำบลหนองอ้อ ตำบลดงคู่ ตำบลบ้านแก่ง และตำบลหาดเสี้ยว ระดับน้ำลดลง ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ทางการเกษตร
บางพื้นที่
การให้ความช่วยเหลือ
1) ผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ได้ระดมเครื่องสูบน้ำจากหน่วยงานในภาครัฐ และ ภาคเอกชน เร่งสูบน้ำ
ออกจากพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง และได้มีการเปิดประตูระบายน้ำ 7 ช่องทาง ที่ตำบลยางซ้าย อำเภอเมืองฯ เพื่อเร่งการระบายน้ำ และวางกระสอบทราย
เป็นแนวป้องกัน ระดมเครื่องจักรกล ในการกำจัดขยะและวัชพืชที่กีดขวางทางน้ำไหล เพื่อให้การระบายน้ำไหลคล่องตัวขึ้น รวมทั้งนำถุงยังชีพ
จำนาน 3,340 ชุด เรือท้องแบน 2 ลำ ช่วยเหลือผู้ประสบภัย
2) ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
จังหวัดสุโขทัย มอบถุงยังชีพ จำนวน 3,000 ถุง เรือท้องแบน จำนวน 7 ลำ รถบรรทุก จำนวน 1 คัน รถบรรทุกน้ำขนาด 6,000 ลิตร
จำนวน 1 คัน ให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย
3) กำลังพลจากกองกำกับการ 6 ต.ช.ด. กองบังคับการฝึกพิเศษ จัดชุดร่วมปฏิบัติการในพื้นที่
ระดับน้ำในแม่น้ำยม เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 4 ก.ย. 2549 ที่สะพานบ้านน้ำโค้ง (สถานี Y.1C)
อำเภอเมืองฯ จังหวัดแพร่ ระดับน้ำสูง 5.28 ม. (ระดับตลิ่ง 8.20 เมตร) ต่ำกว่าตลิ่ง 2.92 เมตร ที่ (สถานี Y.33) อำเภอศรีสำโรง
จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำสูง 11.05 เมตร (ระดับตลิ่ง 10.00 เมตร) สูงกว่าตลิ่ง 1.05 เมตร และที่ (สถานี Y.4) อำเภอเมืองฯ จังหวัดสุโขทัย
ระดับน้ำสูง 6.67 เมตร (ระดับตลิ่ง 7.45 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 0.78 เมตร ที่ฝายยางบ้านกง อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย ระดับน้ำสูง
10.06 เมตร(ระดับตลิ่ง 9.00 เมตร) สูงกว่าตลิ่ง 1.06 เมตร
2. จังหวัดพิษณุโลก เกิดฝนตกหนักทำให้ปริมาณน้ำในลำคลองชมพู และแม่น้ำวังทอง เอ่อล้นตลิ่ง เข้าท่วมบ้านเรือน
ราษฎร และพื้นที่ทางการเกษตร จำนวน 8 อำเภอ ดังนี้
1) อำเภอวังทอง น้ำในคลองชมพูได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรใน 8 ตำบล 75 หมู่บ้าน ได้แก่
ตำบลท่าหมื่นราม (หมู่ที่ 1,2,6,9,14) ตำบลพันชาลี (หมู่ที่ 1-17) ตำบลวังทอง (หมู่ที่ 1,2,7,12,13,14) ตำบลวังพิกุล (หมู่ที่ 4,5)
ตำบลแม่ระกา (หมู่ที่ 1-15) ตำบลวังนกแอ่น (หมู่ที่ 1) ตำบลดินทอง (หมู่ที่ 6) และตำบลหนองพระ (หมู่ที่ 1,3,6,8) ระดับน้ำสูงประมาณ
0.10-0.20 เมตร
2) อำเภอบางกระทุ่ม ยังมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลวัดตายม (หมู่ที่ 1,2,3,5,7,8,)
และที่ตำบลเนินกุ่ม (หมู่ที่ 1) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 เมตร
3) อำเภอบางระกำ มีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลคุยม่วง (หมู่ที่ 6,8,9) ตำบลชุมแสง
(หมู่ที่ 1,2,3,5,8,9) ตำบลนางงาม (หมู่ที่ 1,2,3) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.50 เมตร
4) อำเภอพรหมพิราม ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลตลุกเทียม (หมู่ที่ 1,4,6) ตำบลหอกลอง
(หมู่ที่ 5,6,7) และตำบลวงฆ้อง ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.30 เมตร
5) อำเภอเนินมะปราง ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ หมู่ที่ 5 ตำบลชมพู ระดับน้ำสูง 0.30-0.50 เมตร
6) อำเภอนครไทย น้ำในลำคลองแควน้อยได้เอ่อล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนราษฎรในท้องที่ ตำบลนาบัว (หมู่ที่ 2,3,
4,5,7) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.30 เมตร
7) อำเภอชาติตระการ ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ทางการเกษตรของตำบลท่าสะแก (หมู่ที่ 1-9) ตำบลบ่อภาค
ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20-0.30 เมตร
8) อำเภอวัดโบสถ์ ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ทางการเกษตร 3 ตำบล ได้แก่ ตำบลหินลาด (หมู่ที่ 7,8)
ตำบลคันโช้ง (หมู่ที่ 1,2) ตำบลบ้านท้อแท้ (หมู่ที่ 3) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 เมตร
การให้ความช่วยเหลือ
1) จังหวัดได้ส่งเรือท้องแบน จำนวน 12 ลำ กระสอบทราย 3,300 ถุง เสาเข็ม 200 ต้น ถุงยังชีพ
300 ชุด ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย
2) จังหวัดและอำเภอ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ช่วยเหลืออพยพสัตว์เลี้ยง ขนย้ายทรัพย์สินไปไว้ในที่สูง
3) สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้นำกระสอบทรายมาปิดแทน
พนังกั้นน้ำความยาว 5 เมตร ที่อบต.วังพิกุล อำเภอวังทอง ซึ่งถูกน้ำพัดพังเสียหาย เทศบาลตำบลวัดโบสถ์ ได้นำกระสอบทราย 15,000 ถุง
มาวางเป็นแนวป้องกันน้ำท่วม
4) อำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้เร่งสูบน้ำในพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง
5) สำนักงานก่อสร้างเขื่อนที่ 2 (เขื่อนแควน้อย) สนับสนุนรถบรรทุก จำนวน 4 คัน
3. จังหวัดลำพูน ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่
1) อำเภอเมือง น้ำในแม่น้ำกวงได้ล้นตลิ่ง เข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร ในพื้นที่ตำบลเวียงยอง (หมู่ที่ 1-4,6-8)
ระดับน้ำประมาณ 0.20 เมตร และท่วมขังในพื้นที่ทางการเกษตรของตำบลบ้านแป้น (หมู่ที่ 1,2,3,9) และตำบลอุโมงค์ (หมู่ที่ 4,8,11)
ระดับน้ำสูงประมาณ 0.20 เมตร
2) อำเภอแม่ทา ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 2 ตำบล ได้แก่ ตำบลทาปลาดุก (หมู่ที่ 1-4) ตำบลทากาศ
(หมู่ที่ 4-6,11) ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 เมตร บ้านเรือนราษฎรที่ตำบลทาปลาดุก ซึ่งอยู่บริเวณริมแม่น้ำทาถูกน้ำกัดเซาะตลิ่ง ทำให้
บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 14 หลังคาเรือน ระดับน้ำลดลงคาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติใน 1-2 วันนี้ ระดับน้ำในแม่น้ำแม่กวง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 4 ก.ย. 2549 ที่สะพานท่าสิงห์พิทักษ์ (P.5) อำเภอเมืองลำพูน ระดับน้ำสูง 6.20 เมตร (ระดับตลิ่ง 5 เมตร) สูงกว่าตลิ่ง 1.20 เมตร
4. จังหวัดลำปาง ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตรของอำเภอเถิน จำนวน 3 ตำบล ได้แก่ตำบลล้อมแรด
(หมู่ที่ 1-6,9-11,14) ตำบลเถินบุรี (หมู่ที่ 7) ตำบลแม่ขอด บ้านแม่เตี๋ยะ ระดับน้ำสูงประมาณ 0.10-0.20 เมตร ระดับน้ำลดลงใกล้เข้าสู่ภาวะ
ปกติ
การให้ความช่วยเหลือ จังหวัด/อำเภอ/กิ่งอำเภอ/องค์การบริหารส่วนตำบล พร้อมโครงการชลประทาน
จังหวัดนำเครื่องสูบน้ำ เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง และให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว
5. จังหวัดตาก น้ำในแม่น้ำวังได้เอ่อเข้าท่วมพื้นที่อำเภอสามเงา ที่ตำบลวังหมัน ตำบลวังจันทร์ และตำบล-
ยกกระบัตร ซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำจากอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง ถนนภายในหมู่บ้านได้รับความเสียหายไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ระดับน้ำสูงประมาณ
0.20-0.50 เมตร
การป้องกันและให้ความช่วยเหลือ จังหวัดได้แจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมความพร้อมในการ
อพยพ หากมีสถานการณ์ที่รุนแรง และระดมสรรพกำลัง กำลังพล เครื่องจักรกลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัด เตรียมความพร้อม และเร่งให้
ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว
อนึ่ง เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2549 เวลา 20.30 น. ขบวนรถด่วนที่ 52 สายเชียงใหม่-ลำปาง-กรุงเทพฯ
วิ่งถึงระหว่างสถานีแก่งหลวง กับสถานีปากปาน จังหวัดแพร่ ได้เกิดดินโคลนถล่มทับเส้นทางรถไฟเป็นเหตุให้รถจักรดีเซล รถโบกี้สัมภาระ และ
รถโบกี้นั่ง-นอนตกราง รวมทั้งทำให้รถจักรดีเซลที่ลากจูงขบวนรถด่วนที่ 52 พลัดตกลงในแม่น้ำยม ซึ่งมีนายสาธิต เอี่ยมเสือ (พขร.) และ
นายอนุชา อนุรักษ์ (ช่างเครื่อง) สูญหาย ในขณะนี้พบศพ 1 ราย คือ นายสาธิต เอี่ยมเสือ และอยู่ระหว่างการค้นหาอีก 1 ราย นอกจากนี้มี
ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย จำนวน 4 คน ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเด่นชัย
2.5 การให้ความช่วยเหลือของกระทรวงมหาดไทย
1) อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (นายอนุชา โมกขะเวส) ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
เขต 8 กำแพงเพชร เขต 9 พิษณุโลก เขต 10 ลำปาง นำเรือท้องแบน ถุงยังชีพไปสนับสนุนจังหวัดที่ประสบภัยในเขตพื้นที่รับผิดชอบแล้ว
2) การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในภาวะฉุกเฉินเร่งด่วน ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ใช้จ่ายเงินทดรองราชการ (งบ 50 ล้านบาท)
เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในด้านเครื่องอุปโภคบริโภค ค่าซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย ค่าจัดการศพ ซ่อมแซมสิ่งสาธารณประโยชน์ รวมทั้ง
พื้นที่การเกษตรและปศุสัตว์ บ่อปลาที่เสียหาย
2.6 สิ่งของพระราชทาน
1) เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2549 มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำโดย นายดิสธร วัชโรทัย
รองเลขาธิการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้นำเครื่องอุปโภคบริโภคมอบให้ราษฎรที่ประสบอุทกภัย ในพื้นที่อำเภอดอกคำใต้
และอำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา จำนวน 1,000 ชุด
2) เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2549 มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำโดย นายดิสธร วัชโรทัย
รองเลขาธิการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้มอบถุงพระราชทาน เครื่องอุปโภคบริโภคมอบให้ราษฎรที่ประสบอุทกภัย
ที่วัดหนองฝาด ม.4 ต.วัดเกาะ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย จำนวน 500 ชุด
3) ระหว่างวันที่ 1 - 6 กันยายน 2549 พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ องค์ประธานศูนย์ปฏิบัติการบิน
อาสาอนุรักษ์และกู้ภัยสิริภาจุฑาภรณ์ พร้อมคณะผู้ติดตามได้เสด็จไปทรงติดตามความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่บ้านนาตอง อำเภอเมืองแพร่
จังหวัดแพร่ เพื่อดูแลการก่อสร้าง “บ้านอาสากู้ภัย ร่วมใจสิริภาจุฑาภรณ์” หลังแรก โดยบ้านหลังแรกดังกล่าวสร้างประทานให้กับนางปิ่น แก้วมณี
อายุ 77 ปี ที่ประสบภัยบ้านเสียหายทั้งหลัง ทั้งนี้ บ้านอาสากู้ภัยร่วมใจสิริภาจุฑาภรณ์ จะดำเนินการก่อสร้างทั้งสิ้น 18 หลัง
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ชุดพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร) (รักษาการนายกรัฐมนตรี) วันที่ 5 กันยายน 2549--จบ--